จันทร์ที่ 4 ส.ค.57

วันนี้เราตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปตลาดปลาทสึคิจิ (Tsukiji Fish Market) เรามาถึงตลาดประมาณเจ็ดโมงเช้า

การเดินทางไปตลาดปลาทสึคิจิ (Tsukiji Fish Market)

>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย H-Hibiya Line (สีเทา) ลงสถานี H10-Tsukiji ทางออก 1 (Exit 1) เสร็จแล้วเดินไปตามถนนอีกราว 5-10 นาที
>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟใต้ดิน Toei Line สาย E-Oedo Line (สีชมพู) ลงสถานี E18-Tsukijishijo ทางออก A1)

ที่ตั้ง : แขวงซึกิจิ, เขตชูโอ, โตเกียว

เปิด-ปิด : ตลาดเปิดราวๆ 04.00 น. ในส่วนของตลาดปลาจะวายราวๆ 10.00 น. แต่ในส่วนของร้านค้าโดยรอบอาจเปิดถึงตอนบ่ายไปจนกระทั่งค่ำ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละร้าน / ตลาดปิดวันอาทิตย์ และวันหยุดตามปฎิทินญี่ปุ่น

ไปตลาดปลาเราเดินทางโดยวิธีที่ 1 วันนี้เราอยู่ที่ Ueno 2 วัน เราเลยซื้อบัตร Tokyo Subway 2 Day









แล้วเราก็มาโผล่ตรงนี้ เดินไปหน่อยก็เจอเลยครับ เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้









เดินตรงไปข้ามถนนก็ถึงตลาดปลาแล้วครับ









มาคราวที่แล้วตรงกับวันอาทิตย์ ตลาดปิด แต่วันนี้มาวันจันทร์คึกคักดีเหมือนกัน





เจอซูชิ ร้านเทพหรือเปล่าไม่รู้ เห็นคนต่อคิวยาวเชียว เราไม่รีบ แต่ไม่อยากต่อคิว ขอเดินชิวๆก่อนแล้วกัน





เดินมาเรื่อยๆเจอร้านเทพอีก 2 ร้านแล้วครับ คนรอแน่นเชียว เราไม่สน







เดินชมตลาดต่อไป





แวะชิมไข่หวาน 2 เจ้าที่เราเคยมากิน สองร้านนี้แหละครับ







ที่ตลาดปลาจะมีประชาสัมพันธ์ไว้บริการนักท่องเที่ยว พร้อมป้ายชื่อร้านซูชิ ให้ดูเป็นไกด์ไลน์



อย่าตื่นเต้นครับ ที่ตลาดปลามีอาหารราคาไม่แพงหลอกให้เราเพลิดเพลินเสียเงินชิมโดยไม่รู้ตัว

ระวังชิมมากจะอิ่มก่อนได้กินข้าวหน้าซูชิเน้อ























นี่ก็โดนไป ซาลาเปาดำไส้ไข่หอยเม่น แปลกๆดี แต่รสชาติยังไม่โดน







ร้านขายมีดก็มี







สมาชิกเริ่มหิวเต็มที่ เราไม่มีร้านในดวงใจ แต่หิวแล้วร้านไหนก็ได้ น่าจะอร่อยพอๆกัน เห้อๆ

เราฝากท้องไว้ร้านนี้แหละครับ ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าไหร่ ที่สำคัญไม่ต้องไปยืนรอนานๆ





มาดูเมนูกันก่อน

ไม่รู้เรียกอะไรบ้าง เห็นรูปก็จิ้มๆไป ราคาไม่สน งบกองกลางยังเหลืออีกเป็นแสนเยน 555















น่ากินเปล่า เวปนี้มีคู่มือคู่มือวิธีการทาน Kaisen Hitsumabushi คลิ๊กเลย มาคราวที่แล้วเราสั่งข้าวหน้าปลาดิบรวม แต่ไม่รู้วิธีการกิน คราวนี้รู้วิธีการกินแต่ไม่ได้สั่งครับ







ผมไม่ใช่เซียนอาหารญี่ปุ่น แต่กินแล้วรสชาติก็คล้ายๆกันไม่ทิ้งกันเท่าไหร่ แต่ที่ชอบคือวาซาบิ ของเค้าขึ้นจมูกจริงๆ

อิ่มเสร็จไปแวะซื้อของที่กินซ่าหน่อย แต่ไปถึงแล้วของไม่มีอ่ะ





เอาไงดี ร้อนๆขอขึ้นแวะดิ่มน้ำตั้งหลักก่อน ว่าจะไปซ้อปที่ไหนต่อ





สรุป สมาชิกไปช้อปปิ้งที่ฮาราจูกุ ส่วนผมก็บินเดี่ยวเดินเที่ยวศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) อยู่ใกล้ๆกัน ถือว่าวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย





เราแยกกันตรงนี้ ประมาณชั่วโมงครึ่งเรานัดเจอกันที่นี่

สถานีอยู่หน้าร้าน Garrett Popcorn หลังจากนัดเวลาก็แยกย้ายกัน





ผมเดินข้ามทางรถไฟก็มาถึงศาลเมจิ ส่วนสาวๆก็ไปช้อปปิ้ง

เสาโทริอิเปิดประตูรอรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชม







เดินผ่านประตูโทริอิ แล้วมองย้อนกลับไป





กับมุมเดิมๆ





มาครั้งนี้ไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนครั้งแรก แต่ความรู้สึกอยากนั่งพัก ปล่อยอารมณ์ไปตามธรรมชาติมากกว่า





เดินมาถึงศาลเมจิแล้วครับ





อย่าลืมล้างมือ ล้างปากที่บ่อน้ำชำระล้าง (Temizuya) ก่อนเข้าศาลด้วยนะครับ

วิธีการล้างมือ Temizuya คลิ๊กเลย











เดินชมศาลไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดพัก 

มีป้ายไว้เขียนขอพรด้วยครับ 500 เยนเอง มาคราวที่แล้วก็ไม่ได้เขียน ครั้งนี้ก็ไม่ได้เขียนอีกไม่รู้ทำไม เสียดาย ถ้ามีโอกาสคราวหน้าไม่พลาดแน่









มีคนไทยเขียนหลายท่านอยู่เหมือนกัน





นั่งเล่นเดินเล่นแป๊ปๆผ่านไปชั่วโมง เร็วมาก ได้เวลาเดินกลับ 

ขอบคุณเป้ใบนี้ที่แบกสัมภาระทั้งกล้องและของต่างๆมาตลอดทริป วันนี้ให้เค้าพักบ้างเนาะ





ใกล้เวลานัดเจอสาวๆเค้าแล้ว ผมเดินไปเดินเล่นที่ถนน Takeshita คนยังแน่นอยู่เหมือนเดิม









ไม่ไหว คนเยอะเกิน ไม่ใช่แนว สงสัยเราจะแก่จริง 555

เดินไปรอสาวๆที่จุดนัดพบ แล้วเราก็ไปย่านอิเคะบุคุโระต่อ





มาถึงอิเคะบุคุโระ แวะเติมพลังกันก่อน ด้วย ยากิโซบะกับพิซซ่าญี่ปุ่น (Okonomiyaki )

ร้านนี้เค้าจะให้เราทำเอง โดยมีบริกรคอยแนะนำอยู่ใกล้ๆ





มาแล้วพิซซ่าญี่ปุ่น ได้เวลาลุยกันแล้ว

เอาหมูไปทอด 

ผสมเครื่องในถ้วยเสร็จ เอาไปทอดในกระทะ






ระหว่างรอพิซซ่าให้สุก ยากิโซบะ ก็มาเสริฟ ได้เวลาเชฟกระทะเหล็กโชว์ฝีมือแล้ว

เอาหมู ปลาหมึก กุ้ง ทอดก่อน

เนื้อสัตว์เริ่มสุกก็เอาเส้น ผัก ทั้งหมดลงไปผิด






ระหว่างผัด สลัดก็มาเสริฟ ทิ้งตะหลิวหันมากินสลัดก่อนดีกว่า 555





กินสลัดเสร็จ พิซซ่าญี่ปุ่นเริ่มสุก ก็ใส่มายองเนส









ตามด้วยผักอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็ปลาแห้ง ชอบอ่ะพอโดนความร้อนมันจะหดๆงอๆเหมือนดิ้นได้ แต่รสชาติผมเฉยๆ ชอบยากิโซบะมากกว่า สรุป ผัดไปกินไป เราสั่งยากิโซบะมาต่อ ส่วนพิซซ่าสั่งแค่ชุดเดียว







เติมพลังเสร็จก็ได้เวลาช้อปปิ้งของสาวๆ ส่วนผมเดินถ่ายรูปแถวนั้นเล่นดีกว่า





































แล้วก็มาถึงพระเอกของเรา ไม่ใช่สิ นางเอกของเรา เมื่อวานน้องจ๋าลืมมือถือที่เมืองเซนได ก็คิดว่าไม่ได้คืนแล้ว พอวันนี้ไปซื้อของที่ยูนิโคล่ ลองถามพนักงานเล่นๆว่าเมื่อวานไม่รู้ว่าลืมมือถือที่ยูนิโคล่ สาขาเซนไดหรือเปล่า ถามเล่นๆ ไม่คิดว่าพนักงานจะเอาใจใส่ แต่ผิดคาดน้องเค้าโทรไปถามที่สาขาเซนได ปรากฏว่าเจอมือถือน้องจ๋าจริงๆ โอ๋..สุดยอดเลยครับ แต่ปัญหาคือเราจะบินกลับเมืองไทยพรุ่งนี้แล้ว แต่น้องเค้าก็ไม่หมดความพยายาม เป็นธุระให้มาก ทั้งติดต่อ ทั้งประสานงานให้ และจะส่งของใช้บริการแมวดำมาที่โรงแรมที่เราพักคืนนี้ บอกว่าไม่เกินห้าโมงเช้าของวันพรุ่งนี้มาถึงโรงแรม สุดประทับใจจริงๆเลยครับ ขอบคุณ uniqlo ทั้งสองสาขา ขอบคุณคนญี่ปุ่นทุกคน และขอบคุณโดยเฉพาะพนักงาน madako togo จากใจเลยครับ ที่ช่วยดูแลเป็นธุระให้เรา ขอบคุณครับ

ห้าง uniqlo สาขาอิเคะบุคุโระ





น้องจ๋าลงใน fb ชมน้อง madako togo พนักงาน uniqlo และเมล์ไปชมที่สำนักงาน uniqlo โดยตรง





หลังจากช้อปเสร็จ เราก็ไปรปปงหงิ คลิ๊กเลย เพื่อขึ้นไปชมวิวเมืองโตเกียวยามค่ำคืนที่ ตึกโมริ รปปงหงิ ฮิลล์
ต้องซื้อบัตรค่าเข้าชมกันก่อน คนละ 1,500 เยน







ได้บัตรก็ขึ้นลิฟท์ไปชมวิว แสงสี เมืองโตเกียวกันครับ





ขึ้นไปถึงตะลึงกับแสงสีเมืองโตเกียว คุ้มกับค่าบัตร 1,500 เยน สวยมาก แต่ผมถ่ายรูปไม่สวย ถ่ายได้แค่นี้ เลยไม่ถ่าย ได้แต่นั่งดูแสง สี กันไป

















ประมาณสองทุ่มครึ่งเราก็ลงจากตึกโมริแล้วครับ 

ลงจากตึกโมริ เราก็ไปช้อปปิ้งต่อที่ Don Quijote หรือดองกี้ เป็นร้านโชว์ห่วยที่อัดแน่นไปด้วยสินค้าญี่ปุ่น (คล้ายๆตึกม่วง) มีทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ โดยเฉพาะสาขานี้ใหญ่ติดอันดับเหมือนกันที่สำคัญเปิดตลอด 24 ชั่วโมง สาวๆช้อปกระจาย กว่าจะเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม ก็ได้เวลากลับที่พักแล้วครับ คืนนี้เราพักที่เดิม Tokyo Ueno New Izu พรุ่งนี้เป็นเวลาของสาวๆ เก็บตกช้อปปิ้ง ตึกม่วงและแถวอูเอโนะ  //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=08-2014&date=24&group=12&gblog=38 วันนี้เหนื่อยโฮก ขอตัวนอนพักผ่อนก่อนครับ