YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
วันที่ 2 ต้องโง่ ถึงจะรู้เรื่อง



นอกจากเป็นเมืองอาร์ตแล้ว ยังเป็นเมืองร้านกาแฟ
มีถี่ๆ ยังกับ 7-11 เมืองไทย ยังไม่เจอร้านไหนรสชาติไม่ดีเลย
(เอ่อ เพิ่งลองมาแค่สามร้าน) นั่งไปก็สังเกตไป คนนั่งนานกันเท่าไหร่หว่า
เมื่อวานร้านเล็กๆ กลางเมือง คนนั่งแป๊บเดียวออก ไม่ได้นั่งแช่นานนัก
ร้านที่สอง เป็นร้านในตรอกที่เต็มไปด้วยร้านอื่นๆ
มีหนุ่มเชียร์กาแฟหน้าร้านด้วย ร้านนี้แพงกว่าร้านแรก
ร้านใหญ่กว่า คนนั่งนานกว่า
ร้านที่สามเป็นร้านนอกเขตเมือง อยู่ติดกับตลาด
แต่ตลาดชิคมากๆ ร้านกาแฟก็เก๋สุดๆ มีเครื่องคั่วเองด้วย ในร้านเลย
ร้านนี้คนนั่งชิลที่สุด ร้านน่ารักที่สุดด้วย แต่ปลื้มกาแฟร้านที่สองที่สุด
ถ้าให้กลับไป อีก คงกลับไปร้านที่สอง แต่ว่าก็
.. มีอีกตั้งหลายร้านให้เลือกนี่นะ จะกลับไปทำไม :)



ร้านที่ 2 ค่า Caffe e biscotti

วันนี้ต้องเช็คเอาท์ออกจากห้องรูหนูที่อยู่เมื่อวาน

ไปห้องใหญ่หน่อยเพราะเพื่อนเบสต์เดินทางมาถึงวันนี้

แต่ห้องใหม่ยังไม่พร้อมให้เช็คอิน ก็ไม่เป็นไร

เรามีแพลนอยู่แล้ว ไปเรียนบัลเล่ต์ สตูดิโอ The Dance Space 

ที่จะไปอยู่ไกลเหมือนกัน แต่นั่ง tram ไปได้

ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะตอนเช้าก็เดินเข้าร้านกาแฟ

ร้านที่สองที่บอกไว้ข้างต้นนั่นแหละ ระหว่างทางเจอร้านหนังสือ

ขายเล่มละ 7 เหรียญ (175 บาท) ทั้งร้าน Closing down sale 

ทั้งตื่นเต้นทั้งหดหู่ ตื่นเต้นที่ โอ้ว ลดเยอะมาก หนังสือดูดีทั้งนั้น

ที่น่าหดหู่คือ ทำไมหนอเขาต้อง closing down 

เมื่อวานเจอมาแล้วหนึ่งร้าน นี่ก็อีกร้านหนึ่ง




ร้านที่เจอวันนี้





ร้านที่เจอเมื่อวาน


แต่ยังดีที่แม้น้านหนังสือจะปิดตัว แต่ห้องสมุดไม่ปิดตาม 

วันนี้เป๋เส้นทางไปเจอห้องสมุดอีกอัน นามว่า city library 

เดินเข้าไปสิคะ จะรออะไร หูย อุ่นสบายดีจัง

พนักงานรักษาความปลอดภัย ทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับไปในตัวด้วย

ยิ้มให้เราแบบร่าเริงมากๆ ด้านหน้ามีร้านกาแฟ

ด้านบนมีส่วนของการจัดนิทรรศการ และมีเปียโนแอบอยู่หนึ่งตัว

เปิดให้เล่นได้ มีคนเล่นอยู่ ไม่กล้าถ่าย

ไม่ได้กลัวเขาเขิน กลัวเขาหาว่าเราตื่นเต้นไม่เข้าเรื่อง


ด้วยความที่เมลเบิร์นเป็นเมืองที่คนเอเชียมาอยู่เยอะมากถึงมากที่สุด

ไม่รู้ตัวเลขเป็นทางการ แต่เราว่าน่าจะมี 50% เลยแหละที่เป็นคนต่างชาติ

เดินๆ ไปเนี่ย หัวดำๆ หน้าจีนๆ ทั้งนั้น

เข้าห้องสมุดก็มี section ภาษาจีน และภาษาเกาหลีให้เลยทีเดียว

แถมยังมี section หนังสือสำหรับคนที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองด้วย

เดินเรื่อยไปดูหนังสือ Arts Section ก็เป็นเหมือนกันหมดทุกชาติทุกภาษาละมั้ง

การเต้นจะอยู่รั้งท้ายในแวดวงศิลปะ ห่างชั้นออกมาจากวาด ปั้น ดนตรี หนัง ละคร

นี่หนังสือเต้นมีน้อยมาก เกือบจะสุดชั้น หรืออาจจะเป็นเพราะว่า

การเต้นนั้น เป็นศิลปะที่บันทึกลงกระดาษไม่ได้

หากเป็นสิ่งซึ่งต้องสัมผัส ขณะนั้น รู้สึก เดี๋ยวนั้น

และการศึกษาการเต้นนั้น ศึกษาผ่านการอ่านก็ไม่ได้ด้วย

มองจากมุมนี้ ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ที่หนังสือเต้นจะมีน้อยมาก


เมลเบิร์นเป็นเมืองไม่หวง WIFI มีให้ใช้ตลอดเลยทีเดียว

ร้านกาแฟมี WIFI ให้ใช้ ห้องสมุดก็มี WIFI ให้ใช้

แบบสัญญาณดีด้วยนะ ไม่ใช่สักแต่ว่ามี สัญญาณขึ้นเต็ม แต่โหลดอะไรไม่ได้สักอย่าง

มาที่นี่ แม้ไม่ได้ซื้อ Sim2Fly ก็รับรองไม่ขาดการติดต่อกับใครแน่นอน

และถ้าใครไปเมลเบิร์นแล้วเบอก ติดต่อไม่ได้ไม่มีเน็ต ให้รู้ไว้

มั ! ! !




ห้องสมุดกลางเมือง





ส่วนของ exhibition ในห้องสมุด ที่มีเปียโนหนึ่งตัวแอบอยู่





ร้านกาแฟหน้าห้องสมุด











ใต้ชั้นนี้ มีหนังสือโหาราศาสตร์ด้วยจ้ะ











section ไดโนเสาร์





หนังสือศาสนาไม่ได้ใช้ หมวดศาสนา แต่รวมเป็นเรื่องสังคมวิทยาไป




หนังสือเต้นสุดชั้น มีแค่นี้





แบบเรียนภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาติ และ immigrants





ห้องน้ำอย่างดี



มีเรื่องตลกตอนขึ้น tram ไปคลาสบัลเล่ต์ เราขึ้น tram จากโซน free tram ไปลงเอาอีก 20 กว่าสถานีข้างหน้า คือ เท่าที่เรารู้ การขึ้นใน free tram zone มันไม่ต้องแตะ myki card ทีนี้เราไม่แตะไง พอนั่งพ้น free tram zone ออกไป ชักสงสัย แล้วตอนนี้มันไม่ free แล้ว แล้วไงหว่า เลยเปิดเน็ตหา เขาบอกว่าอย่างนี้ต้องแตะ card ด้วย อะทีนี้ก็เริ่มนั่งไม่ติดละสิ กลัวคนตรวจตั๋วขึ้นมาตรวจ จะเจอว่า ยัยเอเชียนี่แอบนั่งรถฟรี คิดได้อย่างนั้นเลยตัดสินใจลงมาก่อนที่ป้ายถัดมา รอคันหน้ามาแล้วค่อยขึ้นไปแตะ แล้วเดินทางต่อ แต่โอ้แม่เจ้า ปรากฏว่า มันรอนานมาก นานมากๆๆๆๆ จากที่เผื่อเวลาไว้เสียเยอะ กลายเป็นว่าลงจาก tram แล้วต้องวิ่งๆๆๆ ไปอีกเกือบ 500 เมตร ถึงแล้วรีบจ่ายตังค์ เปลี่ยนเสื้อผ้า สายไป 5 นาทีค่ะ โวะ! เรื่องตลกไม่จบแค่นี้ ขากลับกลับ tram อีกเหมือนกัน ได้ยินประกาศว่า ถ้าคุณเดินทางจาก free tram ออกไป พอพ้นเขตแล้วให้แตะ card ด้วยนะ อ้าว แปลว่าแตะ card โดยไม่ต้องลงจากรถก็ได้นี่หว่า ฮ่วย!!!! หายโง่ไปหนึ่งดอกค่ะ

















คลาสบัลเล่ต์ที่วันนี้ไปก็ดีนะ ห้องไม่ใหญ่มาก

คนเรียนคล้ายๆ กับ class ballet level 3 (ระดับสูงสุด

ของคลาสผู้ใหญ่ที่ SIngapore Dance Theatre 

คือมีทั้งระดับ professional มาเทคคลาส และผู้ใหญ่ที่เพิ่งมาเริ่มเต้น

แต่อันนี้ดีกว่าตรงที่มีเป็นเวลากลางวันด้วย ที่สิงคโปร์มีแต่ตอนกลางคืน

คลาสที่นี่ราคาเกือบๆ 500 บาท ถือว่าแพงกว่าที่ยุโรป

ที่คลาสหนึ่งตกแค่ราวๆ 300 บาท แต่ยังไงก็ถูกกว่าของไทยอยู่ดี

คนวัฒนธรรมฝั่งนี้ เขาให้ค่าคลาสเต้นเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเขา

แต่ที่ไทยกลับกายเป็นของแพง ของหายาก

ได้เต้นเสียบ้างก็ดีหรอก คลายความเมื่อยความขัดจากเครื่องบินได้เป็นอย่างดี 

เรียนบัลเล่ต์เสร็จก็ไปร้านกาแฟ เดินเล่นตลาด สวยงามตามท้องเรื่อง




ร้าน 3 Market Lane




มีเครื่องคั่วเก๋ๆ ในร้าน




น้ำดื่มบริการก็เก๋




ปะ เดินตลาดกัน






น้อยโหน่ง มันชื่อ soursop ไม่ใช่เรอะ







นี่คือลูกอะไร




organic กันไป ของขึ้นชื่อของที่นี่


ตอนเย็นเดินทางไปที่ที่จะต้องไปสัมมนาพรุ่งนี้เช้า ที่ Abottsford Convent 

ใช่แล้ว สัมมนากันในโบสถ์นั่นแหละ เพราะพรุ่งนี้เช้ามาก กลัวจะหลง

เลยไปดูที่ดูทางก่อน เลยได้เรื่องโง่เพิ่มขึ้นอีกอย่าง myki card มีตังค์อยู่เท่าไหร่ไม่แน่ใจ

แต่เท่าที่รู้ ค่าเดินทางที่นี่ชาร์จฮวบไป 4-5 เหรียญ เพราะฉะนั้น

เดาว่าน่าจะเหลืออยู่ราวๆ 6-7 เหรียญ ขาไปไปได้ แต่ขากลับตังค์ไม่พอแน่

ไม่เป็นไร ไปก่อน แล้วค่อยหาที่เติมตังค์เอา


ไปถึงโบสถ์มันก็จะมืดๆ หน่อย แต่ไม่ปิดนะ เดินเข้าไปดูๆ ก็แปลกๆ ดี

มาเดินในโบสถ์ตอนดึกๆ ไม่นานก็กลับ ตอนกลับออกมาฟ้าก็มืดแล้ว

ไม่มีที่ไหนดูจะ top up บัตรได้เลย เลยเดินๆๆๆๆ ไปจนถึงสถานีรถไฟ 1 กิโลพอดี

แตะบัตรเข้าไปที่เครื่องให้มันอ่านว่าเหลือเท่าไหร่ จะได้เติมเงินเข้าไป

ป๊าดดดด 7 เหรียญ ไหงงั้นล่ะ


หายโง่เรื่องที่สองคือ ที่นี่มันให้เวลาเรา 2 ชั่วโมง

ถ้าเดินทางภายใน 2 ชั่วโมง เสียตังค์แค่รอบเดียว ประมาณนั้นนะ

ยังมีรายละเอียดอีก แต่ขี้เกียจอ่าน รู้ไว้คร่าวๆ แค่นี้ให้เจ็บใจเล่นพอ

ให้เดินเป็นโลเลย ขอบคุณมาก


อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง เผื่อใครมาเที่ยวเมลเบิร์น

เวลาขึ้นรถเมล์ ให้แตะบัตรทั้งขึ้นทั้งลงนะ

ส่วน tram แตะแค่ตอนขึ้น ตอนลงไม่ต้องแตะจ้า





ผจญภัยเสียเหนื่อย แวะซื้อของกินเข้าห้องเล็กน้อย

พรุ่งนี้เริ่มสัมมนาแล้ว ผู้จัดย้ำนักย้ำหนา ต้องเตรียม lunch ไปเองนะ :)




Create Date : 15 กันยายน 2561
Last Update : 15 กันยายน 2561 4:13:41 น. 0 comments
Counter : 524 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
 
กันยายน 2561
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
15 กันยายน 2561
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.