Group Blog All Blog
|
ของฝาก (1) เราทำงานมาเป้นหมอเฉพาะทางเข้าปีที่ 17 แล้ว ตอนสมัยอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ ก่อนไปเรียนต่อ เคยมีคนไข้เอาของมาฝากบ้าง พอเป็นเฉพาะทาง ก็มีมากขึ้น อาจเพราะเคสที่มีทุกวันนี้ บางทีเป็นเคสต่อเนื่อง รักษาสู้รบต่อกรกับความเจ็บป่วยกันน่าน คนไข้เลยต้องเจอกันบ่อย คุยกันบ่อย ประมาณว่าใช้แคปชั่น 'สู้ไปด้วยกัน' ได้อยู่ เมื่อวานคนไข้ที่เป็นบาริสต้ามาตามนัด ตรวจเสร็จ เอาแก้วน้ำยี่ห้อให้ เราก็ขอบคุณ รับมา :) จริงๆ เรามีของทุกอย่างเยอะมาก คือตัวเราเองซื้อของจุ๊กจิ๊กตลอด เป็นคนฟุ่มเฟือยกินจุ แต่ไม่ติดยี่ห้อของแพง พูดตามตรง ทุกวันนี้จะไปจับฉลาก เราไม่อยากได้ของกลับบ้านเลย อยากเอาไปให้จับเป็นรางวัลพิเศษ ให้คนอื่นก็พอ ของเรามีเยอะมากแล้ว เต็มบ้าน เราเองก็ซื้อหนังสือไม่หยุด (ฮ่า) แต่ของที่คนไข้ให้ ก็มีคุณค่าทางใจ แม้แต่ตอนนี้ที่ระลึกถึงขึ้นมา ก็ชุ่มชื่นใจว่าคนต่างจังหวัดนั้น น่ารักเพียงใด --------------- พูดถึงว่า ถ้าไม่ใช่คนไข้ เราเคยได้แก้วน้ำจากน้องที่เราสอนมาแล้ว 2-3 แก้ว ได้ปากกาลามี่ จากนักศึกษาส่วนใหญ่ก็เป็นของ handmade จากน้องในจังหวัด เป็นหมอน เป็นอะไรก็มี ที่พูดนี้ เราระลึกถึงว่าขอบคุณ ในชีวิตเราที่ชอบให้ของคนอื่นนี่ละมัง เราก็ได้ของเองเยอะมาก และ ถ้าว่าของจากคนไข้นี่ ได้เยอะ ทั้งที่เราทำงานไม่ได้มีการผ่าตัดราคาแพง แต่เป็นเพราะเขาอาจจะเห็นใจในความพยายามของเรา ไม่ก็ เห็นสภาพแล้วสงสารความตะเกียกตะกายของหมอ --ฮิ้วว มีทั้งของกินของใช้ ได้ขนม ได้ลูกชิ้น (อันนี้เราจำได้ คนไข้คงสงสารเราทำงานไม่ได้พักเที่ยง) ผักผลไม้ น้ำพริก ข้าวปลาอาหารได้หมด ของสดของแห้ง ผ้าไหมนี่ได้ไม่น้อยกว่า 5 ชิ้น แบบญาติคนไข้เอามาเรียงสีให้ชี้เลือกเลยก็มี ได้ผ้าไหมแบบเย็บเป็นที่ใส่ของ ได้ชุดผ้าไหมสำเร็จรูปก็มี (ทุกคนคิดว่าเราผอม ความจริงเราเป็นสาวร่างยักษ์ ซ่อนรูปหนักมาก) (ชุดไหมที่ได้มาก็คือใส่ไม่ได้เลยซักตัว) (ส่วนผ้าไหมผืนที่ได้มาก็ยังไม่เคยเอาไปตัดเลย เพราะเราเองมีผ้าแล้วเยอะมาก) ได้ชุดเครื่องสำอางเป็นกล่องมาเลยก็มี ได้นมกระป๋อง ได้เค้ก สารพัดตามเทศกาลก็มี ทั่วๆ ไป ไม่ใข่แค่เราได้นะ น้องเราก็มีคนไข้ให้เหมือนกัน แต่มากน้อยเราไม่ทราบของแต่ละคน อันนี้เรารวมๆ ความทรงจำไว้ ขอบคุณคนไข้และทุกคนที่นึกถึงกัน ---------- ครั้งนึง พี่เราซึ่งมีแฟนเป็นหมอฟันเหมือนกัน แต่อยู่ในกรุงเทพฯ คนไข้พี่เค้าให้หมูแผ่นจากสิงคโปร์กล่องนึง พี่เราก็แบบ เออนี่นะ อยู่หัวเมือง คนไข้ให้ของดูหรูหรากว่า แต่ว่า เราไม่รู้สึกอยากกินเลย มันดูไม่น่ากิน ตอนนั้น ถ้าจะให้เรากิน เราคงกินของ ส.ขอนแก่น มากกว่า สุดท้าย พี่เราก็บ่นว่า หมูอันนั้นไม่อร่อย (อิอิ) เราว่า ของทางอีสานแซบสุดละ (นี่เป็นความเห็นของช่วงที่ยังไม่งดเนื้อสัตว์) _________ แต่มีอยู่วันนึง ตอนเที่ยง เรานั่งกินข้าวในห้องกินข้าวที่ฝ่าย พี่ผู้ช้วยเดินเข้ามาแล้วบอกเราว่า คนไข้มีของให้ คนไหนคะ พี่เค้าบอก พี่ก็ไม่รู้ คนไข้มาฝากไว้เคาเตอร์ ในนั้นมีดอกไม้ด้วย เป็นตอกไม้ไหว้พระ 2-4 ชุด แบบดอกไม้ซื้อวันพระไปเสียบแจกัน (เราจำจำนวนไม่ได้ แต่ไม่ใช่ช่อเดียว) ข้าวดอกอัญชัน หุงแบ่งใส่ถุง 3-4 ชุด พร้อมไข่ต้มอีกเป็นสิบฟอง พร้อมน้ำพริกแจ่วบองอีกสองตลับ เรา :) คนไหนคะพี่ เค้าจะไปวัดแต่ไปไม่ทันเพลรึเปล่า พี่ผู้ช่วยทันตแพทย์บอกว่า พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ทัน เค้ามาฝากไว้เคาเตอร์ วันนั้นเราก็เอาอาหารที่ได้มาแบ่งให้ในฝ่าย ถ่ายรูปเก็บไว้ เราบอกทุกคนว่า เราขึ้นสุ่จุดสูงสุดของการเป็นทันตแพทย์แล้วล่ะ มีคนเอาดอกไม้มาถวายพร้อมอาหารทีเดียวเชียว (จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าใคร แต่เอาเป็นว่าขอบคุณนะคะ แล้วก็เรากับคนในฝ่ายกินแล้วปลอดภัยดีค่ะ) จบตอน :)
|
สุขใจพริ้ว
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เป็นบันทึกเรื่องราวทั่วไป ตามที่ใจนึกอยาก ของคนทำงานไกลบ้าน | |||||