มีนาคม 2568

 
 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
31
 
 
4 มีนาคม 2568
ของฝาก (1)
เราทำงานมาเป้นหมอเฉพาะทางเข้าปีที่ 17 แล้ว
ตอนสมัยอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ ก่อนไปเรียนต่อ
เคยมีคนไข้เอาของมาฝากบ้าง

พอเป็นเฉพาะทาง ก็มีมากขึ้น
อาจเพราะเคสที่มีทุกวันนี้ บางทีเป็นเคสต่อเนื่อง
รักษาสู้รบต่อกรกับความเจ็บป่วยกันน่าน
คนไข้เลยต้องเจอกันบ่อย คุยกันบ่อย
ประมาณว่าใช้แคปชั่น 'สู้ไปด้วยกัน' ได้อยู่

เมื่อวานคนไข้ที่เป็นบาริสต้ามาตามนัด
ตรวจเสร็จ เอาแก้วน้ำยี่ห้อให้ เราก็ขอบคุณ รับมา :)

จริงๆ เรามีของทุกอย่างเยอะมาก
คือตัวเราเองซื้อของจุ๊กจิ๊กตลอด เป็นคนฟุ่มเฟือยกินจุ
แต่ไม่ติดยี่ห้อของแพง

พูดตามตรง ทุกวันนี้จะไปจับฉลาก เราไม่อยากได้ของกลับบ้านเลย
อยากเอาไปให้จับเป็นรางวัลพิเศษ ให้คนอื่นก็พอ
ของเรามีเยอะมากแล้ว เต็มบ้าน
เราเองก็ซื้อหนังสือไม่หยุด (ฮ่า)

แต่ของที่คนไข้ให้ ก็มีคุณค่าทางใจ
แม้แต่ตอนนี้ที่ระลึกถึงขึ้นมา ก็ชุ่มชื่นใจว่าคนต่างจังหวัดนั้น น่ารักเพียงใด

---------------

พูดถึงว่า ถ้าไม่ใช่คนไข้

เราเคยได้แก้วน้ำจากน้องที่เราสอนมาแล้ว 2-3 แก้ว ได้ปากกาลามี่
จากนักศึกษาส่วนใหญ่ก็เป็นของ handmade
จากน้องในจังหวัด เป็นหมอน เป็นอะไรก็มี
ที่พูดนี้ เราระลึกถึงว่าขอบคุณ

ในชีวิตเราที่ชอบให้ของคนอื่นนี่ละมัง เราก็ได้ของเองเยอะมาก

และ ถ้าว่าของจากคนไข้นี่ ได้เยอะ

ทั้งที่เราทำงานไม่ได้มีการผ่าตัดราคาแพง
แต่เป็นเพราะเขาอาจจะเห็นใจในความพยายามของเรา
ไม่ก็ เห็นสภาพแล้วสงสารความตะเกียกตะกายของหมอ --ฮิ้วว
มีทั้งของกินของใช้

ได้ขนม ได้ลูกชิ้น (อันนี้เราจำได้ คนไข้คงสงสารเราทำงานไม่ได้พักเที่ยง)
ผักผลไม้ น้ำพริก ข้าวปลาอาหารได้หมด ของสดของแห้ง
ผ้าไหมนี่ได้ไม่น้อยกว่า 5 ชิ้น แบบญาติคนไข้เอามาเรียงสีให้ชี้เลือกเลยก็มี
ได้ผ้าไหมแบบเย็บเป็นที่ใส่ของ
ได้ชุดผ้าไหมสำเร็จรูปก็มี (ทุกคนคิดว่าเราผอม ความจริงเราเป็นสาวร่างยักษ์ ซ่อนรูปหนักมาก)
(ชุดไหมที่ได้มาก็คือใส่ไม่ได้เลยซักตัว)
(ส่วนผ้าไหมผืนที่ได้มาก็ยังไม่เคยเอาไปตัดเลย เพราะเราเองมีผ้าแล้วเยอะมาก)
ได้ชุดเครื่องสำอางเป็นกล่องมาเลยก็มี
ได้นมกระป๋อง ได้เค้ก สารพัดตามเทศกาลก็มี

ทั่วๆ ไป ไม่ใข่แค่เราได้นะ น้องเราก็มีคนไข้ให้เหมือนกัน
แต่มากน้อยเราไม่ทราบของแต่ละคน
อันนี้เรารวมๆ ความทรงจำไว้ ขอบคุณคนไข้และทุกคนที่นึกถึงกัน

----------

ครั้งนึง พี่เราซึ่งมีแฟนเป็นหมอฟันเหมือนกัน แต่อยู่ในกรุงเทพฯ
คนไข้พี่เค้าให้หมูแผ่นจากสิงคโปร์กล่องนึง
พี่เราก็แบบ เออนี่นะ อยู่หัวเมือง คนไข้ให้ของดูหรูหรากว่า

แต่ว่า เราไม่รู้สึกอยากกินเลย มันดูไม่น่ากิน
ตอนนั้น ถ้าจะให้เรากิน เราคงกินของ ส.ขอนแก่น มากกว่า
สุดท้าย พี่เราก็บ่นว่า หมูอันนั้นไม่อร่อย (อิอิ)
เราว่า ของทางอีสานแซบสุดละ (นี่เป็นความเห็นของช่วงที่ยังไม่งดเนื้อสัตว์)

_________

แต่มีอยู่วันนึง ตอนเที่ยง เรานั่งกินข้าวในห้องกินข้าวที่ฝ่าย
พี่ผู้ช้วยเดินเข้ามาแล้วบอกเราว่า คนไข้มีของให้
คนไหนคะ
พี่เค้าบอก พี่ก็ไม่รู้ คนไข้มาฝากไว้เคาเตอร์

ในนั้นมีดอกไม้ด้วย

เป็นตอกไม้ไหว้พระ 2-4 ชุด แบบดอกไม้ซื้อวันพระไปเสียบแจกัน
(เราจำจำนวนไม่ได้ แต่ไม่ใช่ช่อเดียว)
ข้าวดอกอัญชัน หุงแบ่งใส่ถุง 3-4 ชุด พร้อมไข่ต้มอีกเป็นสิบฟอง
พร้อมน้ำพริกแจ่วบองอีกสองตลับ

เรา :)
คนไหนคะพี่ เค้าจะไปวัดแต่ไปไม่ทันเพลรึเปล่า
พี่ผู้ช่วยทันตแพทย์บอกว่า พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ทัน เค้ามาฝากไว้เคาเตอร์

วันนั้นเราก็เอาอาหารที่ได้มาแบ่งให้ในฝ่าย
ถ่ายรูปเก็บไว้
เราบอกทุกคนว่า เราขึ้นสุ่จุดสูงสุดของการเป็นทันตแพทย์แล้วล่ะ
มีคนเอาดอกไม้มาถวายพร้อมอาหารทีเดียวเชียว

(จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าใคร แต่เอาเป็นว่าขอบคุณนะคะ
แล้วก็เรากับคนในฝ่ายกินแล้วปลอดภัยดีค่ะ)

จบตอน :)





Create Date : 04 มีนาคม 2568
Last Update : 4 มีนาคม 2568 4:01:23 น.
Counter : 273 Pageviews.

0 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ


สุขใจพริ้ว
Location :
บุรีรัมย์  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



เป็นบันทึกเรื่องราวทั่วไป ตามที่ใจนึกอยาก
ของคนทำงานไกลบ้าน