Group Blog All Blog
|
หมอเด็ก วันนี้พูดถึงหมอฟันเด็กนะคะ เพราะเราเป็นหมอฟัน สาขาอื่น เป็นเพียงมุมมองก๊อกแก๊กของเรา ดังนั้นจึงเป็นการรีวิวจากหมอผ่าตัดขากรรไกรและใบหน้า เรื่องของหมอเด็กมีอยู่ว่า ในประเทศไทยมีทั้งแบบเรียนต่อ หนึ่งปี สองปี สามปี ค่ะของทันตแพทย์ ดังนั้นการรับมือกับเด็กที่ไม่ร่วมมือ หรือรายที่มีปัญหามาก อาจได้มากน้อยไม่เท่ากัน ถึงเรียนน้อยปีแต่ถ้ามีประสบการณ์ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าจัดการได้ หรือถ้ามีทักษะ มีความสามารถในการดูแลเด็ก (อาจจะมาจากความเป็นแม่ หรือความเป็นพี่ เป็นคนดูแลหลาน น้องมาก่อน แล้วแต่) แต่เราบอกเลยว่า จุดเริ่มต้นของเราสมัยเรียนปริญญาตรีกับภาคเด็กนั้น เป็นอะไรที่ไม่ได้ชอบ สาขาแรกที่ตัดทิ้งคู่กับจัดฟันในการเรียนต่อเลยค่ะ อ่อ ฟันปลอมตัวย ตามด้วยอุดฟัน ปริทันต์ ต่อแถวกันตุ้บตั้บ วิชาพรีคลินิก โบกมือลาตั้งแต่ชั้นคลินิก จะบอกว่าชอบ Phamarcology ก็ดูไม่เข้ากันกับเกรดมากไป เดี๋ยว กลับมาก่อน การทำฟันในเด็กเป็นอะไรที่ลึกล้ำ จากคำพูดที่ว่า เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เราต้องเติมว่า เด็กไม่ใช่แบบนั้นเพราะลีลาเค้าเยอะกว่า ลีลาของเขา บางทีก็ไม่มีอะไร เพียงแต่เขาอยู่ภาวะที่ต้องถูกโอบอุ้ม การอุ้มชูความประทับใจ (ของผู้ปกครอง) ฯลฯ มันจึงมีทั้งรายละเอียดของเด็ก และผู้ดูแลเด็ก ซึ่งหมอเด็กเขาจะเรียนในรายละเอียดนั้น ตอนเราเรียนจบกลับมา เพื่อนเราที่เป็นหมอเด็กรุ่นเดียวกัน รู้จักตัวการ์ตูนของเด็กยุคนี้ เพราะเขาเรียนเด็กและทำเด็กตลอด โลกของเด็กเขาเข้าถึง โลกของผู้ปกครองเขาก็เข้าถึง เอาไปเอามาทั้งบ้านเด็กทำฟันกับหมอเด็กได้เลยค่ะ ยกเว้นผ่าฟันคุด จึงจะกลายมาเป็นคนไข้เรา อะไรแบบนี้ ส่วนเรื่องการจับทำฟัน หรือพาทำฟัน (คำแรกดูโหดร้ายไปเนอะ) หมอเด็กมีการกรุยทางของเขา อันนีงที่ท่านควรทราบหากท่านไม่ได้จบทันตแพทย์มา คือ อย่าไปพูดแซงหมอเด็กที่กำลังรักษาค่ะ โดยปกติ เขาให้คนที่เป็น operator (คือคนที่จะทำฟัน) พูดคนเดียว อันนี้เหล่าทันตแพทย์จะรู้กัน ผู้ช่วยที่ช่วยบ่อยๆ ก็จะรู้ (ถ้าลงช่วยเฉพาะทางได้ คงรู้แล้วแหละ) ส่วนอันอื่นที่น่าสนใจคือ หมอเด็กจริงๆ เขาไม่ค่อยขู่ค่ะ ประเภท เดี๋ยวฉีดยานะ อะไรแบบนี้ ไม่มีนะคะ เขาใช้คำว่าใส่ยา น่ากลัวที่สุด ก็แค่ เดี๋ยวให้หมอผู้ชายทำนะ เท่านี้ก็จุดสูงสุดแล้ว ในรายละเอียดมีเยอะกว่านี้ค่ะ แต่ถ้าผู้ปกครองเผลอหลุดเข้ามาอ่านละก็ บอกเลยไม่ต้องขู่ช่วย และก็ไม่ควรจูงใจว่า เดี๋ยวพาไปเดินห้าง พูดแทรกๆ เข้ามา ให้หมอเขาจัดการและพาดำเนินไปในกระบวนการเถอะค่ะ เว้นแต่ไม่ชอบที่ลูกท่านโดนบังคับมากไป ก็ค่อยๆ ถอยลูกออกมาหาหมอใหม่ ประเมินตนเองว่าโอ๋ลูกไปไหมด้วยนะคะ ส่วนเรา ในฐานะหมอถอนฟัน (เบาๆ) เพื่อนเราหมอเด็กถึงกับบอกว่า เด็กที่ผ่านมือเราจะดื้อมาก เพราะกลัวทำฟันมาก ผลจากการโดนบังคับจับถอนฟันในบางราย ดังนั้นเราเลยเพลามือ ให้ทำตามขั้นตอนไป ขั้นตอนที่ว่าคือ ปกติทำฟันเด็กจะทำจากน้อยไปมากค่ะ ทำอันง่าย เสร็จเร็วก่อน เจ็บน้อยก่อน ให้เด็กปรับตัวได้ ไม่กลัวทำฟัน บางรายมาตอนบวม กินยาแล้วต้องรีบสังหาร ก็มาตกที่เรา ท่ามกลางการจัดการเอาแหล่งเชื้อโรค (ฟันผุ) ออก ก็จะมีเสียงร้องไห้ ตามด้วยความไม่ประทับใจรุนแรง ครั้งต่อมาเจอเก้าอี้ทำฟันก็เบ้หน้า น้ำตาไหลกระจองอแงแล้ว ดังนี้ จึงต้องจัดระดับการตะล่อมให้หมอเด็กไปค่ะ วันนี้เขียนย้าวยาว ว่าจะเล่าเรื่องอาจารย์แพทย์ก่อน เลยเล่าเรื่องหมอฟันก่อนะงั้น อดใจไม่ไหวทีเดียวเชียว
|
สุขใจพริ้ว
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] เป็นบันทึกเรื่องราวทั่วไป ตามที่ใจนึกอยาก ของคนทำงานไกลบ้าน Friends Blog
Link |
||||||||||||
