อสูรเร้นร้าย กู่หลิง
ดูคล้ายว่าสิ่งที่โหลวชิ่นโยวคิดและฝันจะเป็นแค่เรื่องไร้สาระเมื่อเธอเกิดมาในครอบครัวที่สตรีอยู่เหนือกว่าบุรุษแต่แล้วทำไมเธอจึงมีความประหลาด ปรารถนาความเท่าเทียมกันของคู่ชีวิตจนถึงขั้นปฏิเสธคู่หมายที่เหมาะสมกันอย่างที่หาชายใดไม่ได้อีกแล้ว และโง่งมขนาดยอมแต่งให้กับชายเลี้ยงม้าหน้าตาเยี่ยงมหาโจรอย่างเช่นฟู่ชิงหยางผู้นั้นอีก
เมื่อเห็นว่าบุพเพคือผู้คัดสรรภรรยาที่ดีมาสู่ครอบครัวของพี่ชายฟู่ชิงหยางก็ปรารถนาจะเอาเป็นแบบอย่าง และเมื่อเธอต้องการให้เขาเป็นสามีเขาก็พร้อมจะแต่งภรรยา หากแต่เขาเป็นแค่คนเลี้ยงม้าที่ภรรยาเป็นแค่ช้างเท้าหลังอ่อนหวานและเชื่อฟังคำสั่งของเขาทุกอย่างเช่นนี้แล้วฟู่ชิงหยางดูอย่างไรก็ตรงข้ามกับคนที่โหลวชิ่นโยวต้องการทุกประการ
หรือว่าการตัดสินใจบ้าบิ่นจะนำทุกข์เข็ญมาสู่โหลวชิ่นโยวมากกว่าที่เธอคิดสามีที่เธอไม่รู้จักเป็นทุกอย่างที่เธอไม่ต้องการ หากในความบ้าอำนาจสิ่งที่แตกต่างออกไปคือกฏเกณฑ์และข้อบังคับของฟู่ชิงหยางกลับเป็นการทะนุถนอมเธอต่างหากสิ่งใดที่สตรีไม่ควรพึงทำหรือหนักหนาเกินกว่าที่เธอจะรับภาระสามีบ้าอำนาจผู้นี้จะไม่ยินยอมให้เธอแตะต้องแม้แต่น้อยจนคล้ายกับว่าเธอกำลังได้รับการเอาใจใส่มากกว่าที่เคยได้รับตลอดชีวิตและยิ่งไปกว่านั้นฟู่ชิงหยางก็เป็นคนเดียวที่เติมเต็มปรารถนาในการท่องโลกกว้างให้กับเธออย่างไม่มีบิดพริ้ว
ใครจะพยายามบอกว่าฟู่ชิงหยางเป็นชาวยุทธ์เขาก็ไม่เคยยอมรับเพราะเขาเลี้ยงแต่ม้าเท่านั้นหากซึ่งที่แฝงเร้นอยู่ภายในก็คือเขาคืออสูรกริ้วผู้ที่ไม่ควรมีใครมาปลุกความร้ายกาจของเขาให้ตื่นขึ้นและเมื่อคนผู้นั้นไม่รู้เลยว่าโหลวชิ่นโยวเป็นมากกว่าผู้หญิงของเขาโทสะร้อนแรงประดุจไฟนรกผู้ที่ปลุกมันขึ้นมาก็ต้องรับในผลของมันอย่างเจ็บปวดเป็นที่สุด
จริงแท้แล้วโหลวชิ่นโยวเป็นเพียงเด็กทารกน้อยที่ไม่เข้าใจโลกใบนี้เลยเพียงแต่ความกดดันที่เธอประสบพบเจอมาตลอดทำให้เธอเหมือนจะบอกว่าตัวเองว่าเติบโตแล้วและเพียงเพราะข้างกายของเธอมีสามีที่คล้ายกับคนทึ่มทื่อเช่นฟู่ชิงหยางเธอจึงได้เป็นในสิ่งที่ต้องการได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่รู้จักและได้ความรักที่ทำให้เธอเข้าใจว่า แท้จริงอะไรคือความเรียบง่ายกันแน่
แม้ฟู่ชิงหยางจะไม่เข้าใจเรื่องบุพเพหรืออะไรมากมายเท่ากับเรื่องม้าแต่เขาก็รู้แค่ว่าโหลวชิ่นโยวคือผู้หญิงที่เขาต้องดูแลเป็นอย่างดีอะไรที่เธอต้องการเขาต้องนำมาให้แด่เธอ ขอเพียงเธอว่านอนสอนง่ายไม่ขัดคำสั่งที่เขาต้องการจะปกป้องในฐานะของการเป็นแค่สตรีที่เขารักดั่งดวงใจก็พอแล้ว
เล่มสุดท้ายของชุดวิวาห์อสูรแล้วค่ะ แต่ฟีน่าเชื่อว่ามันไม่ได้มีแค่เล่มนี้แน่นอนเลยค่ะ เพราะความที่ยังเหลือทายาทประหลาดของหุบเขาพญายมอีกหลายคน และดูเหมือนจะเปิดตัวมาให้เรารู้จักกันต่อไปแบบนี้ น่าจะมีชุดอื่นด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ เพราะกว่าจะได้ชุดนี้มาแปลก็คิดว่าไม่มีหวังไปแล้วด้วยซ้ำไป เอาเป็นว่าถ้ามีวาสนาจะได้อ่านก็คงได้อ่านกันนะคะ
ความประหลาดไม่ต้องพูดถึงแล้ว ถ้าทายาทหุบเขาพญายมปกติคงไม่ใช่ ครั้งนี้อสูรกริ้ว ดูจะไม่เหมือนฉายาเท่าไร จะว่าเขาเป็นซื่อหรือทึ่มก็พูดไม่ถูกนะคะ น่าจะซื่อบื้อเลยดีกว่า และเมื่ออยากจะมีคนแต่งงานกับเขา จะปฏิเสธทำไม เมื่อพี่ชายทั้งสองก็ล้วนแต่ได้ภรรยาจากคนที่ต้องการหาสามีแบบเร่งด่วน นี้คงเป็นบุพเพของเขาแล้ว และมันก็เลยกลายเป็นพรหมลิขิตแปลกๆ ที่นางเอกที่ดันไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายที่เหมือนจะเข้าใจตัวเธอที่สุด แล้วมาเลือกคนแบบพระเอก แรกๆ ก็เหมือนคิดว่าตัวเองโง่ เลือกเองก็ยังเลือกคนที่แย่ยิ่งกว่าคู่หมาย แต่พอนานวันไป กลับกลายเป็นว่าสามีอย่างพระเอกนี้ละ คือคนที่ทำให้เธอตาสว่างและเข้าใจโลกมากกว่าที่เธอคิดไว้ ผู้ชายที่เหมือนจะเหยียบผู้หญิงไว้ใต้อุ้งเท้ากลับทำให้เธอรู้สึกว่าเขาทำไปเพื่อปกป้องเธอมากกว่ากดขี่ และอีกสารพัดเรื่องราวที่ทำให้เธอคิดไม่ผิดเลยที่เลือกชายเลี้ยงม้าคนนี้มาเป็นสามี
เรื่องนี้ให้ความรู้สึกกึ่งๆ ความเศร้านิดๆ เพราะเรื่องราวของครอบครัวนางเอก ผู้หญิงที่เกิดมาในครอบครัวที่หญิงเหนือชาย ผลักดันให้สามีหรือก็คือพ่อนางเอกตรอมใจตายไปเลย นางเอกจึงใฝ่หารักธรรมดาที่ไม่มีใครเหนือใคร แต่มันไม่มีจริงบนโลกบนนี้หรอก และที่บอกว่าเรื่องเศร้านิดๆ ในอารมณ์ก็คงเป็นช่วงที่นางเอกจะออกเดินทางไปดูโลกกว้างกับพระเอก แล้วเธอต้องแอบเอาป้ายวิญญาณของพ่อติดตัวไปด้วย แล้วพระเอกมาเห็น ตัวนางเอกเกิดตกใจคิดว่าสามีจะไม่ยินยอม กลับกลายเป็นว่าพระเอกไม่ว่าอะไรแถมยังบอกว่าให้นางเอกเอาป้ายวิญญาณของพ่อไปอยู่รวมบรรพชนของคนในหุบเขาพญายมได้ พ่อนางเอกจะได้ไม่เหงา เพราะที่นั้นมีคนที่ล่วงลับไปแล้วเยอะแยะ วิญญาณพ่อนางเอกจะหนวกหูเอาด้วย ตรงนี้ล่ะทำให้นางเอกถึงกับหลั่งน้ำตา เหมือนกับที่เรารู้สึกซึ้งไปด้วย มันเป็นอารมณ์ที่นางเอกสื่อมาให้รู้สึกว่าเธอผูกพันกับพ่อมาก อยากให้พ่อของเธอมีความสุขบ้าง แม้จะตายไปแล้ว การได้รับการยอมรับเข้าไปอยู่ศาลาบรรพชนของครอบครัวพระเอกเปรียบเสมือนการต้อนรับเข้าไปเป็นครอบครัวอย่างแท้จริง ซึ่งความรู้สึกนี้แม้แต่คนที่คู่ควรกับเธอที่สุดก็มอบให้ไม่ได้ ซึ่งอารมณ์การเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจะเห็นได้ชัดเจนในชุดนี้นะคะ เพราะคนในหุบเขาพญายมจะสนใจแต่เรื่องของคนในครอบครัวเท่านั้น ยากเย็นแค่ไหน ก็ต้องช่วยจนสุดแรง ตอนท้ายของเรื่องนี้ยิ่งทำให้เห็นภาพนี้มากขึ้นจากสายตาของนางเอก
จริงๆ ตอนอ่านเรื่องนี้ พระเอกดูเหมือนคนซื่อบื้อมากกว่าคนตรงนะคะ จะว่าซื่อก็ไม่ใช่ บางเรื่องมันดูตลกๆ ที่คิดแบบนั้น ก็คงไม่ต่างจากนางเอกที่คงอยากจะร้องไห้ที่สามีเธอเป็นแบบนี้ แต่อ่านไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ดันมีเสน่ห์ตรงความซื่อบื้อนี้ล่ะ และก็ยังไม่รู้อีกเช่นกันว่าเขาเป็นอสูรอะไร ดูจะทำให้เราไม่นึกไม่ออกเลย จนมาถึงตอนที่คนคิดกระตุกหนวดเสือ ตอนนั้นเลยเข้าใจทันทีว่าเขาต้องเป็นอสูรกริ้ว จริงๆ ก็ควรจะรู้ตั้งแต่พระเอกพูดถึงแม่ของเขาว่าเป็นคนโมโหร้ายแบบนั้น แต่พระเอกเป็นคนไม่แสดงออกในความขี้โมโห เหมือนชื่อเรื่องว่าเร้นความร้ายเอาไว้จนแทบไม่รู้ แต่พอระเบิดออกมา ไม่ว่าใครก็ต้องหลบ เพราะไม่อยากจะซวย คนที่ไม่รู้ก็รับผลกรรมเอาไปเต็มๆ จะมีคนที่ช่วยให้พระเอกหายออกอาการได้ก็คงเป็นนางเอกก็ว่าได้ จากที่รู้สึกขัดใจในตัวพระเอกช่วงแรกๆ กลายเป็นว่าออกจะเอ็นดูในความไม่เหมือนใครของพระเอกไปเลย เป็นสามีที่เอาใจใส่ภรรยามากๆ อยากได้อะไรก็หาให้ แค่อย่าขัดคำสั่งที่เป็นผลดีต่อตัวเธอก็พอแล้ว และทำให้นางเอกที่เคยมองโลกแบนๆ ได้รู้จักความจริงว่าไอ้สิ่งที่ร่ำร้องหาความเท่าเทียม มันไม่หมายถึงการเท่ากันในการกระทำ เพราะบุรุษมีหน้าที่ปกป้อง สตรีมีหน้าที่ดูแล ต่างก็มีสิ่งที่เกิดมาต้องทำต่างกัน แค่หาจุดสมดุลให้กันและกันก็พอ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป แต่ถึงจะมากไป หากมันอยู่บนคำว่าปรารถนาดีที่อีกฝ่ายต้องการก็เรียกว่าเท่าเทียมเช่นกัน
เรื่องนี้จะเป็นเล่มสุดท้ายของชุดนี้ ดังนั้นจะมีจุดที่เรียกว่ารวมทุกตัวละครจากทั้งสี่เล่มมาไว้ด้วยกัน อาจจะไม่ได้บทบาทมากมาย แต่ถ้าอ่านกระโดดเล่มอาจจะมีงงได้ เพราะอย่างตัวร้ายในเล่มนี้ เป็นคนที่มีการพูดถึงไว้ตั้งแต่อสูรยั่วยิ้มแล้ว ถ้าไม่อ่านไล่มาจะไม่เข้าใจว่ามีความเกี่ยวข้องกันยังไง หรือแม้แต่พี่น้องของพระเอกก็จะไม่เข้าใจ ขนาดอ่านไล่เล่มยังเกิดภาวะเอ๋อกินได้เลยนะคะ อ่านไปต้องนิ่งคิดว่า สรุปแล้วว่าพี่น้องคนไหน ยังไง เป็นอสูรอะไร ลำบากก็ตรงนี้ละ
เรื่องนี้อาจจะมีคนถูกใจไม่มาก เท่าที่ดูๆ มาแต่ฟีน่าชอบนะคะ ผู้ชายแบบพระเอกดูไม่ค่อยน่ารัก แต่ฟีน่าไปชอบเขาตรงจุดตรงเกี่ยวกับป้ายวิญญาณของพ่อตา และฉากซึ้งที่สุดของเรื่องสำหรับตัวเองอย่างที่เล่าไปว่า คำตอบรับที่ให้นางเอกเอาป้ายวิญญาณพ่อเข้าไปรวมไว้ที่บ้านเขาได้ มันคือสิ่งที่สำคัญกว่าคำบอกรักต่อนางเอกเสียอีก มันคือการยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอย่างไม่มีเงื่อนไข และในตอนจบของเรื่อง สิ่งที่พระเอกทำให้กับนางเอก ความสำคัญที่เขาให้ จนนางเอกแอบได้ยินก็ต้องซาบซึ้งใจว่าเธอเลือกสามีไม่ผิด การต้อนรับและเป็นส่วนหนึ่งของคนในหุบเขาพญายม ไม่มองเธอเป็นคนนอก แต่เป็นสมาชิกที่แท้จริงไม่แบ่งแยกอะไร ทำให้เรื่องมันจบลงแบบสวยงามกว่าที่คิดไว้ว่าเล่มสุดท้ายจะให้คำตอบว่าเป็นแบบนี้นะคะ คือรู้เลยว่าการได้มาเป็นคนกันเองของหุบเขาพญายมมันเป็นอะไรพิเศษที่สุด มีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่านิยายทั้งห้าเล่มจะไม่ได้ให้ความรู้สึกของแต่ละเล่มแบบสนุกสุดๆ แบบวางไม่ลง ชอบมากๆ จนเหมือนกันตอนอ่านรักประดับ แต่ถ้ามองภาพทั้งหมดแล้ว กลับถูกใจในจุดที่เรียกว่าใช่ได้เลยนะคะ ปิดชุดได้สมกับคำว่าจบบริบูรณ์ดี แม้ใจเราจะคิดว่ามันไม่จบก็ตามที แต่การให้ฉากท้ายๆ เป็นแบบนี้เป็นอะไรที่น่ายินดีว่าเขากลมเกลียวไม่แบ่งแยกกันดี
แต่คำถามที่คงมีคนสนใจก็คือว่าชุดนี้สรุปแล้วคิดเห็นยังไง เนื่องจากความคาดหวังของการรอคอยงานของกู่หลิงค่อนข้างสูงมาก แต่กว่าจะออกมาคนที่เคยอ่านแนวฟุ้งๆ แบบไม่ต้องคิดมาก ได้เปลี่ยนมุมมองไปกันเยอะแล้ว คือถ้าชุดนี้ออกมาในช่วงแรกๆ เหมือนรักประดับใจ เราก็คงจะไม่เป็นคนเจ้าปัญหาแบบนี้ ระยะเวลาที่ทิ้งช่วงห่างไป มีนิยายจีนที่เข้มข้นออกมาเปลี่ยนมุมมองในการอ่านของเราไปเยอะ เป็นตัวเปรียบเทียบและให้ทางเลือกเรามากขึ้น มันก็เลยเป็นผลให้เรื่องขาดความสมจริงกันไป ถ้าจะมองแค่ว่าแนวพาฝันแบบจีนก็คงพอไหวอยู่ แต่ไม่มีเล่มไหนที่เรียกว่าเอาอยู่ทั้งพล็อต ทั้งตัวละคร อาจจะมีอสูรซ่อนพิษเข้าข่ายที่สุดสำหรับตัวเอง แต่จวินหลันโจวก็ยังไม่ถูกใจเท่าตู๋กูเซี่ยวอวี๋ แต่เรื่องของเขากลับไม่ถูกใจ ต้องมองภาพรวมจากห้าเล่มถึงจะได้คะแนนตัวละครยอดเยี่ยมไป ก็เลยจัดไว้ว่าชุดนี้เป็นชุดที่อาจจะไม่สนุกที่สุดสำหรับงานมากกว่ารัก พล็อตไม่จี๊ด สู้พล็อตเฮยเจี๋ยหมิงไม่ได้ แต่เป็นชุดที่เอาไว้สะสมสำหรับการเก็บงานของนักเขียนที่เปิดแนวนิยายจีนแบบพาฝันในเมืองไทยให้เป็นที่นิยมด้วยนามปากกาอย่างกู่หลิงนะคะ
โดย: ฟิลิเซียน่า 18 พฤษภาคม 2558 10:24:07 น.
ซึ้งสุดคือเรื่องป้ายท่านพ่อเหมือนกัน ท่านพ่อน่าสงสารมาก ตอนพระเอกบอกให้เอาไปอยู่ที่บ้านรับรองท่านพ่อไม่เหงาแน่ ถ้านางเอกยังไม่รักพระเอกก็คงตกหลุมรักตอนนี้แหละ คือ สิ่งที่พระเอกทำให้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนางเอก เรียกว่าตานี่ตีโฮลอินวันได้เลยทีเดียว
โดย: หนู(อ้วน)พี IP: 27.55.140.3 23 พฤษภาคม 2558 14:53:28 น.