The Tree Of Life : ทรี ออฟ ไลฟ์ , เป็นหนังอาร์ทที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยดูมา พร้อมกับนักแสดงคุณภาพ The Tree Of Life (2011) [ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์] Rated PG-13 for some thematic material ได้มีโอกาสไปดูหนังสุดอาร์ทเรื่องนี้มาก็วันนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะได้รับรางวัล ปาล์มทองคำ หรืออะไรก็ตาม ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากหนังเรื่องนี้ แถมยังกลัวว่าจะหลับด้วยซ้ำ จากหน้าหนัง + คำพูดของคนดูหลายๆคนที่บอกว่ามีคนเดินออกเยอะมาก ซึ่งตัวหนังจะเป็นอย่างไรไปอ่านเลยครับ The Tree Of Life เล่าเรื่องในปี 1950 เล่าเรื่องของครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งอย่างครอบครัวของ O'Brien ครอบครัวเล็กๆ ฐานะปลานกลาง ที่หัวหน้าครอบครัวของครอบครัวนี้ตกเป็นของ Mr. O'Brien ชายหนุ่มผู้เป็นถึงกะลาสี ซึ่งเขานั้นได้มีลูกเล็กๆ 3 คนกับภรรยาของเขา ซึ่งนำทีมโดยลูกคนโตอย่าง แจ๊ค เด็กหนุ่มที่มีปัญหากับพ่อของเขาซึ่งต่อมากว่าแจ๊คจะรู้ตัวอีกที เขาก็โตซะแล้ว ซึ่งในเวลานั้นเองเขาก็ได้ระลึกได้ว่า พ่อ แม่ และ พี่น้องของเขานั้นให้อะไรกับเขามากกว่า ความรัก ซึ่งการเดินทางผ่านห้วงเวลาในครั้งนี้ของแจ๊ค จะทำให้เขาสามารถเปลี่ยนชีวิตเล็กๆของเขา และ ความสัมพันธ์ของพ่อได้หรือไม่ The Tree of Life กำกับการแสดงโดย Terrence Malick หลังจากเคยโด่งดังมาจากหนังดราม่าเล็ก แต่รางวัลหนาอย่าง Days of Heaven และหนังสงครามอย่าง The Thin Red Line (แต่ดันไปล้มตอนทำ The New World ซะได้) ซึ่งคราวนี้หลังจากหายหน้าหายตาไปกันเกือบ 6 ปีเต็มๆ เขาได้ขอกลับมากับหนังแนวพระเจ้า + อาร์ทโคตรเทพเรื่องล่าสุดอย่าง ต้นไม้แห่งชีวิต เรื่องนี้ ซึ่งก่อนอื่นเลยคงต้องขอบอกว่า หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับ คนที่ชอบดูหนังที่บทไม่ซับซ้อน (เพราะเรื่องนี้ซับซ้อนมาก) และสำหรับผู้ที่ทนกับหนังแนวสไตล์นิ่งๆ + ต้องไต่กระได ดูไม่ได้ ควรหลีกเลี่ยง เพราะหนังเรื่องนี้ทั้งดูยาก + นิ่งมากจนรอบผมมีคนเดินออกจากโรง 5 คน + หลับเสียงกรนดังไปอีก 2 คน.. ซึ่งมาเข้าเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น ซึ่งสิ่งแรกที่อยากบอกว่า.. เจ๋งมากคงหนีไม่พ้น สไตล์การเล่าเรื่อง ของหนังที่ออกมาแนว สลับซับซ้อน ไม่ได้ออกมาเป็นแนว 1-2-3-4 แต่จะเรียงกันไปแนวประมาณ 3-1-4-2 ซะมากกว่า เพราะหนังต้องการเล่าเรื่องเกี่ยวกับ ชีวิตของมนุษย์ให้ออกมาดูเนี๊ยบที่สุดก็ว่าได้ จึงทำให้หนังนั้น เล่าเรื่องออกแนวซับซ้อน ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากชีวิตมนุษย์อย่างเราๆนัก ที่ต่างมีทั้งปัญหาที่ต้องแก้ไข (เหมือนกับปัญหาเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ว่าตรงนี้มาได้อย่างไร และ สรุปแล้วมันคืออะไร ประมาณนี้) และต่างคนก็ต้องมีเกิดและมีดับเช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากสไตล์การเล่าเรื่องที่สร้างออกมามึนงง (แต่เจ๋ง) แล้วนั้นหนังยังมอบสิ่งที่ผู้ชมอย่างผมไม่คาดคิด นั้นคือ การถ่ายภาพ + ภาพธรรมชาติอันสวยงามๆต่าง ที่ถึงแม้จะไม่สามารถตัดต่อให้เข้ากับเนื้อเรื่องได้ดีมาก แต่คงหนีไม่พ้นที่จะพูดได้เต็มปากเลยว่า.. เป็นหนังที่ดูแล้วสวย งดงาม มากที่สุดตั้งแต่ที่เคยดูหนังมาเลยก็ว่าได้ เนื่องจากภาพต่างๆที่เลือกตัดต่อมานั้น ล้วนแต่โชว์จินตนาการต่างๆเกี่ยวกับ ชีวิตพระเอก และ ลูกของเขา ของผู้กำกับออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะเรื่องราวของ ชีวิต ที่ไม่ได้มีแค่คนเท่านั้นที่มีปัญหา เพียงแต่ว่า ธรรมชาติต่างๆนั้น ก็ต่างมีปัญหาเกี่ยวกับชีวิตของพวกมันเช่นเดียวกับที่มนุษย์เป็น ซึ่งนอกจากนั้นการที่หนังเล่นเรื่องราวความสัมพันธุ์เรื่องราวของ ความรัก และ ความห่วงใย ของพ่อแม่ เข้ามาเป็นเกณฑ์หลักในเนื้อเรื่อง ที่ถือว่าทำออกมาในระดับที่ จับต้อง ได้ไม่ยากนัก โดยเฉพาะการใช้ชีวิตตัวละครของ แจ๊ค ที่พอเราสิ้นหวัง หรือ หมดหวัง สิ่งเดียวสุดท้ายที่เราเพิ่งได้คงหนีไม่พ้น ครอบครัว และ พ่อแม่ เพราะถึงแม้ว่าเราจะอยากฆ่าพ่อแม่อย่างที่แจ๊คอยากมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วนั้น.. เราก็ต้องดิ้นรนกลับมาหาพวกท่านอยู่ดี และอีกอย่างนั้น การที่หนังได้ละเล่นเกี่ยวกับตัวละครของ Mr. O'Brien และ Jack ออกมาได้ในขั้นที่ คนดูจับต้องได้แล้วนั้น ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ Brad Pitt ที่ถือว่าเข้ามาอินในบทบาทของพ่อที่อยากให้ลูกได้ดิบได้ดี จนถึงกระทั่งที่เข้มกันไปหน่อย ซึ่งโดยส่วนตัวลุคตอนนี้ของเฮีย Pitt ทำให้นึกถึง Tyler แหม่งๆ ส่วนในด้านของ Sean Penn ที่แสดงเป็น Jack ในวัยโตนั้น ก็ถือว่าได้โชว์ลีลา ท่าทาง ในขั้นที่เรียกว่า มุมกล้อง ของหนังช่วยไว้ได้เยอะทีเดียว โดยเฉพาะตอนจบของหนังที่เฮียแกเกือบเรียกน้ำตาของคนดูได้แล้วเชียวหละ ส่วนในด้านของสิ่งที่ออกแนวไม่ถูกใจในหนังเรื่องนี้อย่างเดียวคงหนีไม่พ้นการที่ หนังออกแนวจะนิ่งๆไปนิดอย่างที่ได้บอกไปในตอนแรก จนทำให้หลายคนหลับได้เลยทีเดียวเชียว สรุป The Tree Of Life เป็นหนังดราม่าน้ำดี ถึงแม้ต้องปีนบันไดดูมากไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดูแล้ว หัวใจพองโต + เป็นหนังที่สวยงามที่สุดตั้งแต่ที่เคยดูมาในชีวิตกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะความอาร์ทเข้าขั้นของผกก.ที่ทำให้หนังยกระดับได้มากเลยทีเดียว แต่ไม่เหมาะสำหรับคนไม่ชอบหนังดราม่าจัดๆ เรื่องนี้ผมให้ A ครับ   Create Date : 10 กรกฎาคม 2554 5 comments Last Update : 10 กรกฎาคม 2554 8:47:46 น. Counter : 6395 Pageviews. Share Tweet

เราเดินออกจากโรงค่ะ   โดย: maneki IP: 183.89.220.37 28 กรกฎาคม 2554 0:34:04 น.

ผมรู้สึกประทับใจหนังเรื่งนี้มากที่สุดเชนกันตั้งแต่ดูหนังมา มันเป็นความประทับใจที่ซ้อนกันไปมา ระหว่างความเข้าใจ กับ ความสวยงาม คำเดียวคำ เลิศ   โดย: ninew IP: 115.87.88.83 25 กุมภาพันธ์ 2555 16:15:50 น.

สุดยอดครับ เป็นหนังที่ดูแล้วถูกสะกดเลย   โดย: oporate IP: 183.89.78.47 18 มกราคม 2556 10:56:52 น.

ไม่ต้องแค่ปีนกระได ขึ้นลิฟท์ไปดูยังเหนื่อยเลย ภาพสวยใช่ แต่หนังแน่นิ่งจนเกือบโคม่า ไม่ได้ตั้งใตจะดูสารคดีนิ   โดย: Lee Lopez IP: 223.24.191.155 10 พฤษภาคม 2563 5:01:07 น.

ไม่ต้องแค่ปีนกระได ขึ้นลิฟท์ไปดูยังเหนื่อยเลย ภาพสวยใช่ แต่หนังแน่นิ่งจนเกือบโคม่า ไม่ได้ตั้งใตจะดูสารคดีนิ   โดย: Lee Lopez IP: 223.24.191.155 10 พฤษภาคม 2563 5:01:40 น.