Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Super 8 : วิบัติลับมรณะซูเปอร์ 8 , ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นหนังเอเลี่ยนลุ้นระทึก ผลลัพธ์จึงออกมาเป็น..

Super 8 : วิบัติลับมรณะซูเปอร์ 8 , ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นหนังเอเลี่ยนลุ้นระทึก ผลลัพธ์จึงออกมาเป็น..

Super 8 (2011)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG-13 for intense sequences of sci-fi action and violence, language and some drug use

คงไม่ต้องพูดมากความอะไรมากมายกับหนังเอเลี่ยนหลุดจาก Area 51 เรื่องนี้ ที่หน้าหนัง + อะไรต่างๆก็ขายชื่อผู้กำกับเด็กแนวรายใหม่อย่าง J.J. Abrams จึงทำให้ความน่าดู และ น่าสนใจของหนังเพิ่มขึ้นเยอะเหมือน + คำวิจารณ์ของหนังที่ออกมาค่อนข้างน่าพอใจ ซึ่งหนังจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันได้เลย

Super 8 เรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆแห่งนึงในฤดูร้อนปี 1979 เมื่อกลุ่มเพื่อนรัก 5 คนนำทีมโดย Charles และ Joe ที่คิดอยากจะกำกับหนังส่งเข้าประกวดเทศกาล โดยมี Location Background ต่างๆในฉากนั้นเป็นสถานีรถไฟเล็กๆแห่งนึง แต่แล้วเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อระหว่างที่พวกเขาถ่ายหนังอยู่ ได้มีรถกระบะคันนึง ขับพุ่งชนรถไฟขนส่งสินค้าขบวนนึง จึงทำให้เกิดความหายนะครั้งใหญ่ เมื่อสิ่งที่อยู่ในตู้ขนส่งนั้น ดันไม่ใช่แค่สินค้าธรรมดา แต่ดันเป็นเอเลี่ยนจากนอกโลก ที่พวกเขาได้ขนส่งมาจาก Area 51 ซึ่งกล้อง Super 8 ของเด็กๆก็ดันไปบันทึกภาพเหตุการ์ณนี้ได้ซะด้วยหละสิครับ !!

Super 8 ผลงานกำกับของ J.J. Abrams ที่หลังจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วเคยไปชุบชีวิตหนัง Sci-Fi นำกลับมา Remake ใหม่ซะจนโด่งดังอย่าง Star Trek จนได้กลายเป็นผู้กำกับขวัญใจเด็กแนวคนใหม่ตามรอยเพื่อนของเขาอย่าง Matt Reeves พอดี ซึ่งเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแนวไปจากผลงานเก่ามากนัก ซึ่งเอาจริงๆแล้วเรื่องนี้ก็เหมือนกับ Lost เวอร์ชั่นมีเด็กเป็นตัวละครหลักก็ว่าได้ โดยเรื่องของการปกปิดเนื้อเรื่องต่างๆก็ต้องยกให้กับ J.J. จริงๆ ซึ่ง Super 8 เปิดตัวด้วยการเหมือนจะเป็นหนัง Stand By Me โดยมีเอเลี่ยนเข้ามาแทรก แต่ดันปิดฉากลงด้วยอารมณ์หนังเอเลี่ยนยุค 80 ที่มีการคารวะหนัง Sci-Fi เรื่อง Close Encounters of the Third Kind ไปด้วยในตัว ซึ่งเรื่องนี้นั้นก่อนที่จะเข้าไปดูก็คิดไว้เลยว่า 'นี้มันคือหนังเอเลี่ยนดราม่า ไม่ใช่หนังเอเลี่ยนระทึก'

ซึ่งในหนังเรื่องนี้อย่างแรกที่ขอชมก็อย่างที่ได้บอกไปแล้วนั้นคงหนีไม่พ้น อารมณ์ + Background ต่างๆของหนัง ที่ดูทำให้ไปกระตุ้นต่อม Childhood Memory ของใครหลายๆคนอย่างแน่นอน ที่มาพร้อมกับอารมณ์ของหนังในครึ่งแรกที่เหมือนกับว่าจะเป็น Stand By Me ปี 2011 กันเลยทีเดียว ส่วนครึ่งหลังหนังก็เหมือนจะทำอารมณ์ออกมาให้ดูแล้วพาลคิดไปถึงหนังเอเลี่ยนยุค 80 ถึง 90 ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว บทต่างๆของหนังในช่วงครึ่งแรกที่ทำได้น่าติดตาม ไม่แพ้กับ Lost ที่ทำให้คนดูนั้นอยากรู้ อยากเห็น เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ตลอดเวลา + การที่หนังไม่ต้องพึ่งนักแสดงดังๆ แต่กลับนำนักแสดงเด็ก No Name ทั้งหลายมาเล่นก็ทำให้อารมณ์ของหนังนั้นจับต้องได้อย่างน่าประหลาด พร้อมกับนอกจากนั้น ฉากเปิดเรื่อง และ ปิดเรื่องของหนังก็ยังทำออกมาได้..

ขนลุก และ มีการคารวะหนัง Sci-Fi หลากเรื่องด้วยกันทีเดียว และอย่างสุดท้ายในหนังเรื่องนี้ที่ดูแล้วติดใจคงหนีไม่พ้นเรื่องราวของ เทคโนโลยี ต่างๆที่ผู้กำกับ J.J. มีใส่ฉากแอบกัดจิกเทคโนโลยีสมัยนี้มาพอสมควรเลยนะเออ.. แต่น่าเสียดายเมื่อลองมองในมุมกลับกันอย่าง ความน่าผิดหวัง ในหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะหนังไม่มีฉากยิงกัน ไม่ใช่เพราะหนังขาดแคลนฉากระทึกแต่อย่างใด แต่ในด้านของบทหนัง เรื่องราวความสัมพันธุ์ของเพื่อนทั้ง 5 คนและ ปมอดีตต่างๆของ Joe และพ่อ ที่ถือว่ายังมีช่องโหว่ให้คนดูสงสัยอยู่เยอะเหมือนกัน พร้อมกับบทหนังที่บางสิ่งนั้นถือว่ายังเฉลยไม่หมดอยู่บ้างก็ตามที

ซึ่งนอกจากนั้นที่น่าเสียดายคือ หนังมีหลายฉากในตัวอย่างหนังที่ไม่ได้ใส่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นฉากรถกระบะแหกโค้งเข้ามาชนรถไฟ และ ฉากอื่นๆ (นอกจากนี้ หนังไม่น่าตัดฉาก Climax มาใส่ไว้ในตัวอย่างเลย ทำเอารู้กันหมดพอดีว่า ตัวละครนี้ไม่ตายนะ ตัวละครนี้ตายนะ และอื่นๆอีกมากมาย) และครึ่งหลังของหนัง ที่ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ว่าด้านความน่าติดตามของหนังนั้น ลดลงไปพอสมควร ต่างจากครึ่งแรกของหนังกันเลยทีเดียว + บทบางอย่างในช่วงกลางๆเรื่องพอนำมาต่อกันแล้วไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่นักเชียว แต่ยังไงซะสำหรับ Super 8 โดยส่วนตัวหนังไม่น่าเข้าฉายช่วง Summer สักเท่าไหร่นัก เพราะช่วงนี้มีแต่หนังแอ็คชั่น จนทำให้หลายคนดันคิดว่าเรื่องนี้ก็แอ็คชั่นกับเขาด้วย จึงทำให้หลายคนๆที่หวังอยากดูฉากสู้ๆผิดหวังได้ง่ายๆเลยทีเดียว (เหมือนตอน Monsters เข้าฉาย)

สรุป Super 8 หนังเรื่องนี้มีดีตรงที่ หนังนั้นมีอารมณ์กลิ่นไอของหนังเอเลี่ยน ไซไฟยุค 80 อยู่ครบ โดยเฉพาะครึ่งแรกของหนังดูแล้วกระตุ้นต่อมเด็กๆของใครหลายๆคนอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายด้านบทความสัมพันธุ์และอะไรหลายๆอย่างของหนังถือว่าผิดฟอร์มผู้กำกับ J.J. Abrams ไปหน่อยนะครับ