Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Limitless : ชี้ชะตา..ยาเปลี่ยนสมองคน , สัญชาติญาณอย่างเดียวที่ มนุษย์ ทำได้คือ เอาตัวรอด+มองทางใกล้

Limitless : ชี้ชะตา..ยาเปลี่ยนสมองคน , สัญชาติญาณอย่างเดียวที่ มนุษย์ ทำได้คือ เอาตัวรอด+มองทางใกล้

Limitless (2011)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG-13 for thematic material involving a drug, violence including disturbing images, sexuality and language

ได้ดูหนังเรื่องนี้เมื่อวานนี้เองหละครับ ก่อนอื่นเลยคงต้องขอบอกก่อนเลยว่า ก่อนเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ไมได้คาดหวังอะไรมาก ขอแค่อย่าให้น่าเบื่อ จนน่าหลับ ก็เป็นพอ ซึ่งเรื่องนี้นั้นก็ได้รับคำวิจารณ์จากเมืองนอกมามากพอควร (69% จาก มะเขือเน่า) ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันเลยหน่ะครับทุกท่าน

Limitless เรื่องราวของ เอ็ดดี้ มอร์รา ชายหนุ่มนักเขียน ชีวิตตกอับ ที่วันๆได้แต่ต้องการหาแรงบันดาลใจเพื่อไปแต่งหนังสือของเขาให้สำเร็จ แต่วันๆเขาก็กลับได้แต่นั่งหายใจทิ้ง จนกระทั่งได้เจอกับ เวอร์นอน พี่ชายของเมียเก่าของเขา ที่อยู่ดีๆเขาก็ได้เข้ามาในชีวิตโดยไม่รู้ตัว โดยให้ยาวิเศษเม็ดนึงที่ชื่อ NZT เป็นยาที่จะทำให้มนุษย์นั้นใช้สมองได้เต็มที่ 100% ทั้งที่มนุษย์ทั่วไปใช้ได้แค่ 20% เท่านั้น ซึ่งเขาก็รับข้อเสนอแบบที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และแล้วเขาก็ได้ค้นพบพลังของยาตัวนั้น จนเสพติด แต่หารู้ไม่ว่ามีผู้อื่น นั้น ก็จ้องอยากจะได้ยาที่ทำให้สมองใช้พลังงานได้เต็มที่นี้อยู่เหมือนกัน

Limitless ผลงานกำกับของ Neil Burger หลังจากเคยฝากผลงานหนังพ่อมด เด็ดดวง อย่าง The Illusionist คราวนี้ขอกลับมาทำหนังแนวทริลเลอร์ เบาๆ แฝงการกัดจิกเรื่องนี้บ้าง เรื่องนี้ได้สร้างมาจาก นิยาย The Dark Fields โดย Alan Glynn (ที่ตอนหลังนั้นเล่นเอาหนังสือเรื่องมาล้อว่าพระเอกแต่งเอง) ที่โดยส่วนตัวไม่เคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาก่อน จึงไม่รู้ว่ามีการบิดเบือนอะไรไปจากหนังสือหรือไม่ แต่ว่าก่อนอื่นเลย สิ่งที่ชอบ และ เตะตาผมมากๆในหนังเรื่องนี้คือ Bradley Cooper ที่น่าแปลกใจและเซอร์ไพร์มากๆ เพราะเขาทำให้ตัวละคร เอ็ดดี้ มอร์รา มีสีสัน และ แปลกตา (แต่ยังไม่เท่า ฟิล จาก Hangover) และในเมื่อเข้าฉากกับ De Niro นั้นก็ถือว่าเข้าขากันได้ดี ยกเว้น Abbie Cornish ที่เมื่อเข้าฉากเดียวกับ Cooper นั้นยังถือว่าทำได้..

ไม่ดีพอ การแสดงของ Cornish ในเรื่องนี้ออกดูแหม่งๆ แปลกๆ เพราะฉะนั้นในเมื่อเข้าฉากกับ Cooper ก็ตามทำเนียบที่จะโดน Cooper กลบหมดแน่นอน (ไม่ยักเหมือนตอน Sucker Punch ที่รัศมีเธอแซงนางเอกไปแล้ว) นอกจากในด้านนักแสดง อีกอย่างที่ต้องขอชมเลยคงหนีไม่พ้น 'ฉากเปิดตัว' อันสุดเร้าใจ ที่ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่แนว + เข้าขาไปกับ Score ของหนังได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่น่าเสียดายที่หนังเล่นเอามุขแบบฉากเปิดตัวมาใช้อีกในหนัง เลยทำให้มันธรรมดาลงไปบ้าง ซึ่งนอกจากนี้ยังชมชอบที่หนังนั้น ได้เสียดสี มนุษย์ เราๆด้วยเรื่องของ 'ยาวิเศษ' ตัวนี้ที่ผ่านตัวละคร Cooper ว่า มนุษย์ ของเราเป็นสายพันธุ์ที่ชอบ มองการใกล้ มากกว่าที่จะ มองการไกล โดยเฉพาะเรื่องการกินยาของ Cooper ที่ไม่คำนึงถึงว่าวันไหนจะหมดหรือไม่ แต่กลับไปคำนึงถึงว่า...

วันนี้ฉันนั้นจะทำสิ่งนี้ได้ดีหรือไม่ หรือ วันนี้ฉันจะอยู่รอดหรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงว่า วันนี้อยู่รอด แล้ววันพรุ่งนี้คุณจะรอดไหม ? + ชอบตรงที่หนังเรื่องนี้ยังเล่นเกี่ยวกับสมองคนเรา (ถ้าสมองคนเราใช้ได้แค่ 20% จริง แล้วพวก ไอสไตน์ เนี่ย ถ้าใช้ได้ 100% เต็มๆโลกเราคงจะเปลี่ยนไปเยอะกว่านี้แน่นอน) โดยเฉพาะการเล่นเกี่ยวกับ สัญชาติญาณ และ ความจำ ที่หนังสื่อให้เห็นแล้วว่า เมื่อถึงเวลากดดัน ต้องการเอาตัวรอดนั้น มนุษย์เราๆมักจะใช้ สัญชาติญาณ มากกว่า ความคิด / สัญชาติญาณ ที่มนุษย์จะใช้นั้นได้แต่หมกมุ่นว่า 'ฉันจะเอาตัวรอดยังไง' โดยไม่ค่อยใช้ความคิดสักเท่าไหร่นัก ที่หนังเรื่องได้บ่งบอกให้เห็นชัดแล้ว ซึ่งนอกจากสิ่งที่ชมๆมาทั้งหลายแล้ว นั้น หนังก็ยังถือว่ามีข้อเสียอยู่บ้างนักที่ผมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะ..

อย่างแรกเลยที่ผมไม่ค่อยชอบหนังเรื่องนี้คือการเล่าเรื่อง การเล่าเรื่องของหนังเรื่องที่ไม่ค่อยอยู่ใน Mood เดียวกันสักเท่าไหร่ โดยส่วนตัวทุกย่างก้าวที่หนังเดินไปกลับลดความสนใจของคนดูมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงหลังๆนั้นออกแนวอืดไปหน่อย (แต่ต้องยอมรับว่า ช่วงแรก ของหนังเป็นช่วงที่ดูสนุก + น่าติดตาม ทำเอาอ้าปากค้าง แบบว่า 'มันเจ๋งอ่ะ !!') นอกจากสไตล์การเล่าเรื่อง ตอนจบของหนังที่เล่นเอา ให้คนดูคิดต่อ ก็กึ่งๆระหว่าง ชอบและไม่ชอบ ถ้ากึ่งไปด้านชอบก็จะมีคำถามมากมายว่า ทำไมต้องทำอย่างงี้ อย่างงั้น แล้วทำไมไม่เป็นแบบนี้ บลา บลา แต่ยังไงก็ตาม เรื่องนี้ก็ถือว่าสนุกดีครับ

สรุปหนังทริลเลอร์เรื่องมีการ เสียดสี เรื่องสัญชาติญาณ และ สมองของมนุษย์ + ตัวละครมีสีสัน + เนื้อเรื่องน่าติดตาม มาพร้อมกับ Score หนังสุดแนว + ฉากเปิดตัวที่ทำเอาอ้าปากค้าง แต่น่าเสียดายหลังๆเล่าเรื่องไม่มีสเน่ห์ และ การแสดงของ Cornish ที่ไม่เป็นที่จดจำ (เรื่องนี้เข้าฉายเฉพาะ CTW และ Emporium)

เรื่องนี้ผมให้ B+ ครับ

Create Date : 24 เมษายน 2554

Last Update : 24 เมษายน 2554 9:48:36 น.

8 comments

Counter : 7256 Pageviews.

สวัสดีค่ะ..

น่าสนใจนะค่ะ ..

จะหาเวลาว่างไปดูค่ะ

ขอบคุณนะค่ะที่แนะนำ

โดย: คนผ่านทางมาเจอ

วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:10:41:06 น.

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ

โดย: ลูกอบรสเขียด

วันที่: 24 เมษายน 2554 เวลา:10:51:31 น.

แวะมาทักทายกันวันอังคารจ้า
จะว่าไปก็เหมือนโรงหนังช่วยกรองให้เราชั้นหนึ่งอยู่แล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าหนังเรื่องไหนจำกัดโรงฉายมักมไม่ดีเท่าไหร่นะ

โดย: หอมกร

วันที่: 26 เมษายน 2554 เวลา:8:24:57 น.