Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Green Lantern : กรีน แลนเทริ์น , หนึ่งในหนัง ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่ต้องบอกว่าน่าผิดหวังที่สุดแห่งปีจริงๆ

Green Lantern : กรีน แลนเทริ์น , หนึ่งในหนัง ซุปเปอร์ฮีโร่ ที่ต้องบอกว่าน่าผิดหวังที่สุดแห่งปีจริงๆ

Green Lantern (2011)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG-13 for intense sequences of sci-fi violence and action

ได้มีโอกาสดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้โดยส่วนตัวก็ตั้งความหวังไว้ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นคะแนนวิจารณ์ของมะเขือเน่า ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งต้องขอไปพิสูจน์กับตัวเองว่าหนังเรื่องนี้ห่วย + ไม่สนุกอย่างที่หลายๆคนเขาว่ารึปล่าว ส่วนหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรนั้นไปอ่านเลยครับ

Green Lantern เรื่องราวของ ฮาล จอร์แดน ชายหนุ่มนักบินฝึกหัด ที่ชีวิตของเขาวันๆได้แต่ไล่ตามความฝันที่อยากจะเป็นนักบินที่โด่งดังเหมือนพ่อให้ได้ จนกระทั่งวันนึง เขาดันเห็นแสงสีเขียว พุ่งลงมาจากท้องฟ้า พร้อมกับยานเอเลี่ยน ที่มีเอเลี่ยนสีม่วงอยู่ข้างใน ซึ่งเอเลี่ยนสีม่วงตัวนั้นได้มอบแหวนอันทรงพลัง และบอกเขาว่า เขานั้นกำลังจะได้เป็น Green Lantern หรือผู้พิทักษ์จักรวาล นั้นเอง ซึ่งเขานั้นก็แทบไม่เชื่อหูตัวเองจนกระทั่ง เขาได้ไปสัมผัสที่อยู่ของพวก Green Lantern 3000 กว่านายที่ ดาวโออา จนเขาได้รับมอบหมายตำแหน่งให้จัดการศัตรูอย่าง Hector Hammond และผองเพื่อนที่จะครอบครองโลกให้จงได้

Green Lantern ได้ผู้กำกับ Martin Campbell มารับหน้าที่ทำหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้ หลังจากที่ไปได้ดีกับ Casino Royale เมื่อ 5 ปีก่อน คราวนี้เขาขอกลับมาลองชิบลางกับหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่บ้าง ซึ่งเรื่องนี้ก่อนอื่นก็คงต้องบอกตามตรงว่าก่อนเข้ามาดูหนังเรื่องนี้ มีความรู้เกี่ยวกับ Green Lantern แค่ผิวเผินทั้งนั้น + ไม่เคยอ่านการ์ตูน หรือ ดูการ์ตูนเรื่องนี้เลยสักตอนเดียว (การ์ตูน DC Comics โดยส่วนตัวจะอ่านแต่จำพวก Batman ซะมากกว่า) จึงหวังว่าจะมาดูหนังเรื่องนี้เพื่อให้หนังเรื่องนี้เป็นตัวปูความรูัต่างๆเกี่ยวกับ Green Lantern เลยทีเดียว ซึ่งพอหลังจากดูจบคงบอกได้คำเดียวเลยว่า 'ผิดหวัง' เนื่องจากอะไรหลายๆอย่างที่ค่อยว่ากันทีหลัง แต่อย่างน้อยหนังก็มีข้อดีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือนางเอก Blake Lively ที่มาเรื่องนี้แล้วขอบอกเลยว่าเจิดทุกมุมจริงๆ..

ถึงแม้เคมี + พลังดาราในเรื่องนี้จะหายไปหมดเลยก็ตาม ส่วนอย่างที่ 2 คงหนีไม่พ้นกับ CG ของหนังที่เป็นจุดขายของเรื่อง (แต่บางฉาก CG กลับดูลวกๆอย่างที่มีข่าวลือว่า Green Lantern เกือบทำ CG ไม่เสร็จก่อนนำมาเข้าฉายเนื่องจากคนทำ CG นั้นประท้วงเรื่องเงินเดือน via:FILMAX) ที่โดยส่วนตัวบางฉากที่สวยนั้น ก็ถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจ + ใครที่ได้ดูเป็น 3D นั้นคงน่าจะได้สัมผัมภาพตระการตามากแน่นอน โดยเฉพาะฉากยิงแสงสีเขียวคงจะสวยไม่น้อย และนอกจากนี้นั้น จุดเด่นดีๆของหนังก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว แม้แต่กระทั่งขวัญใจสาวๆอย่าง Ryan Reynolds ที่เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าแสดงไม่ดี แต่ว่าเคมี + พลังดาราในเรื่องนี้มันถูกกลบไปด้วยอะไรหมดก็ไม่รู้ ไม่เหมือนตอนที่เล่น The Proposal ที่ตอนนั้นรังสี ออร่า ของเขาต้องขอบอกว่ากว้างมากจริงๆ

และข้อเสียอีกมากมายของหนังที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ห่วยที่สุดของซัมเมอร์เลยก็ว่าได้ อย่างแรกคงหนีไม่พ้น ฉากแอ็คชั่น + บทต่างๆ ที่ถือว่าไม่ได้ดูแล้วสนุกตามสไตล์ซุปเปอร์ฮีโร่ ไม่เหมือนจำพวก X-Men : First Class หรือ Thor ที่เพิ่งเข้าฉายไปสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะบทของหนังมีฉากจำพวกว่า 'จะทำมาเพื่ออะไร' หรือประมาณว่า 'ฉากนี้มาได้ยังไง' อยู่เยอะมากจนเกินความรำคาญ โดยเฉพาะเรื่องราวของ ความกล้าหาญ และ ความรับผิดชอบ ที่ Green Lantern ต้องมีหนังก็ไม่สามารถผูกเรื่องราวพวกนี้ให้เข้ากับเนื้อเรื่องของหนังได้ ซ้ำแล้วหนังยังทำให้ดูเหมือนยัดเยียดอีกตั้งหากหละครับ

ซึ่งนอกไปกว่านั้นในตอนท้ายๆของหนัง ดูแล้วเหมือนกับว่าหนังนั้นพยายามเร่งรีบที่จะจบแบบลวกซะเหลือเกิน และคลี่คลายปมปัญหาทุกอย่างแบบรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ของ ฮาล จอร์แดน ที่มีต่อเหล่า Green Lantern ก็เคลียร์เหมือนกับแค่ คลิก เดียวเสร็จจริงๆ + ขอต่อยอดเรื่อง CG ของหนังนิดนึง อย่างที่บอกว่ามีบางส่วนของหนังเหมือน CG จะลวกๆอยู่บ้าง ซึ่งฉากนั้นคงหนีไม่พ้นช่วงการหลบหนีตอนแรกๆของหนังที่ดูแล้วพลานคิดไปถึงเกมส์ Green Lantern กันเลยทีเดียวเนื่องจาก Graphic ที่ฉากนั้นมันเหมือนเอามากๆเลยจริงๆ ซึ่งอย่างสุดท้ายของหนังที่น่าเสียดายที่สุดคงหนีไม่พ้นการได้ดารารุ่นใหญ่ทั้งหลายมาไม่ว่าจะเป็น Peter Sarsgaard หรือ Mark Strong แต่พวกเขาทั้งหลายก็ไม่สามารถทำให้หนังดีขึ้นได้เลย

สรุป Green Lantern เป็นหนังซัมเมอร์ที่ห่วยที่สุดไปซะแล้ว เนื่องจากโดยส่วนตัวนั้นหนังไม่มีความสนุก ไม่มีสไตล์ + เสน่ห์การเล่าเรื่องของหนัง รวมทั้งตัวนักแสดง จึงทำให้ดูแล้วไม่สนุกตามสไตล์หนังฮีโร่ทั่วไป โดยเฉพาะบทของหนังที่ดูแล้วอ่อนๆ + ลวกๆไปในช่วงกลางและท้ายเรื่องของหนังกันเลยทีเดียว

เรื่องนี้ผมให้ D+ ครับ

Create Date : 19 มิถุนายน 2554

Last Update : 19 มิถุนายน 2554 9:34:42 น.

6 comments

Counter : 5231 Pageviews.

แวะมาทักทายตอนสายๆวันอาทิตย์ครับ

โดย: bbandp

วันที่: 19 มิถุนายน 2554 เวลา:10:16:01 น.

โดย: ลูกอบรสเขียด

วันที่: 19 มิถุนายน 2554 เวลา:10:17:49 น.

พี่ดูแล้วเพลินพอๆกับ Thor แต่น้อยกว่า X-Men
ส่วนตัวให้ 7.5 (ซึ่งเท่ากับ C+) แต่ที่ไม่ให้ 8 เท่าเรื่องแรกเพราะดนตรีประกอบจืดเกินทน หลายฉากคงได้อารมณ์ร่วมกว่านี้ถ้าดนตรีดีๆมันบิ๊วซะหน่อย อีกอย่างเบื่อเสียงสังเคราะห์ในเรื่องมาก เหมือนแต่งแบบสุกเอาเผากินเลย เรียกได้ว่าตัวตัดกำลังดีๆนี่เอง
สุดท้ายนี้ขอให้หนังทำรายได้เยอะๆและมีภาคต่อไวๆ ^^
ปล. เรื่องนี้พี่ว่าเว็บมะเขือก็จริงจังเกินไป เอาเว็บ IMDB เป็นที่ตั้งดีสุด

โดย: zahnmimres IP: 223.205.230.232 วันที่: 19 มิถุนายน 2554 เวลา:15:38:38 น.