Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Red Dawn : หน่วยรบพันธุ์สายฟ้า , แก๊งค์เกรียนเก๋า เกาหลีเหนือ

Red Dawn : หน่วยรบพันธุ์สายฟ้า , แก๊งค์เกรียนเก๋า เกาหลีเหนือ

Red Dawn (2012)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG-13 for sequences of intense war violence and action, and for language

เป็นหนังแอ็คชั่นที่ถ่ายทำกันเสร็จตั้งแต่ปี 2009 แต่เนื่องด้วยการที่ บริษัทจัดจำหน่ายอย่าง MGM ได้ถูกฟ้องล้มละลาย ทำให้ตัวหนังต้องดองมาถึง 3 ปี พร้อมทัังในระหว่างนั้นก็ถ่ายซ่อม ใช้ ซีจี แก้ตัวร้ายจาก ประเทศจีน มาเป็น เกาหลีเหนือ เนื่องด้วยเหตุผลทางธุรกิจที่สมัยนี้ ประเทศจีน เป็นตัวที่ทำรายได้มากขึ้น

Red Dawn ฉบับปี 2012 ก็ยังคงแบบฉบับของความเกรียน ซ่าส์! สู้ไม่ถอยเอาไว้อย่างเต็มที่ เมื่อ อเมริกาถูกจู่โจม โดยกองทัพจากเกาหลีเหนือ ทุกคนถูกจับเป็นเฉลย ยกเว้น กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มหนึ่งที่นำทีมโดย เพียง เจ็ด (คริส เฮมส์เวิร์ธ) นายทหารหนุ่มที่เดินทางกลับมาพักผ่อนที่บ้าน แมท (จอช เพ็ค) ควอเตอร์แบ็คทีมฟุตบอลชื่อดังประจำเมือง น้องชายของ โรเบิร์ต (จอช ฮัทเชอร์สัน) เกรียน! ซ่าส์ มือระเบิดจำเป็น พวกเขานำทีมวัยรุ่นที่เหลือเข้าไปในป่าและฝึกการใช้อาวุธสงคราม ภายใต้ชื่อกลุ่มว่า “วูล์ฟเวอรีน” เพื่อที่จะกลับมาต่อสู้และช่วยคนที่เขารักกลับคืนมาให้จงได้ ก่อนที่พวกเขาและประเทศ จะโดน เกาหลีเหนือ ยึด

Red Dawn ฉบับปี 2012 กำกับการแสดงโดยผู้กำกับ แดน แบรดลีย์ ที่ก้าวข้ามขั้นมาจากการไปอยู่เป็นผู้กำกับกอง 2 ให้กับหนังดังๆมามากมายไม่ว่าจะเป็น Spider-Man 3 หรือแม้แต่ The Bourne Ultimatum ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ ซึ่งเขาก็ได้หยิบตัวโครงเรื่องทั้งหมด มารีเมคจากหนังดังในปี 1984 ของ แพทริค สเวย์ซี่ย์ และหยิบเอาตัวพระเอก คริส เฮมเวิร์ท ที่ในปีนี้มีหนังดองเข้าฉายพร้อมกันถึง 2 เรื่องเลยทีเดียว (อีกเรื่องนึงคือ The Cabin in the Wood นั้นเอง) ซึ่งโดยส่วนตัวจากการที่ผม ได้เคยรับชมต้นฉบับมาก่อน และก็ออกอาการไม่ปลื้มมากทีเดียว เพราะนอกจากตัวเรื่องที่จะไร้เหตุผล และ ค่อนข้างเอาดีทางด้านหนังคัลท์มากเกินไปแล้ว ฉากแอ็คชั่น และ การดำเนินเรื่อง ยังออกมาค่อนข้างน่าเบื่อ และแลดูจะหมดมุกตั้งแต่ 30 นาทีแรกของตัวหนัง

เพราะฉะนั้นการที่ผมได้ลองมาเสี่ยงดูอีกเวอร์ชั่นนึงของ Red Dawn ก็เพราะอยากจะรู้ว่า ตัวหนังจะมีการแก้ไขจุดบกพร่องของต้นฉบับหรือไม่ แต่หลังจากที่ได้รับชมก็ได้รับคำตอบจากผู้กำกับเลยว่า ไม่ได้แก้ไขจุดบกพร่อง แต่อย่างใด แต่หนำซ้ำยังกลับเพิ่มภาระที่ทำให้ผมรู้สึกเกลียดหนังเรื่องนี้เข้าไปใหญ่อีกด้วย เพราะการที่ตัวหนัง Red Dawn ในฉบับใหม่ เลือกที่จะเดินเรื่องราวตามฉบับเก่า โดยการให้ ประเทศตัวร้าย (ซึ่งในฉบับนี้คือ เกาหลีเหนือ) เริ่มต้นเข้าบุกประเทศอเมริกาตั้งแต่ 7 นาทีแรก ถือว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะนั่นจะทำให้ตัวหนังฉบับใหม่ หมดสิ่งใหม่ๆที่จะมานำเสนอให้กับคนดูตั้งแต่ 30 นาทีแรก

แถมหนำซ้ำมันยังทำให้ตัวหนังไม่มีเวลาที่จะปูความตื้น ลึก หนา บาง ให้กับตัวละครอีกด้วย โดยในฉบับใหม่ การที่ตัวหนังมีการเพิ่มตัวละครหลักในกลุ่ม วูฟเวอร์รีน เข้ามาถึง 4-5 ตัว ยิ่งถือว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะมันยิ่งทำให้ตัวหนังไม่มีเวลาที่เกลี่ยจากฉากแอ็คชั่น มาเติมเต็มความมีมิติให้ตัวละครเหล่านั้นได้เลย จนทำให้ฉากการสูญเสียตัวละครหลายๆตัว ไม่มีผลกับคนดูอย่างใดทั้งสิ้น ซึ่งการที่ตัวหนังเล่นดำเนินเรื่องแบบจุดสตาร์ทความมันส์ตั้งแต่ต้นเรื่อง ถือว่าเป็นอย่างนึงที่เปรียบเสมือน ดาบสองคม ที่มีทั้งข้อดีข้อเสีย ซึ่งข้อดีของมันก็คือ การดำเนินเรื่องประเภทนี้จะไม่ทำให้ตัวเรื่องอืดเท่าฉบับเก่า และตัดเข้าไปสู่ฉากแอ็คชั่นที่พอดูเพลินๆได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน ข้อเสียของมันก็อยู่ตรงที่ว่า มันทำให้ตัวหนังเปรียบเสมือนมาระเบิดภูเขาเผากระท่อมแล้วก็จากไป

โดยที่ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ให้คนดู และไม่มีแม้แต่กระทั่งประเด็น และ เรื่องราวต่างๆอย่างที่ฉบับเก่าเคยพูดถึงเอาไว้เลยสักนิด ซึ่งทางด้านนักแสดงที่ขนเอแต่ดาราวัยรุ่น ที่ตัวหนังสามารถเข้าฉายในจังหวะได้อย่างเหมาะเจาะ เพราะนักแสดงวัยรุ่นเหล่านั้น สมัยนี้ก็ดังเป็นพลุแตกกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็น เทพเจ้าสายฟ้า คริส เฮ็มเวิร์ท , พีต้า จากเขต 12 อย่าง จอช ฮัทเชอร์สัน และ อิสซาเบล ลูคัส หุ่นยนต์พิฆาตเซ็กซี่ แต่คงเป็นเพราะในปี 2009 ที่เหล่านักแสดงเหล่านี้ได้กำลังแสดงหนังเรื่องนี้อยู่ คงยังเป็นแค่ก้าวเริ่มต้นของพวกเขา การแสดงทั้งหลายจึงออกมาค่อนข้างแข็งกระด้างพอๆกับตัวเรื่อง จนทำให้โดยรวมพอดูได้แค่เพลินๆเท่านั้น

เพราะฉะนั้นโดยสรุป ผมคิดว่าถ้าหากใครที่ช่วงนี้ต้องการหาหนังแนวสไตล์ ไมเคิล เบย์ ดูเอามันส์ ระเบิดภูเขาเผากระท่อม แบบไม่สนเหตุสนผล(อย่างแท้จริง) Red Dawn ก็น่าจะตอบโจทย์คุณได้ แต่ถ้าหากใครที่อยากได้แอ็คชั่นมันส์ และ ตัวบท ที่ต้องมีความฉลาดด้วยแล้ว จงข้ามหนังเรื่องนี้ไปและอย่าได้หันกลับมา