Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Big Miracle : ปาฏิหารย์วาฬสีเทา , ไม่ว่าจะรัฐบาลประเทศไหนๆ ก็ไม่มีใครสนใจ 'สัตว์น้ำ'

Big Miracle : ปาฏิหารย์วาฬสีเทา , ไม่ว่าจะรัฐบาลประเทศไหนๆ ก็ไม่มีใครสนใจ 'สัตว์น้ำ'

Big Miracle (2012)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated PG for language

เป็นหนังที่สัญญาไว้กับตัวเองว่าตั้งแต่เห็นตัวอย่างของหนัง ถ้าหากค่าย UIP กล้านำเข้ามาฉายในไทย ตัวเราเองก็กล้าดู เพราะถึงแม้จะออกแนวเฉยๆกับตัวอย่าง แต่ว่าถ้าหากเป็นหนังแนวช่วยสัตว์น้ำ หรือ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ ก็จะค่อนข้างถูกใจผมมาก โดยตัวหนังนั้นเป็นอย่างไรในความเห็นผมไปอ่านครับ

แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง บอกเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นของเมืองเล็ก ๆ ที่มีปลาวาฬครอบครัวหนึ่ง ติดอยู่ในซากน้ำเข็ง ที่ก่อตัวเป็นแผ่นใหญ่ อย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถออกไปสู่ทะเลกว้างได้ อาสาสมัครกรีนพีชปากกล้าคนหนึ่ง (ดรูว์ แบร์รี่มอร์) กับนักข่าวท้องถิ่น Adam Carlson (จอห์น คราซินสกี้) ซึ่งท้งคู่เคยเป็นแฟนกัน เข้าทั้งคู่ เลยหาทางช่วยเหลือปลาวาฬคู่ดังกล่า ต่างระดมคนท้องถิ่น ทหาร ทั้งฝั่งของรัสเซียและอลาสก้า เจ้าของบริษัทน้ำมันหน้าเลือด ต่างก็ต้องช่วยกันกับเหตุการณ์นี้ เพราะมีผู้คนสนใจทั่วโลกเลยทีเดียว เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์เฉพาะเครือ SF Cinema City เท่านั้นครับ

Big Miracle กำกับการแสดงโดย เคน ควาพิส ผู้กำกับที่คงรู้จักกันดีในนามของผู้กำกับหนังแนว โรแมนติค คอมเมดี้ อย่าง He's Just Not That Into You และ The Sisterhood of the Traveling Pants แต่ว่าในปีนี้เขาขอลองอะไรใหม่ๆบ้าง โดยการนำเอาเรื่องจริงใน อลาสก้า เกี่ยวกับกลุ่มคนทั่วโลกที่พยายามจะช่วย ครอบครัวปลาวาฬ ทั้ง 3 ตัวให้หลุดพ้นจากทะเลที่กำลังจะแข็งตัวให้ได้ โดยก่อนที่ผมจะได้ไปรับชม Big Miracle ผมก็มีโอกาสได้ดูหนังแผ่นแนวเดียวกันนี้อย่าง Dolphine Tale ก่อนไปดูหนังเรื่องนี้ และสิ่งที่ผมชอบในหนัง 2 เรื่องนี้ และ เหมือนกันอย่างประหลาดเลยคือ การที่หนัง 2 เรื่องนี้มีประเด็นการกัดจิกรัฐบาลในแนวเดียวกัน โดยในเรื่องแรกอย่าง Dolphine Tale กัดจิกแบบเบาๆ และไม่ค่อยเน้นหนัก แต่ใน Big Miracle กัดหนักและไม่ปล่อย

เพราะสิ่งที่ Big Miracle พยายามจะสื่อให้คนสมัยนี้เข้าใจเลยคือ ไม่ว่ารัฐบาลประเทศไหนๆก็ไม่ค่อยสนใจองค์กรที่เกี่ยวกับ สัตว์โลก โดยเฉพาะ สัตว์น้ำ สักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับสถานการณ์ปลาวาฬติดทะเลน้ำแข็งเรื่องนี้ ที่ต้องมีการเรียกร้อง และ กัดจิก ก่อน เหล่ารัฐบาลทั้งหลายจึงจะมาสนใจสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ โดยสิ่งที่สามารถทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับการช่วยชีวิตของเหล่า ปลาวาฬ และ การกัดจิก เหล่ารัฐบาลได้กำลังดีนั้นคงหนีไม่พ้น วิธีการเล่าเรื่อง ของผู้กำกับ เคน ควาพิส ที่ไม่รอช้าที่จะเข้าเนื้อหาหลักของหนังตั้งแต่ 5 นาทีแรก และใช้เวลากว่า 100 นาทีที่เหลือโดยการค่อยๆให้คนดูรู้สึกซึมซับไปกับเนื้อเรื่อง

โดยสิ่งที่ผู้กำกับเลือกถูกโดยการนำเสนอเรื่องเลยคือ การที่หนังไม่ใส่ตัวละครขี้อิจฉา หรือ ตัวละครร้าย เข้ามา แต่กลับเลือกจะเล่าตัวบทออกมาในแนวทางของหนัง ฟีลกู้ด โดยที่ไม่มี อุปสรรค์ ต่างๆมาขวางสักเท่าไหร่ (ถ้าใครนึกไม่ออกให้นึกถึง The Blind Side ของ แซนดร้า บูลล๊อค ที่ฟีลกู้ดเกิน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า บทสรุปของหนังก็สามารถทำให้คนดูหัวใจพองโตได้เหมือนกัน) ซึ่งในบทสรุป และ ทั้งตัวเรื่อง ของหนังถึงแม้ว่าจะออกมาในรูปแบบ ตามสูตร ก็ตามที แต่ว่าผมก็พูดได้เต็มปากเลยว่า ตอนจบของ Big Miracle นั้นสามารถทำให้คนดูรักสัตว์น้ำอย่างผม รู้สึกหัวใจพองโต และ ฉีกยิ้มกว้างๆให้กับหนังเรื่องนี้

ซึ่งถ้าหากถามผมว่า แล้วมีสิ่งที่น่าผิดหวัง หรือว่า ข้อเสีย เกี่ยวกับ Big Miracle บ้างไหม ก็คงต้องมีเป็นธรรมดา และสิ่งที่เป็นข้อผิดพลาดของหนังเรื่องนี้จริงๆเลยคือ การที่หนังพยายามใส่ตัวละครเข้ามาเยอะเกินไป จึงทำให้หนังนั้นไม่สามารถแชร์บทบาทของตัวละครออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านของมิติของตัวละครนำอย่าง คู่พระเอก-นางเอก นั้นยังดูออกมาแล้วค่อนข้าง แบนราบ พร้อมไปกับตัวละครอื่นๆอีกเช่นกัน แถมการที่หนังเล่าเรื่องสไตล์แบบ ฟีลกู้ด ไม่มีอุปสรรค์ หลายๆคนก็อาจจะไม่ถูกใจบ้างแหละ เพราะว่ามันขัดกับหลักความจริงในโลกอย่างมาก ที่ว่า คนเราจะไม่มีอุปสรรค์เลยคงเป็นไปไม่ได้

สรุป Big Miracle ถือว่าเป็นหนังแนวฟีลกู้ดที่ทำออกมาได้ดีเกินความคาดหมาย ด้วยการที่หนังเล่าเรื่องสไตล์แบบไม่มีอุปสรรค์ และ มองโลกในแง่ดี จึงทำให้ตอนจบของหนังทำให้คนดูรู้สึก อบอุ่น และ ฉีกยิ้มกว้างๆ ได้อย่างง่ายๆ แต่ถ้าหากใครต้องการหนังที่ยึดตามหลักความจริงมากๆ เรื่องนี้ก็ไม่เหมาะกับคุณครับ