Bloggang.com : ลูกอบรสเขียด : Drive Angry 3D : ซึ่งโคตรเทพ ล้างบัญชีชั่ว , หนังพยายาม 'เกรดบี' ที่ต้องพูดว่ามีดีแต่ '3D' !!

Drive Angry 3D : ซึ่งโคตรเทพ ล้างบัญชีชั่ว , หนังพยายาม 'เกรดบี' ที่ต้องพูดว่ามีดีแต่ '3D' !!

Drive Angry 3D (2011)

[ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องสำคัญ หรือ ไม่สปอยล์]

Rated R for strong brutal violence throughout, grisly images, some graphic sexual content, nudity and pervasive language

เพิ่งได้มีโอกาสดูหนังอีกเรื่องของพี่เคจ ก็วันนี้แหละครับ หลังจากไม่ดูหนังของป๋าเคจแกในโรงมาหลายเดือนแล้วเหมือนกัน (รู้สึกล่าสุดจะ Kick-Ass หรือ The Sorcerer's Apprentice เนี่ยแหละ) แต่คราวนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นมาถึงได้อยากลองหนังป๋าแกอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้จะห่วยหรือไม่ไปอ่านได้เลยครับ

Drive Angry 3D เรื่องราวของ มิลตัน ชายหนุ่มผู้ได้เคยตายมาแล้วครั้งนึง แต่เมื่อวันดีคืนดี เขากลับหาทางออกที่จะหนีจากนรก มาสู่โลกมนุษย์ได้อีกครั้ง ที่เขาแหกนรกออกมาไม่ใช่เพราะอยากมีชีวิตต่อเพราะอะไร แต่เพราะเขาเหลืองานนึงที่เขาต้องทำ ไม่งั้นคงนอนตายตาไม่หลับแน่ๆ และงานนั้นคือ 'การล้างแค้น' กลุ่มลัทธิ ที่ได้ฆ่าเมียของเขา และ จับตัวลูกสาวเขาไป บูชายัญ ซึ่งนำกลุ่มโดย โจนาห์ คิง ชายหนุ่มผู้ที่คิดว่าเขาสื่อสารกับพระเจ้าได้ ซึ่ง มิลตัน นั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจาก เด็กเสริฟเซ็กซี่อย่าง ไพเพอร์ ด้วยเช่นกัน แต่งานของเขาจะจบลงด้วยดีหรือไม่เมื่อมีนักบัญชีมาตามล่าเขาอีก

Drive Angry ผลงานการกำกับของ Patrick Lussier หลังจากเคยฝากผลงาน สยองขวัญ ที่เน้นขาย 3D อย่าง My Bloody Valentine ไว้ ซึ่งคราวนั้นเขาเล่นเอาทุกอย่างปาใส่หน้าคนดูหมด + ได้รับ feedback เรื่อง 3D ค่อนข้างดี คราวนี้เขาขอกลับมาทำใหม่โดยขอเปลี่ยนแนวเป็นหนังแอ็คชั่นบ้าง Drive Angry เปิดตัวด้วยความมึนงง ที่มีคำอธิบายเพียงสั้นๆ ซึ่งเอาเป็นว่าใครไม่ได้ดู ตัวอย่าง หนังมาก่อนคงมีงงกันเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนี้ข้อดีอย่างแรกที่ต้องพูดเลยคงหนีไม่พ้นกับ 3D ที่ผู้กำกับจะขาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างจาก My Bloody มากนัก ที่เล่นจับเอา ขวาน , ลูกกระสุน , เศษเหล็ก และ ไม้เบสบอล ปาใส่หน้าคนดูแบบไม่ยั้ง จนบางฉากต้องหลบกันเลยทีเดียว + ด้วยความที่หนังนั้นได้ shot in 3D ถ่ายด้วยกล้อง 3D จริงๆเลยยิ่งทำให้หนังนั้น..

ภาพในแต่ละฉากที่จะทะลุจออกมาดูมีมิติ + เหมือนพุ่งเข้ามาจริงๆ ถึงแม้ว่าบางฉากนั้น CG จะเน่าเป็นช่วงๆบ้างก็ตาม และนอกจากฉาก 3D นั้นฉากแอ็คชั่นของหนังที่จะขายก็ถือว่าดูพอถูไถไปได้ แต่เอาจริงๆนั้นฉากแอ็คชั่นไม่ได้มันส์อะไรมากมาย แต่เนื่องด้วย ดนตรี อันหนักแน่นของ Composer มือเทพอย่าง Michael Wandmacher ที่เล่นเอาดนตรีที่ใส่ความแอ็คชั่นบ้าระห่ำ และ หนักแน่น จนเกินหน้าหนังกันไปเลยทีเดียว + ความบ้าบอหลุดโลกของหนัง ที่กล้าจะทำออกมาเป็นแนวเกรดบี อย่างเช่น Machete หรือ Hobo With A Shotgun นั้นก็ถือว่าบางฉากมีอารมณ์ขันบ้าง แต่โดยรวมนั้น

การที่หนังใส่อารมณ์ขันแนวหลุดโลก + อยากให้เป็นเกรดบี มากไปจึงทำให้หนังดู ปัญญาอ่อน ในทันที โดยเฉพาะ CG ที่มาแบบหนังแผ่นเป็นช่วงกันเลยทีเดียว (โดยเฉพาะภาพ Background ฉากขับรถทุกฉากนั้น เป็น CG ปลอมลวงโลก ที่ Fake ที่สุดตั้งแต่เคยมา ขนาด ละคร ไทยยังทำฉากนี้ได้ดีกว่าหน่ะผมว่า) นอกจากนั้นก็ขอพูดถึงการแสดงพี่เคจ หลังจากที่ เล่นหนัง แบบไม่เลือกนับตั้งแต่ Kick-ass ที่เคยชมการแสดงของเฮียแกว่าแมนดี แต่เมื่อได้ดู Season Of The Witch แล้วนั้นขอเปลี่ยนคำโดยทันที ส่วนเรื่องนี้ จะว่าคงเส้นคงวาได้รึปล่าวก็ไม่รู้ เพราะทรงผมที่ออกแบบได้แย่จริงอะไรจริง

+ บางฉากแอ็คชั่นของเฮียแกที่ ทำภาพ Slow-Motion นั้นก็เหมือนจะมี ท่าแอ็คชั่นเท่ๆ และ คำพูดเก๋าๆ ทรอดแทรก มุขตลกไว้เยอะเหมือนกัน แต่บางฉาก เฮียแกกลับ พยายาม จะเท่มากจนเกินไปซะงั้น ซึ่งนอกจากนี้ ก็มีข้อเสียที่ไม่ชอบ นอกจากเรื่องของ CG และอะไรต่างๆนั้น บทที่หลุดโลกอย่างว่าก็ยังไม่ได้ดีพอนั้น อย่างสุดท้ายที่ต้องขอพูดถึงเลยคือ ผู้กำกับ นั้นน่าจะมีฉากล้างแค้นที่สะใจมากกว่านี้ซะหน่อย + น่าจะสตาร์ทเครื่องให้ร้อนตั้งแต่ต้นจนจบ ออกแนว พูดน้อยต่อยหนัก ซะมากกว่าจะมาทำหนังแนว พูดกลางต่อยกลาง สไตล์ที่ทำให้ตัวละครมีมิติ

สรุป หนังแอ็คชั่นบ้าบอ เลือดพล่าน เรื่องนี้มีดีที่ 3D ที่มีอะไรก็พุ่งใส่หน้าจอทั้งหมด + มีสาวโป๊ และ ฉากโหด ให้คอซาดิสม์สะใจอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่หนังมี CG เน่าๆ ทำให้ดูตลกๆเป็นช่วงๆกันเลยทีเดียว + ฉากแอ็คชั่นของหนังที่ยังไม่มันส์พอ แต่ Score ของหนังนั้นทำให้หนังดูดีขึ้นทีเดียวหละ