พระสูตร ที่น่าสนใจ (24) - เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ฟ้าสางเมื่อใกล้ค่ำ เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ภิกษุทั้งหลายในอดีตกาลนานมาแล้ว ในเมืองสาวัตถีนี้เอง พระราชารับสั่งให้คนตาบอดทั้งหมดเข้าเฝ้าให้คนนำช้างมาให้ดู คนตาบอดเหล่านั้น บางคนก็คลำศีรษะช้าง บางคนก็คลำหูช้าง...ต่างก็เข้าใจรูปลักษณะของช้างแตกต่างกันไป
เมื่อถูกถาม คนที่คลำศีรษะช้างกราบทูลว่า ช้างเหมือนหม้อน้ำ คนที่คลำหูกราบทูลว่า ช้างเหมือนกระด้ง คนที่คลำงากราบทูลว่า ช้างเหมือนผาล คนที่คลำงวงกราบทูลว่า ช้างเหมือนงอนไถ คนที่คลำตัวช้าง กราบทูลว่า ช้างเหมือนฉางข้าว คนที่คลำเท้ากราบทูลว่า ช้างเหมือนเสาเรือน คนที่คลำหลังกราบทูลว่า ช้างเหมือนครก ตำข้าว คนที่คลำโคนหางกราบทูลว่า ช้างเหมือนสาก คนที่คลำปลายหางกราบทูลว่า ช้างเหมือนไม้กวาด
คนตาบอดเหล่านี้ทุ่มเถียงกัน ช้างเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ย ต่อหน้าพระที่นั่ง พระราชาทรงพระสรวลด้วยความขบขันเป็นอย่างยิ่ง ข้อนี้ฉันใด
พวกอัญเดียรถีย์ปริพาชกทั้งหลายก็ฉันนั้น เป็นดุจคนตาบอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ อะไรมิใช่ประโยชน์ ไม่รู้ธรรม และมิใช่ธรรมต่างทะเลาะกัน ทิ่มแทงกัน "ด้วยหอกคือปาก"
พระพุทธเจ้าทรงเปล่งอุทานในเวลาต่อมาว่า
"เหล่าสมณพราหมณ์ที่ยึดมั่นในทิฐิ (ความเห็นผิด) อันหาสาระมิได้
มองอะไรในแง่มุมเดียว ย่อมทะเลาะวิวาทกัน"
พระสูตรนี้ชื่อ "กิรสูตร" คนตาบอดดูช้าง ดูยังไงๆ ก็ไม่เห็นช้างทั้งตัว อาศัยมือคลำดู คลำถูกส่วนไหนก็คิดว่าช้างเป็นอย่างนั้น แล้วไม่วายทุ่มเถียงกับคนตาบอด อื่นๆ เป็นที่ขบขันของคนตาดี ในสังคมปัจจุบันนี้ก็มี "คนตาบอด" ที่นึกว่าตัวรู้เห็นอะไรกว่าคนอื่นอยู่ไม่น้อย ยังไงๆ มันก็คนตาบอดอยู่นั่นแหละ (วะ)
หน้า 27
ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ ฟ้าสางเมื่อใกล้ค่ำ ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก
สิริสวัสดิ์ภุมวารค่ะ
Create Date : 29 กรกฎาคม 2557 |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2557 9:11:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 649 Pageviews. |
|
|