ทะเลาะกันแล้วได้อะไร? - ฟ้าสางเมื่อใกล้ค่ำ
ฟ้าสางเมื่อใกล้ค่ำ เสฐียรพงษ์ วรรณปก
คนทั่วไปคงนึกไม่ถึงว่าตนกำลังพินาศ เพราะวิวาททุ่มเถียงกัน ส่วนผู้รู้ความจริงเช่นนั้น ย่อมไม่ทะเลาะกันอีกต่อไป
พุทธวจนะบทนี้ พระพุทธเจ้าตรัสสอนพระภิกษุชาวเมืองโกสัมพี
พระเหล่านี้ขัดแย้งกันด้วยเรื่องเล็กน้อย ภายหลังเกิดทะเลาะวิวาทกันลุกลามใหญ่โต พระพุทธองค์เสด็จไปห้ามปราม ไม่ยอมฟัง พระองค์จึงเสด็จหนีไปอยู่ที่อื่น ภายหลังพระเหล่านี้สำนึกผิด จึงไปกราบขอขมาโทษ พระองค์จึงตรัสสอนพวกเธอดังข้อความข้างต้น
การทะเลาะวิวาทกันนั้นมาจากสาเหตุ 2 ประการ คือ 1) ผลประโยชน์ขัดกัน และ 2) ความเห็นไม่ตรงกัน ไม่ว่าพระหรือคฤหัสถ์ ตราบใดที่ยังเป็น "ปุถุชน" (คนมีกิเลส) อยู่ย่อมจะมีเหตุหรือมีเรื่องทะเลาะกันจนได้ พระพุทธองค์ตรัสว่า "คฤหัสถ์มักทะเลาะกันเพราะกาม นักบวชมักทะเลาะกันเพราะลัทธิความเชื่อว่าใครสอนผิด ใครสอนถูก"
ไม่ว่าจะทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร ย่อมจะย่อยยับด้วยกันทั้งสองฝ่าย พึงเห็นตัวอย่างคนที่ฟ้องร้องกันทั้งโจทก์และจำเลย ต่างก็หมดเปลืองเงินทอง เปลืองเวลาเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ ต่างก็เสียยุบเสียยับ ได้ไม่คุ้มเสีย
นอกจากนี้ คนที่ทะเลาะกันย่อมเป็นที่ดูถูกดูหมิ่นของคนอื่น สามีภรรยาทะเลาะกันก็เป็นที่รำคาญหูรำคาญตา และเป็นที่ดูหมิ่นของชาวบ้าน ยิ่งพระสงฆ์ซึ่งชาวบ้านเขาเคารพนับถือว่าเป็น ผู้มีศีลมีคุณธรรมสูงกว่าชาวบ้าน ถ้าทะเลาะกันยิ่งเป็นที่เสื่อมศรัทธา
ทิฐิมานะ หรือการถือว่าตนแน่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ขยายการทะเลาะวิวาทให้ใหญ่โตขึ้น เพราะไม่มีใครยอมใคร บางครั้งด่าสู้เขาไม่ได้ ไปบอกพรรคพวกร่วมคณะหรือร่วมโรงเรียนให้พลอยโกรธ แล้วยกพวกมาชกต่อยกันได้รับบาดเจ็บถึงตายก็มี บางครั้งเด็กๆ ทะเลาะกันตามประสาเด็ก ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าข้างลูกหลานของตน ออกมาด่าทอก่อวิวาทบาดถลุงใหญ่โตทั้งๆ ที่สาเหตุมาจากเรื่องเล็กนิดเดียว
สาดโคลนใส่กัน ไม่มีใครที่ไม่เปรอะเปื้อน โปรดเตือนตนทุกเวลา อย่าว่าให้ใครช้ำ อย่าทำให้ใครเคืองแล้วเรื่องทะเลาะวิวาทก็จะไม่มี
หน้า 31 ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์ ฟ้าสางเมื่อใกล้ค่ำ ศ.เสฐียรพงษ์ วรรณปก สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ
Create Date : 27 มกราคม 2557 |
Last Update : 27 มกราคม 2557 10:48:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 524 Pageviews. |
|
|