งานจิตรกรรม ภาพเหมือนของนายแพทย์กาเชต์
ภาพเหมือนของนายแพทย์กาเชต์ (อังกฤษ: Portrait of Dr. Gachet) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์จิตรกรคนสำคัญชาวเนเธอร์แลนด์ของสมัยอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลัง ภาพเหมือนของนายแพทย์กาเชต์ ขายในราคา 82.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (75 ล้าน บวกค่าหนายหน้าสิบเปอร์เซ็นต์)ในปี ค.ศ. 1990 ภาพเหมือนของนายแพทย์กาเชต์ ที่เขียนในปีสุดท้ายของชีวิตของฟาน ก็อกฮ์ในปี ค.ศ. 1890 ภาพนี้ที่แท้จริงมีด้วยกันสองภาพทั้งสองภาพต่างก็เป็นภาพด็อดเตอร์กาเชต์นั่งเกยหน้ากับแขนขวา ที่มีลักษณะต่างกันพอที่จะแยกได้ ฟาน ก็อกฮ์เขียน ภาพเหมือนของนายแพทย์กาเชต์ ที่ โอแวร์ส-เซอร์-อวสใกล้ปารีสเป็นภาพของด็อดเตอร์พอล กาเชต์กับต้นถุงมือจิ้งจอกบนโต๊ะ กาเชต์ดูแลระหว่างเดือนสุดท้ายของชีวิตของฟาน ก็อกฮ์ และมีงานอดิเรกเป็นจิตรกรที่กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีของฟาน ก็อกฮ์ ต้นถุงมือจิ้งจอกเป็นพืชที่ใช้สกัด มาใช้ในการรักษาโรคหัวใจบางประเภท ต้นถุงมือจิ้งจอกจึงเป็นเครื่องหมายที่ใช้แสดงว่ากาเชต์เป็นนายแพทย์ อาการหดหู่ ฟาน ก็อกฮ์หวนคิดถึงภาพเหมือนของกวีชาวอิตาเลียนทอร์ควาโท ทาสโซ โดยเออแฌน เดอลาครัวซ์ ในสถานบำบัดผู้ป่วยด้วยโรคจิตหลายครั้ง หลังจากที่ไปมงเปลิเยร์กับพอล โกแกงเพื่อไปดูงานสะสมของอัลเฟรด บรูยาส์ ฟาน ก็อกฮ์ก็เขียนจดหมายถึงน้องชายทีโอขอให้ช่วยหาก็อปปีของภาพพิมพ์ของงานเขียนให้ สามเดือนกว่าๆ ต่อมาฟาน ก็อกฮ์ก็ได้ความคิดเกี่ยวกับลักษณะของภาพเหมือนที่ต้องการจะเขียน: "แต่จะเป็นภาพที่ประสานกับภาพที่เขียนโดยเออแฌน เดอลาครัวซ์ในการพยายามที่จะแสดง ทาสโซในที่จำขัง และภาพอื่นๆ อีกหลายภาพที่แสดงให้เห็นถึงบุคคลิกที่แท้จริง อา ภาพเหมือน, ภาพเหมือนที่แสดงความคิด, วิญญาณ ของผู้เป็นแบบ, นี่แหละคือสิ่งที่ฉันคิดว่าควรจะเป็นลักษณะที่ปรากฏในภาพ ฟาน ก็อกฮ์เขียนจดหมายถึงทีโอในปี ค.ศ. 1890 เกี่ยวกับภาพเขียนว่า: | ฉันเขียนภาพเหมือนของ เอ็ม. กาเชต์เสร็จเรียบร้อยที่มีใบหน้าที่หดหู่ แต่อาจจะดูเหมือนแกจะมีหน้าตาบูดบึ้งสำหรับผู้ที่ได้เห็น...เศร้าแต่อ่อนโยน และยังแสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีสติปัญญา ภาพเขียนอย่างนี้ควรจะเป็นวิธีภาพเหมือนควรจะเขียนกัน... | | ประวัติการเป็นเจ้าของ - ภาพดั้งเดิมขายโดยน้องสะไภ้ของฟาน ก็อกฮ์เป็นจำนวน 300 ฟรังก์ในปี ค.ศ. 1897 ต่อมาก็ถูกขายให้แก่ พอล คาส์ซิเยร์ (ค.ศ. 1904), เคสเลอร์ (ค.ศ. 1904) และดรูเอต์ (ค.ศ. 1910) ในปี ค.ศ. 1911 หอศิลป์แห่งรัฐที่ฟรังเฟิร์ตก็ซื้อต่อจากดรูเอต์ และตั้งแสดงอยู่ที่นั่น
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1933 เมื่อถูกนำไปซ่อน ในปี ค.ศ. 1937 ภาพเขียนก็ถูกยึดโดยกระทรวงเพื่อส่งเสริมการประเทืองปัญญาของสาธารณชนและการโฆษณาชวนเชื่อ (Ministry of Public Enlightenment and Propaganda) ซึ่งเป็นสาขางานหนึ่งของนาซีที่พยายามกำจัดภาพเขียนก่อนสงคราม ที่ถือว่าเป็น ศิลปะที่แสดงความเสื่อมโทรมทางวัฒนธรรม (degenerate art) ภาพเขียนตกไปเป็นของแฮร์มันน์ เกอริงผู้รีบขายให้แก่นักซื้องานศิลปะในอัมสเตอร์ดัม นักซื้อหันไปขายให้กับนักสะสมศิลปะซิกฟรีด ครามาร์สกีผู้นำติดตัวเมื่อหนีไปนิวยอร์ก ที่ครามาร์สกีมักจะให้งานศิลปะยืมโดยพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ในปี ค.ศ. 1990 ตระกูลครามาร์สกีก็ประมูลขาย ภาพเขียนมาได้รับความมีชื่อเสียงเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 เมื่อนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น Saitō Ryōei ซื้อภาพในราคา 82.5 ล้านเหรียญสหรัฐในการประมูลที่ห้องประมูลภาพคริสตีส์ในนครนิวยอร์กที่ทำให้กลายเป็นภาพเขียนที่มีราคาสูงที่สุดในโลกในขณะนั้น Saitō ผู้เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของบริษัทผลิตกระดาษไดโชวะผู้มีอายุ 75 ปีสร้างความโกรธเคืองระดับโลกเมื่อกล่าวว่าจะเผาภาพเขียนพร้อมกับการร่างของตนเองเมื่อเสียชีวิต แต่ต่อมา Saitō ก็พยายามไกล่เกลี่ยว่า ความหมายที่ตั้งใจคือต้องการที่จะอนุรักษ์ภาพเขียนตลอดไป ผู้ช่วยของ Saitō ให้คำอธิบายต่อไปว่าคำพูดดังกล่าวเป็นเพียงการพูดเพื่อแสดงความรู้สึกถึงความผูกพันอันลึกซึ้งของ Saitō ต่อภาพเขียน ต่อมา Saitō ก็กล่าวว่าจะอุทิศภาพเขียนให้กับรัฐบาลหรือพิพิธภัณฑ์ หลังจาก Saitō เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1996 ที่ตั้งของภาพเขียนและเจ้าของก็กลายเป็นเรื่องลึกลับ แต่มาเมื่อต้นปี ค.ศ. 2007 ก็มีข่าวมาว่าภาพเขียนถูกขายไปแล้วสิบปีก่อนหน้านั้นโดย Saitō เองให้แก่นักลงทุนทางการเงินที่เกิดในออสเตรียชื่อวูล์ฟกัง เฟลิทเทิล แต่หลังจากที่ประสบปัญหาทางการเงินเฟลิทเทิลก็ต้องขายภาพเขียนต่อแต่ยังไม่เป็นที่ทราบว่าใครเป็นผู้ซื้อ ขอบคุณวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี อาทิตยวารสิริวิบูลย์ค่ะ
Create Date : 20 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2555 12:56:23 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2839 Pageviews. |
|
|