บันทึกของผู้เฒ่า (๑๗๒)
หน้าสุดท้าย
เมื่อบันทึกลงในหนังสือเรื่อง เปิดใจนักเขียนชรา ถึงวันสุดท้าย ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๒๘ ก.ค.๕๖ (๗)
เมื่อหมดห่วงเรื่องราชการแล้ว ก็ตั้งหน้าตั้งตาเขียนหนังสือต่อไป เพราะได้วางแผนไว้ก่อนที่จะเกษียณ ว่าจะเอานิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องสามก็ก ของท่าน เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มาเรียบเรียงให้เป็นสามก๊ก ฉบับลิ่วล้อ ใช้นามปากกา เล่าเซี่ยงชุน ยัดเยียดเข้าไปแทรกในตลาดหนังสือให้ได้
และได้ลงมือตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๔ จนถึง พ.ศ.๒๕๔๑ ครบรอบการเขียนหนังสือ ๕๐ ปี อายุ ๖๗ ปี ได้รับการจัดพิมพ์สามก๊กฉบับลิ่วล้อ โดยสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ได้ค่าตอบแทนมากที่สุดจนแทบไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกับการได้ยศพันเอกในทางทหาร
สามก๊ก ฉบับลิ่วล้อ เรียบเรียงใหม่จาก ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) โดย เล่าเซี่ยงชุน
จำนวน ๓ เล่ม เล่มที่ ๑ จำนวน ๒๖ ชุด รวม ๔๐ ตอน เล่มที่ ๒ จำนวน ๒๓ ชุด รวม ๓๔ ตอน
เล่มที่ ๓ จำนวน ๑๘ ชุด รวม ๓๖ ตอน รวมทั้งสิ้น ๖๗ ชุด ๑๑๐ ตอน ได้ค่าตอบแทน ๘๔,๐๐๐ บาท
ชีวิตของผมทั้งทางราชการ และส่วนตัวได้มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ทั้งสองด้าน เหมือนตัวทากจากพื้นดิน ที่ค่อยไต่ขึ้นกำแพงอย่างช้า ๆ ไม่เคยหยุดพัก และไม่เคยถอยหลัง มีแต่คืบหน้าไปเรื่อย ๆ โดยไม่ย่อท้อ แม้จะไม่รู้เลยว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เมื่อถึงอายุ ๖๗ ปี ก็บรรลุถึงที่หมายปลายทาง เหมือนนิทานชาดกเรื่องพระชนก
ตามธรรมดาเมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วก็จะต้องค่อย ๆ ลดต่ำลง แต่ในการเขียนหนังสือของผมแล้ว ยังคงเดินหน้าต่อไป มิได้มุ่งหวังสิ่งอื่นใด นอกจากการได้ทำในสิ่งที่รักและหลงใหลมาแต่วัยเด็ก และจะทำไปจนกว่าจะสิ้นแรง หมดกำลัง และหมดลมหายใจ.
##############
เมื่ออ่านทานแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ไหน ๆ ก็จะเลิกเขียนหนังสือขายแล้ว ควรจะรวบรวมผลงานที่ได้รับการตอบรับจากวารสารต่าง ๆ ไว้เป็นที่ระลึก ให้ลูกหลานดูในภายหน้าก็จะดีไม่น้อย
เมื่อเอาบันทึกเรื่องงานเขียนมาเปิดดูแล้ว ก็พบว่า ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๑ ถึง พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นเวลา ๖๐ ปี ที่เขียนหนังสืออย่างสม่ำเสมอติดต่อกันมาเท่าที่จะมีเวลานอกราชการ ซึ่งแบ่งได้เป็นสามช่วง ดังนี้
เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๙ ซึ่งลาออกจาก ร.ร.มัธยมวัดราชาธิวาส เพราะไม่มีเงินเสียค่าเทอม โดยมีใบสุทธิชั้น ม.๔ เท่านั้น เพราะ ม.๕ โรงเรียนปิด และ ม.๖ สอบตก เขียนแล้วส่งไปลงตะกร้าที่วารสารต่าง ๆ อยู่จนถึง ตุลาคม ๒๔๙๑ จึงได้ลงพิมพ์เรื่องแรกที่ นิตยสารโบว์แดง ซึ่ง สันต์ เทวรักษ์ นักประพันธ์ชื่อดัง เป็นบรรณาธิการ
ช่วงที่สองเขียนเรื่องสั้นส่งให้วารสารต่าง ๆ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ รายลอตเตอรี่ (ทุก ๑๐ วัน - นาถ) และรายเดือน ตลอดเวลาที่รับราชการ จนถึง พ.ศ.๒๕๑๘ จึงได้เข้าไปอยู่ในกองบรรณาธิการ และได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้ช่วยบรรณาธิการเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐
เรื่องที่เขียนนั้น มีทั้งเรื่องสั้น สารคดี และเรื่องหรรษา เว้นแต่เรื่องทางวิทยาการทการสื่อสารเท่านั้น ซึ่งได้ลงพิมพ์นอกจากนิตยสารทหารสื่อสาร ซึ่งเป็นหน้าที่ประจำแล้ว ได้ส่งไปให้วารสารอื่น ๆ เช่น
-โบว์แดง สายสัมพันธ์ ไทยใหม่
-อารมณ์ จิตรวัฒนา สตรีสาร
-หลักเมือง นครสาร แนวหน้า
-พิมพ์ไทย หญิงไทย ศรีกรุง
-ข่าวภาพ เมืองหลวง เดลิเมล์
-เสนาสาร รักษาดินแดน กะดึงทอง
- สกุลไทย วปถ.ปริทรรศน์ เพื่อนบ้าน
- แฟนสัมพันธ์ ไทสัปดาห์
จากนั้นจึงได้เริ่มเรียบเรียง นิยายอิงพงศาวดารจีนในราชวงศ์ต่าง ๆ และมาถึง สามก๊ก บับหลวง ของ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เพราะตั้งใจไว้ว่า เมื่อเกษียณอายุราชการใน พ.ศ.๒๕๓๕ แล้วจะเขียนหนังสือเป็นงานหลัก
ช่วงที่สาม คือการเขียนอย่างอิสสระ ตั้งแต่เกษียณอายุราชการ พ.ศ.๒๕๓๕ ถึง พ.ศ.๒๕๕๑ ครบ ๖๐ ปีของการเขียนหนังสือ และอายุใกล้จะ ๘๐ ปีแล้ว จึงวางมือไม่ได้เขียนอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราวอีกเลย
สรุปผลงานที่ได้ลงพิมพ์แล้ว และนำมาวางในบล็อกของพันทิป ตั้งแต่ พ.ศ.๓๕๕๐ ปรากฏว่าเขานับได้ ๑๕๑๓ ชิ้น
แบ่งแยกได้ดังนี้
สามก๊ก ๒๑๗ ตอน นามปากกา เล่าเซี่ยงชุน เจียวต้าย
"ซ้องกั๋ง ๕๕
"เปาบุ้นจิ้น ๓๗
"พงศาวดารจีนเรื่องอื่น ๆ ๖๓
"เรื่องสั้น ฉากชีวิต ๑๒๔ นามปากกา เพทาย
"บันทึกของคนเดินเท้า ๖๒ นามปากกา เทพารักษ์
"ย้อนอดีต ๘๒ นามปากกา พ.สมานคุรุกรรม
"เบ็ดเตล็ด ๖๓๐ นามปากกาต่าง ๆ
" ไม่มีสาระ ๒๔๓ นามปากกา เจียวต้าย
บัดนี้ผู้บันทึกมีอายุครบ ๘๓ ปี ใน ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๗ มีสิทธิที่จะตายได้แล้ว แต่เมื่อไรก็ยังไม่รู้ จึงเหลือแต่ชื่อ เจียวต้าย ที่พอจะเขียนอะไรที่ไม่ค่อยมีสาระได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อหาเพื่อนคุย ในเวปพันทิป
จนกว่ามือจะหมดแรง ยกมือขึ้นจิ้มคอมพิวเตอร์ได้อีกต่อไป เท่านั้น.
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
##############
โดย: เจียวต้าย 21 พฤศจิกายน 2556 8:59:28 น.
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2556 |
|
5 comments |
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2556 11:42:21 น. |
Counter : 1935 Pageviews. |
|
|
|
นาถ ได้เติม ตัด นิดหน่อย เพื่อให้สมบูรณืยิ่งขึ้นค่ะ
ชาวบ้านเลขที่ ๒๙ เห็นพ้องกันว่า "ยังไม่ยอมให้ตายค่ะ"
หกเสียงเป็นเอกฉันท์ พี่ปู่อย่ามาดื้อเสียให้ยาก ตกไปตามการเมืองขณะนี้แน่ๆ ค่ะ