"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
แนะนำเรื่องสั้นของเจียวต้าย ชุดเรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. เรื่องของหมอ



เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

เรื่องของหมอ

"เพทาย"




คนเราเมื่อเข้าสู่วัยชราคือการเป็นคนแก่นั้น แม้จะมีผู้คิดค้นหาคำที่ค่อนข้างจะไพเราะมาใช้แทนว่า ผู้สูงอายุ ผู้อาวุโส หรือผู้เข้าสู่วัยทอง ให้ลดความระคายหู แต่ก็ไม่ช่วยให้ความแก่ลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกนาทีที่ผ่านไป จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี สิ่งที่ตามมาก็คือความเจ็บไข้ได้ป่วย ตามกฎของความเป็นจริง ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ว่า ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บป่วยปริเวทนาเป็นทุกข์ และความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ทั้งหมดนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ และเป็นธรรมดาของสัตว์ทั้งหลายในโลก

และเพื่อที่จะชลอความตาย เราจึงต้องไปหาหมอเมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้น แต่ถ้าไม่ประมาท ก็ควรจะต้องไปหาหมอเสียตั้งแต่เริ่มแก่ คือเมื่อเริ่มเกษียณอายุ ไม่ต้องรอให้ความป่วยไข้มาถึงตัวเสียก่อน

ผมนั้นได้ผ่านความเจ็บป่วยมาก่อนที่จะแก่หลายครั้งหลายหนแล้ว จึงมีความคุ้นเคยกับหมอและโรงพยาบาลเป็นอย่างดี เมื่อวัยฉกรรจ์กำลังเป็นพลทหารเกณฑ์ ก็ต้องเข้าผ่าตัดโรคไส้เลื่อนซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด แต่เกิดอักเสบอย่างรุนแรงในขณะที่ฝึกอยู่ในสนาม นายแพทย์ที่ทำการผ่าตัดนั้น ผมไม่ได้เห็นหน้าท่าน เพราะมีผ้าปิดตาอยู่ ในเวลานั้น โดยไม่ได้ใช้ยาสลบ เพียงแต่ฉีดยาชาเข้ากระดูกสันหลัง ให้หมดความรู้สึกตั้งแต่สะดือลงไปถึงปลายเท้าเท่านั้น ภายหลังทราบว่าเป็นนายพัน ท่านปฏิบัติกับผมซึ่งเป็นพลทหารอย่างดี จนผมตื้นตันใจมาก และเมื่อเวลาผ่านมาอีกยี่สิบปี ผมก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดด้วยโรคเดิม อีกข้างหนึ่ง ตามกรรมวิธีเดิม หมอซึ่งมียศร้อยเอกเท่ากันกับผม ท่านก็ให้การรักษาอย่างดีเหมือนเดิม คราวนี้ผมได้เห็นหน้าท่านก่อนลงมือจึงมีโอกาสได้ตอบแทนท่าน ด้วยความสำนึกในพระคุณ ที่ช่วยให้พ้นความทุกข์ทรมาน

คราวหนึ่งผมเล่นปิงปอง หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่าเทเบิลเทนนิสกับเพื่อน โต๊ะซึ่งเป็นขาพับได้ล้มลงมาทับหัวแม่เท้าซ้ายถึงกระดูกร้าว ใส่รองเท้าไม่ได้ หมอบอกว่าจะเข้าเฝือกก็ไม่ได้ ต้องนอนกินยาจนกว่าจะลุกขึ้นเดินได้ เล่นเอาลางานไปเป็นเดือน

ต่อมาเกิดบวมทั้งตัว ไปหาหมอที่โรงพยาบาลหนึ่ง ท่านให้ยาอะไรก็ไม่ทราบ กินแล้วปัสสาวะมากมายจนซีดไปหมดทั้งตัว เลยต้องย้ายไปอีกโรงหนึ่ง ซึ่งตรวจอย่างละเอียดด้วยเครื่องมืออันใหญ่โตแบบโบราณ ที่เรียกว่าไอโซโถปแล้ว ปรากฏว่าตับโต ต้องรักษาตัวอยู่ปีกว่า หมอสั่งให้เลิกกินเหล้าโดยเด็ดขาด ผมจึงเปลี่ยนมากินเบียร์เติมโซดาแทน จนถึงบัดนี้ ไม่ทราบว่าตับจะดีขึ้นบ้าง หรือเปล่า แต่ที่แน่นอนคือได้โรคกระเพาะเพิ่มขึ้น

เมื่อเริ่มอยู่บ้านเพราะเกษียณอายุราชการ ผมจึงรีบไปเข้าคลีนิคผู้สูงอายุ เพื่อตรวจ สุขภาพทั่วไปทันที ก็ไม่มีโรคอะไรร้ายแรง น้ำหนักตัวปกติไม่อ้วน ความดันก็ปกติ น้ำตาลในเลือดไม่สูง ไขมันในเส้นเลือดไม่มาก หัวใจเรียบร้อย เครื่องในดีหมด กรดยูริคก็ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะเป็นโรคเก๊าท์ แต่มีแผลในลำใส้เล็กน้อยไม่ถึงผ่าตัด เพียงแต่กินยาอย่างสม่ำเสมอก็พอจะอยู่ได้ สองสามเดือนก็ไปหาหมอตามนัดครั้งหนึ่ง ก็ได้ยาบำรุงต่าง ๆ ตั้งแต่เอถึงแซ่ดมากิน เป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว ยังไม่มีโรคร้ายแรงพอที่จะเอากันให้ถึงตายได้

สิ่งที่ประทับใจผมมากที่สุดในคลีนิคแห่งนี้ ก็คือคุณหมอที่ผมไปหาเป็นเจ้าประจำ ท่านเป็นหมอที่มีอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย หมอบางท่านพอเห็นหน้าคนไข้ก็ถามอาการ แล้วก็เขียนใบสั่งยาไม่ยอมพูดมาก คนไข้ถามอะไรด้วยความอยากรู้ ก็ชี้แจงอย่างห้วนสั้น บางที คนไข้ที่ยังไม่เข้าใจ ก็ไม่กล้าถามต่อเพราะเกรงใจหมอ จนอาจทำตัวไม่ถูกต้องก็ได้

แต่สำหรับหมอท่านนี้ ท่านจะยอมให้คนไข้ซักถามจนสิ้นความสงสัย และตอบชี้แจงอย่างละเอียด แทรกไปด้วยความเมตตา และอารมณ์ขัน อย่างเช่นคนไข้ไปตรวจเลือดมาหลายรายการ ก็อยากจะรู้ว่าตนมีโรคอะไรบ้าง ท่านก็จะชี้แจงไปทีละอย่างว่า ตัวนี้ถ้ามากเกินไปจะทำให้เป็นอะไร ต้องแก้ไขอย่างไร ตัวนั้นดีมากปฏิบัติตนอย่างนี้ดีแล้ว ทำต่อไปอย่าเลิกอะไรทำนองนั้น เป็นต้น

ท่านเป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง เมื่อคนไข้เข้าไปพบ ท่านจะต้องรีบแสดงความเคารพและสวัสดีก่อนแทบทุกครั้ง ทั้งนี้เพราะคนไข้ทุกคนจะมีอายุสูงกว่าหมอ แล้วก็ทักทายปราศรัย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มช่วยให้คนไข้สบายใจ ว่าเป็นไงครับท่าน

บางทีคนไข้บอกว่าแย่เลย หมอก็จะรีบถามว่าท่านหรือผมที่แย่ คนไข้ก็จะยิ้มออก แล้วก็พรรณาความแย่ของตน ให้หมอฟังอย่างยืดยาว หมอก็จะก้มหน้าก้มตาเขียนข้อมูลลงในแผ่นประวัติ พร้อมกับจดชื่อยาลงในใบสั่ง พอคนไข้หยุดหมอก็ถามว่า มีอะไรอีกก็ว่าไปเรื่อย ๆ หมอกำลังแปลคำพูดให้เป็นยาอยู่

คนไข้บางคนมีคำถามหลายข้อกลัวจะลืม ถึงกับต้องจดใส่กระดาษไว้ดูพอบอกหมอว่าวันนี้จะขอปรึกษา หมอก็ว่าเอาเลยเริ่มข้อหนึ่ง แล้วก็ตอบชี้แจงไปทีละข้อ จนคนไข้พอใจ แล้วจึงตรวจโรคสั่งยาต่อไป

บางรายตรวจเลือดแล้ว ไขมันในเลือดที่มีมากมายไม่ยอมลด คนไข้ก็จะออกตัวว่า อยากจะฆ่าตัวตาย เพราะทำยังไงมันก็ไม่ลด หมอก็จะร้องอุทธรณ์ว่าท่านเองต่างหากที่อยากจะฆ่าตัวตาย ถ้ามีคนไข้ที่ไม่รักดีอย่างนี้มาก ๆ

ส่วนรายที่อ้วนเอาอ้วนเอา น้ำหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ ท่านก็จะแหย่ว่าแบบนี้ ไม่กินข้าวสักสามวัน แล้วค่อยมาหาหมอก็ได้

บางรายอ้างเหตุผลว่า คนโน้นเขาว่าอย่างนั้นดีอย่างนี้ดี หมอก็จะย้อนว่าที่ว่าน่ะใครว่า อย่าไปเชื่อ ให้เชื่อที่หมอว่านี้ดีกว่า

ในรายที่เป็นหวัดเจ็บคอแล้วอมยา ท่านก็ว่าไปมัวอมยาอมอยู่เลย มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย สู้อมน้ำเกลือดีกว่า น้ำร้อนธรรมดาใส่เกลือแกงลงไป อุ่นแล้วก็เอามาอม เบื่อแล้วก็บ้วนทิ้งไป ไม่เปลืองเงินด้วย

บางรายก็เล่าอาการเจ็บป่วยของตนให้หมอฟัง พร้อมกับออกความเห็นประกอบไปด้วยว่าน่าจะทำอย่างไร หรือตรวจที่ตรงไหน ท่านก็ว่าบอกแต่อาการก็พอ ไม่ต้องสอนหมอ เพราะว่าการรักษาเป็นหน้าที่ของหมอ หรือบางคนหมอกำลังแนะนำชี้แจง ก็พูดแซงทุกประโยคหมอก็จะต้องขึ้นเสียงว่าฟังผม ไม่งั้นไม่รู้เรื่อง

ส่วนรายที่มีความวิตกจริตเอามาก ๆ เมื่อเล่าอาการแล้วก็จะถามหมอว่า อย่างนี้ จะเป็นมะเร็งไหมนี่ หมอฟังแล้วก็ยิ้มอย่างปราณีบอกว่า โชคดีมากเป็นแค่มะโรงเท่านั้นเอง

หมอให้พยาบาลเรียกคนไข้เข้าไปในห้องทีละสามคน เข้าไปปรึกษาคนหนึ่ง อีกสองคนนั่งรอใกล้ ๆ เข้าใจว่าเพื่อจะให้ได้ยินการปรึกษาโรคและคำชี้แจงด้วย จะได้เป็นความรู้สำหรับตนเอง ไม่ต้องมาถามซ้ำอีก แต่ก็มีข้อเสียคือคนไข้ไม่อยากเล่า ในเรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เหมือนกันทั้งหญิงชาย

ถ้าคนไข้บ่นว่า มักจะลืมกินยาก่อนอาหาร ท่านก็ว่าถ้าอย่างนั้น พอตื่นเข้าห้องน้ำแปรงฟันแล้ว ก็กินยาก่อนอาหารเสียเลย ถ้าเป็นยาก่อนนอน พอแปรงฟันจะเข้านอนตอนกลางคืนก็กินยาเสียก่อน แต่ไม่ใช่นอนกลางวันนะ ถ้าเป็นยาอันตรายต้องกินหลังอาหารทันที ก็กินมันเสียเมื่อกลืนอาหารคำสุดท้าย ก่อนที่จะกินน้ำ เป็นต้น

สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจก็ต้องออกกำลัง แต่ไม่ต้องวิ่งให้เดินวันละอย่างน้อย สามสิบนาที หรือไม่น้อยกว่าสองกิโลเมตร ไม่ต้องเดินเร็วแต่เดินอย่างกับทำสมาธิ หรือทำจิตให้ว่าง เวลาเช้าก็ได้เย็นก็ได้ หรือเวลาอื่นก็ได้ ฟังดูน่าจะทำง่ายดี

คนไข้ที่ปวดข้อปวดเข่าปวดหัวไหล่ ท่านให้ยาทายากิน แล้วก็ให้ทำท่ากายบริหาร แกว่งแขนแกว่งขาอยู่กับที่ เริ่มต้นสิบครั้งยี่สิบครั้ง แล้วก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องมากนัก แต่ต้องทำทุกครั้งที่ทายา ใครขี้เกียจทำ ก็ไม่ทุเลาแล้วไม่ต้องมาบ่น

คนไข้ที่ไปเล่นกอล์ฟแล้วเกิดอาการเจ็บแปลบที่หัวใจ มาเล่าให้ท่านฟัง ว่าหมอสนามพาไปเข้าโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่สามโมงเช้าถึงสามโมงเย็น ญาติจึงมารับไปเข้าโรงพยาบาลโรคทรวงอก ต้องเสียค่ารักษาไปเกือบสองหมื่น ท่านถามว่าเขาทำอย่างนั้นหรือเปล่าอย่างนี้หรือเปล่า คนไข้ก็ว่าเปล่า ท่านก็ว่าสงสัยสนามกอล์ฟ มีหุ้นอยู่ในโรงพยาบาลนี้ ทำไมไม่เข้าโรงพยาบาลรัฐที่ใกล้เสียเลย จะได้ไม่ต้องไปเสียค่าวิชาแพงอย่างนั้น

คนไข้บางคนพอเจอหมอถามว่า คราวนี้เป็นไงบ้างครับท่าน ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ก็ว่าเหมือนเดิมครับ หมอก็ซักว่าเหมือนเดิมยังไง คนไข้ก็บอกว่ายังปวดคอ เมื่อยหลัง และท้องผูกเหมือนเดิม บางคนหมอถามว่าหมู่นี้นอนหลับไหม ก็ตอบว่าหลับบ้างไม่หลับบ้าง หมอก็ยัง ไม่โกรธ

บางคนคุยให้ผมฟังว่า หมอถามว่าเครียดหรือเปล่า ก็ไม่เห็นมีเรื่องเครียดอะไร นอกจากเครียดที่เมียไม่รู้จักตายซะที บังเอิญไม่ได้บอกไปตามที่คิด เลยรอดตัวไป

หมอท่านนี้จึงมีคนไข้มากกว่าหมอท่านอื่นที่รักษาอยู่ในห้องติดกันอีกหลายคน และท่านไม่เคยย่อท้อ ไม่ว่าจะมีคนไข้มากเท่าไร ท่านก็ดูแลจนหมด แม้ว่าจะเกินเวลาอาหารกลางวันไป และคนไข้ทยอยกันออกไปกินแล้วกลับมารอหมอก็ตาม เคยมีเพื่อนของหมอโทรศัพท์เข้ามาชวนไปกินอาหารกลางวัน ท่านปฏิเสธ แล้วเพื่อนก็ว่าอย่าบ้างานให้มากนัก ท่านก็ว่าทำอย่างไรได้ คนไข้มีทุกข์ มารอคอยขอความช่วยเหลือจะทิ้งไปได้อย่างไร

ดังนั้นเมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ ท่านจึงมักจะได้ของขวัญมากกว่าคนอื่น แต่ท่านก็ออกตัวว่า ของอะไรท่านก็พอจะรับได้ แต่ซองขาวอย่าเอามาให้เลย ท่านเสียวว่าจะเป็นหนังสือเชิญให้ลาออก ตามระบบลดกำลังพลยามเศรษฐกิจวิกฤติเช่นนี้

สำหรับผม ไม่มีปัญหากับหมอ เพราะผมทำตามที่ท่านสั่งอย่างเคร่งครัดทุกเรื่อง ถึงแม้จะลืมไปบ้างผมก็ไม่บอกหมอ อย่างยาที่หมอให้มาครั้งละมากมายนั้น ผมก็กินบ้างลืมบ้าง สะสมไว้มาก ๆ เข้าจนเกือบจะเปิดร้านขายยาได้แล้ว หมอก็ไม่มีวันที่จะรู้

ครั้งหนึ่งเกิดปวดหัวไหล่ซ้าย ยกแขนไม่ขึ้นทายาแล้วก็ไม่ทุเลา เพื่อนพาไปแนะนำให้นวดแผนโบราณ หมอยังสาวแต่มือแข็งยังกับคีมเหล็ก นวดแล้วก็ระบมไปหมดทั้งตัว แขนก็ไม่หายปวด พอกลับไปหาหมอที่คลีนิค ท่านก็ว่าดีแล้ว สมน้ำหน้า แล้วก็ให้ยาทั้งกินทั้งทา และห้ามไม่ให้นวดอีกเป็นอันขาด

ผมก็เชื่อฟังท่านเป็นอันดี และตั้งแต่บัดนั้นมา ผมก็ไม่ยอมให้หมอบีบนวดอีกเลยยอมให้แค่ลูบ ๆ คลำ ๆ เท่านั้น.

##########



โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:5:35:46 น.



Create Date : 09 ตุลาคม 2554
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 9:21:25 น. 8 comments
Counter : 607 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

ฮ่าๆๆๆ ... ไม่ให้นวดอีกเลย

วันนี้ได้ความรู้เกี่ยวกับหมอ .. คนที่ต้องไปหาหมอมากมาย
ขอบคุณค่ะ

อย่าลืมทานยาอีกนะคะ
เล่นมียาเหลือมากมายนี่ มิสู้ดีค่ะ


นาถดูข่าวแต่เช้ามืด
มีแต่น้ำๆๆๆ เห็นแล้วสงสารผู้ทุกข์ยากสุดๆ

เมื่อครู่ใหญ่ พิธีกรสัมภาษณ์รองผู้ว่าหมอหญิง
ที่ให้สัมภาษณ์ไทยคำอังกฤษคำ
ไม่ทราบชาวบ้านเซ็งน้ำท่วมจะยิ่งเครียดสักเพียงใด ... เฮ้อ

ขอบคุณภาพค่ะ
เดี๋ยวนาถไปดูบล็อกที่ ๒๙ ค่ะ



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:9:32:27 น.  

 
ไปชมมาแล้วค่ะพี่ห่อคะ

รูปที่พิมพ์ พี่ห่อ อย่าไปแตะต้องทุกตัวอักษรและเครื่องหมายนะคะ
มันจะหลงเหลือตัวอักษรติดตามภาพถ้าไปแตะต้องมันค่ะ

ใจเย็นๆ เวลาที่ภาพกำลังพิมพ์นะคะ
แต่ก่อน ภาพของนาถก็มีอักษรแถมอย่างนี้ค่ะ

หากพอทำไหว ลองอั๊พใหม่ จากภาพที่อยู่ในไฟล์รูปดูซีคะ
จะได้ชินมือ

มีข้อมูลมากมาย อุตส่าห์พิมพ์
คิดว่าคงไม่ได้ใช้แค่นิ้วนางที่เคยฝึกพิมพ์แล้วใช้ได้ดีนะคะ

นาถกำลังฝึกใช้มือซ้ายกุมเมาส์ค่ะ เพราะมือขวาก็เจ็บ

ขอลาไปอั๊พบล็อกก่อนนะคะ
แฟนานุแฟนของนาถก็รอเหมือนกันค่ะ



โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:9:51:04 น.  

 
ผมเพิ่งได้ความรู้มาจากเพื่อนในไร้สังกัด ท่านอธิบายอย่างง่าย ให้คนล้าสมัยอย่างผมลองทำดู ก็ได้แค่นี้ครับ
ว่าจะลองทำหลาย ๆ ชุดฝากไว้ที่คุณนาถนี่แหละครับ
บล็อกอื่นที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่กล้าเสนอครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:14:37:23 น.  

 
ลองเลยค่ะ เรามีพื้นที่มากมาย
นาถก็เป็นงูๆ ปลาๆ
หาหาญกล้าแนะนำอะไรอีกไม่ค่ะ



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:14:51:59 น.  

 
ขอบคุณครับ
เรื่องที่มีข้อมูลยาว ๆ ส่วนมากมันสำเร็จรูปอยู่ในบล็อกตั้งนานแล้วครับ
ส่วนในบล็อกก็ก็อปปี้มาจาก กูเกิลครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:17:32:14 น.  

 
ดีค่ะ ที่ยังมีเวลาไปค้นข้อมูลในกูเกิ้ล
มีของใหม่แทบทุกนาทีค่ะ
แต่ก่อนนาถไปค้นประจำ
แต่ตอนนี้เน็ท.มิสู้ดีค่ะ

ขอลาปิดบล็อกไปดูหนังต่อนะคะ



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:18:35:55 น.  

 
เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

เรื่องของ(กระเป๋า)รถเมล์

“ เพทาย “

ในภาวะที่ราคาน้ำมันในเมืองไทย ขยับสูงขึ้นไปทุกเดือนหรือทุกสัปดาห์ อย่างทุกวันนี้ คนเดินดินที่ไม่มีรถส่วนตัวอย่างผม และผู้มีฐานะเดียวกันอีกหลายล้านคนนั้น ก็ต้องอาศัยบริการของรถรับจ้างสาธารณะ ตั้งแต่รถมอร์เตอร์ไซค์ หรือแมงกะไซ ตามตรอก ซอกซอย ซึ่งน่าจะใช้บริการในระยะทางใกล้ ๆ เพราะรถมอเตอร์ไซค์นั้น มีอันตรายสูงมากที่สุด สำหรับผู้โดยสาร ไม่ว่าจะวิ่งไปชนใครหรือถูกใครเขาชน ที่จะไม่เจ็บเป็นไม่มี และผู้ขับขี่ก็มักจะขับ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยเสียด้วย เอาเร็วอย่างเดียว ชั่วเวลาในเทศกาลสำคัญเพียงไม่กี่วัน ก็จะมี คนบาดเจ็บล้มตายลง ด้วยรถมอร์เตอร์ไซค์ มากกว่าทหารอเมริกันที่เสียชีวิต ในการทำสงครามกับ ผู้ก่อการร้ายหลายเท่า

ผมเคยเห็นคำเตือนใจ บนรถสองแถวสมัยก่อน ที่วิ่งในซอยก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น รถมอร์เตอร์ไซค์ มีความว่า

ผู้คนองต้องถึงซึ่งพินาศ
ผู้ประมาทอาจต้องถึงฉิบหาย
ผู้อวดเก่งเบ่งนักมักถึงตาย
ผู้จำไว้ได้ตลอดรอดฝั่งเอย

ผมว่าน่าจะจดแปะไว้ตามหัวคิวรถ ให้ผู้ขับขี่ได้อ่านเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจบ้าง ก็จะดีมิใช่น้อย

รถสามล้อเครื่องหรือรถตุ๊กตุ๊กนั้นค่อยปลอดภัยขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็มีอันตรายจากควันพิษที่พ่นออกมาจากท่อไอเสียของรถเมล์ ในเวลาที่ไปจอดต่อท้ายรอติดไฟแดงเป็นเวลานาน ๆ ส่วนรถแท็กซี่นั้นเป็นรถโดยสารที่มีความสะดวกสบายที่สุด เพราะมีการปรับอากาศเย็นกายเย็นใจ และไม่ต้องต่อราคาเหมือนเมื่อก่อน จะไปใกล้หรือไกลก็คิดราคาตามมิเตอร์ ที่หมุนตามระยะทางและเวลาที่ใช้จริง แต่ก็แพงมากสำหรับผู้ใช้บริการที่มีเบี้ยน้อยหอยเล็กทั้งหลาย

รถเมล์หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่า รถโดยสารประจำทาง จึงเป็นพาหนะที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้คนในบ้านเมืองใหญ่ทั้งหลาย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครที่มีผู้อยู่อาศัย ใกล้จะถึงสิบล้านในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

รถเมล์นั้นมีหลายชนิดตั้งแต่รถเอกชนร่วมบริการคันเล็ก ซึ่งเรียกว่ามินิบัส ที่เปลี่ยนแปลงมาจากรถสองแถว เมื่อก่อนบรรทุกคนจนท้ายเกือบครูดถนน และล้อหน้าแทบจะลอยพ้นพื้น ซึ่งแม้ตัวรถจะวิวัฒนาการขึ้น แต่พฤติกรรมของผู้ให้บริการทั้งคนขับและผู้เก็บเงินค่าโดยสาร ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

รถของ ขส.มก. นั้น ได้พยายามปรับปรุงคุณภาพของการบริการ ให้เป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชน ด้วยการกำหนดวิธีบริการ ให้ได้มาตรฐานที่มีชื่อเป็นภาษาฝรั่งอังกฤษ เช่นการพูดที่ไพเราะ การออกรถและจอดนิ่มนวล บางสายที่แล่นผ่านสถาบันสอนคนตาบอด จะมีการขยายเสียงบอกเส้นทาง เช่น สายสิบสอง เศรษฐการ ราชวิถี อนุสาวรีย์ ห้วยขวาง เป็นต้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้พิการทางสายตาเป็นอันมาก แต่สำหรับคนขับและกระเป๋าหรือกระปี่ อาจเป็นโรคประสาทได้ ถ้าต้องทนฟังไปทุกป้ายตลอดระยะทางอันยาวไกล

สมัยปัจจุบัน ขส.มก.ได้คิดเครื่องแบบพนักงานขับรถ พนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร และนายตรวจ ให้มีความสวยงามกว่าเดิม มีขีดเครื่องหมายสีเงินบนอินทรธนูเสื้อเชิร์ต สีขาว ราวกับเจ้าพนักงานบนเครื่องบินแล้ว และพยายามอบรมให้พนักงานบนรถโดยสาร มีมารยาทที่ดี สมกับเป็นคนไทย ไว้อวดชาวต่างชาติ และคัดเลือกเอาแต่ผู้ที่สอบผ่าน บรรจุเข้าบริการประชาชน ดังที่เราได้เห็นอยู่บ้างบนรถปรับอากาศบางคัน ซึ่งผู้เก็บค่าโดยสารจะกล่าวสวัสดีกับผู้โดยสารที่ขึ้นใหม่ พร้อมกับคำว่าเชิญค่ะหรือเชิญครับ และกล่าวขอบคุณต่อผู้โดยสารที่กำลังจะลงป้าย แค่นี้ก็ชื่นใจสำหรับผู้โดยสารเป็นอย่างยิ่งแล้ว

แต่ผมได้พบกระเป๋า รถปรับอากาศ สาย ๕๑๐ ที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเยี่ยม ขนาดจูงมือชายชราให้เดินไปนั่งเก้าอี้ที่ว่าง จนชายผู้นั้นออกปากว่าบริการดีจริง เขาก็บอกว่ากลัวจะหกล้มครับ ผมโชคดีที่ได้เจอคนที่มีน้ำใจอย่างนี้อีก

อีกครั้งหนึ่งเมื่อโดยสารรถปรับอากาศแบบเก่าสีน้ำเงิน มีโฆษณาเต็มข้างตัวถังตั้งแต่ขอบล่างจนจรดหลังคาคันหนึ่ง ไปทางบางขุนนนท์ฝั่งธนบุรี กระเป๋าเป็นชายหนุ่มใหญ่ พูดจาอ่อนหวาน แบบที่ว่ามาแล้ว และเอาใจใส่ผู้โดยสาร แนะนำผู้ขึ้นใหม่ให้นั่งที่ว่าง แนะนำผู้ที่จะลงให้ระวังรถทางซ้าย เตือนพลขับอย่าเพิ่งออกรถ เมื่อมีคนแก่ หรือเด็ก หรือสตรีมีครรภ์ขึ้นลง และทุกคำพูดจะมีครับลงท้ายด้วยทุกครั้ง จึงรู้สึกว่าน่าจะมีพนักงานอย่างนี้ให้มาก จนครบทุกคัน

พอรถแล่นมาถึงสี่แยกจะต้องเลี้ยวขวา ซึ่งจะติดไฟแดงเป็นเวลานาน เขาก็บอกกับผู้โดยสารอย่างสุภาพว่า

“ กรุณาอดใจรอสักหน่อยนะครับ เพราะรถจะติดไฟแดงนานมากครับ และเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ก่อนที่ท่านผู้โดยสารจะเบื่อ ผมจะได้ร้องเพลงให้ท่านฟังสักเพลงหนึ่งครับ ซึ่งผมจดจำเอามา โดยที่ผมไม่ได้เป็นนักร้องอาชีพที่ไหน ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใด หวังว่าท่านคงจะให้อภัยนะครับ “

แล้วเขาก็บรรจงร้องเพลงลูกทุ่ง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตอันอาภัพ ของกระเป๋ารถเมล์ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนไหว อักขระชัดเจน จังหวะคงที่ และใช้มือทั้งสองข้าง ทั้งที่ว่างและที่ถือกระบอกตั๋ว ประกอบการร้องของเขาด้วย ซึ่งผู้โดยสารบนรถทั้งคัน ต้องนิ่งฟังเขาอย่างเงียบสงบ พอจบเพลง ก็มีเสียงปรบมือขึ้นพร้อมกัน อย่างเกรียวกราวแสดงถึงความพึงพอใจต่อบริการที่เขาแถมให้ อย่างจริงใจ

สำหรับผม ชื่นชมเขาเป็นอันมาก ที่สามารถทำได้อย่างพอเหมาะพอดี กับโอกาสเวลาและสถานที่ เพราะเป็นช่วงที่รถจอดสนิท ไม่มีผู้คนขึ้นลง และเสียงบนถนนก็เบาบางกว่าปกติ เพราะรถที่อยู่ในแถวเดียวกัน ก็จอดเรียงเป็นตับ ผู้โดยสารจึงได้ยินเสียงเพลงของเขาตลอดทั้งคัน โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม เมื่อจบเพลงลงพอดีกับสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นเขียว และรถคันนั้นเริ่มเคลื่อนที่เลี้ยวขวา เขาก็พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม และกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลเช่นเดิมว่า

“ ขอบพระคุณทุกท่าน ที่กรุณาให้เสียงปรบมือแก่ผม กรุณารออีกนิดให้รถจอดป้ายเรียบร้อยเสียก่อนจึงค่อยลงนะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ “

ผมลงจากรถคันนั้น ด้วยความภูมิใจแทนองค์การของเขาว่า อย่างน้อยก็ยังมีเขาอยู่คนหนึ่ง ที่ให้บริการแก่ประชาชนผู้ไม่มีรถส่วนตัว ได้อาศัยนั่งไปถึงที่หมายปลายทาง ด้วยความสบายใจ และไม่ใช่ด้วยการอบรมของผู้ใด หรือมาตรการที่เป็นตัวกำหนดมาตรฐานใด ๆ หากเป็นการให้ด้วยน้ำใจของเขาเอง ด้วยความสุภาพเรียบร้อย และอดทน ท่ามกลางอากาศที่อบอ้าว บรรยากาศที่ชุลมุนวุ่นวาย ของความรีบร้อนในการเดินทาง ทั้งภายในและภายนอกรถ รวมทั้งความเอาแต่ใจของผู้โดยสารบางคน หวังว่าพฤติกรรมอันดีของเขา คงจะช่วยให้เขามีโอกาสได้ ทำงานที่เหนื่อยน้อยกว่านี้ ในอนาคตอันใกล้

น่าเสียดายที่ผมไม่ได้จดจำว่ารถคันนั้นหมายเลขอะไร รู้แต่ว่าเป็นรถปรับอากาศสาย ๗๙ เท่านั้น.

############



โดย: เจียวต้าย วันที่: 10 ตุลาคม 2554 เวลา:7:03:41 น.  

 

โดยปกติถ้าเราเจอหมอที่ถามคำตอบคำคงทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะคะ คุณลุงโชคดีค่ะ เจอหมอใจดี จะว่าใจดีก็ไม่เิชิง เพราะมีแอบดุเหมือนกัน แต่อย่างน้อยๆ ก็สบายใจที่จะไปรักษาต่อเนื่อง ไม่ใช่ไปครั้งเดียวเข็ด...นะคะ






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 10 ตุลาคม 2554 เวลา:14:21:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.