"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 
19 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
แนะนำเรื่องสั้น ของ เจียวต้าย ชุด เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. คนรักสวน



เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

คนรักสวน

"เพทาย"



กรุงเทพมหานครจะมีพื้นที่ทั้งหมดเท่าไรก็ไม่ทราบแน่ แต่ก็นับว่ากว้างขวางมากพอสมควร เมื่อรวมกับพื้นที่ซึ่งเดิมเป็นจังหวัดธนบุรี อดีตราชธานีของไทย รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ในอนาคตอาจจะรวมไปถึงเมืองบริวารเช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ก็ได้ เพราะการคมนาคม อย่างถนนวงแหวนรอบนอก ก็ติดต่อเชื่อมโยงถึงกันหมดแล้ว

ในมหานครแห่งนี้เต็มไปด้วยมลพิษมากมาย โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งธุรกิจการค้า อันเต็มไปด้วยตึกรามสูงเสียดฟ้า ซึ่งต่างก็ติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ และแข่งกันพ่นรังสีความร้อนออกมาสู่ภายนอกที่เต็มไปด้วยควันพิษอยู่แล้ว ให้เลวร้ายลงไปอีกหลายเท่า

ด้วยความห่วงใยในประชากรที่อยู่กันอย่างแออัด ให้ได้มีอากาศบริสุทธิ์ สำหรับหายใจ ให้ปอดได้รับการซักฟอกชะล้างสิ่งปฏิกูลภายในบ้าง จึงต้องมีการจัดสวนสาธารณะขึ้น ในนครหลวงของเรานี้ หลายต่อหลายแห่ง

สวนที่อยู่ใกล้บ้านผมที่สุด และเปิดมาเก่าแก่ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กชาย ก็คือสวนสัตว์ดุสิต หรือเขาดินวนาข้างรัฐสภาไทยนี่เอง เมื่อสมัยเรียนหนังสือชั้นมัธยมนั้น นักเรียนที่เบื่อการเรียนบางวิชาและการสอนของครูบางคน หรือพวกที่มาโรงเรียนสาย แล้วไม่กล้าเสนอหน้าไปเข้าแถว เพราะกลัวถูกทำโทษที่หน้าเสาธง ก็พากันหลบไปพักผ่อน และหาความรู้เรื่องสัตววิทยาในเขาดินแห่งนี้เป็นประจำ รวมทั้งผมด้วย

เมื่อโตขึ้นมีครอบครัวแล้ว ก็ได้พาลูกเข้าไปพักผ่อนให้ลูกได้ชมสัตว์พวกจตุบาท และทวิบาทต่าง ๆ ที่มีเพิ่มขึ้นเป็นอันมาก แล้วก็ให้ไปเล่นชิงช้า ไม้ลื่น และเครื่องออกกำลังกายสำหรับเด็กอีกหลายชนิด หรือเที่ยววิ่งเล่นซ่อนหาหรือไล่จับกันตามสุมทุมพุ่มไม้ โดยให้แม่เขาคอยดูแล แล้วผมก็นั่งดื่มโซดาผสมยาบำรุงพยาธิในลำไส้ ไปพลาง ๆ

จนมาถึงปัจจุบันได้เห็นท่านผู้อำนวยการมาออกโทรทัศน์ ประกาศว่า ในปีแห่งผู้สูงอายุสากล จะงดเก็บค่าผ่านประตูสวนสัตว์ทุกแห่ง แก่ผู้สูงอายุทุกคน ผมจึงแอบย่องไปสังเกตุการณ์ ที่หน้าประตูทางเข้าด้านถนนราชวิถี ที่มีประกาศติดเอาไว้ว่า ผู้สูงอายุตั้งแต่ ๖๕ ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าผ่านประตู ก็รู้สึกดีใจเพราะผมมีอายุสูงกว่าประกาศนี้ ตั้งหลายปี จึงเข้าไปถามผู้ขายบัตรว่า ผมจะต้องแสดงเอกสารอย่างใดหรือไม่ เขาบอกว่าอะไรก็ได้ ไปเถอะ แต่พอผมควักบัตรรับบำนาญให้ผู้รักษาประตู เขาก็ไม่ยอมดูแต่รีบชี้มือเชื้อเชิญให้เข้าไปเลย สงสัยหน้าตาของผมคงจะบอกยี่ห้อชัดเจน ผมจึงมีโอกาสได้เข้าไปนั่งดื่มเบียร์กระป๋องแกล้มความหลัง ย้อนไปในวัยที่ล่วงมาแล้วตั้งหลายสิบปีอย่างมีความสุขยิ่ง

สวนที่อยู่ไกลจากบ้านผมมากที่สุด ก็คือสวนธนบุรีรมย์ เข้าถนนประชาอุทิศแถวบางปะกอก ไปทางทิศตะวันตกของกรุงธนบุรีอีกลิบโลก ผมเคยไปครั้งเดียวเมื่อยังไม่ทันแก่ เพราะลูกชายคนเล็กเรียนอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าบางมด ถึงเดี๋ยวนี้ก็นึกภาพภูมิประเทศไม่ออก เพราะลูกจบการศึกษามาเกือบสิบปีแล้ว ก็ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเยือนอีกเลย แม้แต่สถาบันของลูกก็เปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยไปแล้ว

สวนทางทิศตะวันออกของสถานีรถไฟหัวลำโพง ที่เก่าแก่ที่สุด และผมสามารถเดินทางไปถึงได้ด้วยรถโดยสารประจำทางทอดเดียว ก็คือสวนลุมพินี ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ พระมหาธีรราชเจ้า มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีมาตลอดเวลาหลายทศวรรษ เคยเป็นที่พักอาศัยของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามมหาเอเซียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่สอง เคยเป็นทั้งสถานที่จัดการประกวดนางงาม และเคยเป็นแหล่งทำมาหากินของ หญิงอีกประเภทหนึ่ง รวมทั้งสาวประเภทสอง ที่มีราคาค่าบริการต่ำที่สุด เคยมีภัตตาคารกลางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ ซึ่งมีรูปนางกินรีเปลือยอกตระหง่านอยู่ด้านหน้า ต่อมาเมื่อภัตตาคารดังกล่าวถูกไฟไหม้ ก็ไม่ได้สร้างขึ้นทดแทนใหม่ และได้ใช้พื้นที่ในสวนเป็นที่ออกกำลังกายประเภทต่าง ๆ ของผู้คนที่อยู่โดยรอบปริมณฑล กับให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ของประชาชนทุกเพศทุกวัย ทุกชาติชั้นวรรณะ เคยเกือบจะถูกแบ่งพื้นที่ไปเป็นอู่รถไฟฟ้ามหานคร แต่ถูกคัดค้านหรือด่าจากทุกสารทิศ จึงได้เลิกล้มความคิดนี้ และยังคงเป็นสมบัติของประชาชน อยู่จนถึงทุกวันนี้

ผู้คนส่วนใหญ่ที่ชื่นชมสวนลุมพินี ก็เพราะสามารถเข้ามาทำกิจกรรมได้หลายประการ มีต้นไม้ใหญ่น้อยมากมายร่มรื่น และเงียบสงบสำหรับพักผ่อนหาความวิเวก แต่ก็แบ่งพื้นที่ไว้ให้ออกกำลังกายหลายอย่าง ทั้งเดินวิ่ง และขี่จักรยาน ตลอดจนเล่นเสก็ต ตามถนนที่จัดไว้ให้เป็นสัดส่วน มีพื้นที่สำหรับเล่นกีฬากลางแจ้ง ทั้งแบดมินตัน ฟุตบอล และอื่น ๆ แม้กระทั่งสถานที่เพาะกาย ของชายผู้รักความงดงามของมัดกล้าม ก็มีอยู่ด้วยและยังมีส่วนที่เป็นห้องสมุด กับร้านอาหารสำหรับผู้ที่ไม่รักการลดความอ้วนอยู่อีกมุมหนึ่ง ซึ่งสามารถขับรถเข้า ไปจอดได้อย่างสะดวกสบาย

เมื่อถึงฤดูหนาว ทางกรุงเทพมหานครก็จะจัดให้มี การแสดงดนตรีกลางแจ้ง ทั้งวงดนตรีไทยสากล ดนตรีประเภทลูกทุ่ง ดนตรีไทยแท้ที่เรียกว่าไทยเดิม และดนตรีสากลระดับแจ๊ส และซิมโฟนีออเคสตรา ซึ่งบรรเลงเพลงที่มีชื่อเสียงระดับโลกให้ประชาชนฟัง ในวันอาทิตย์ตอนเย็นแดดร่มลมโชย เป็นเวลาเกือบ ๒๐ ครั้ง

ผมเองก็ชอบไปนั่งพักผ่อนฟังเพลงประเภทหลังนี้อยู่ทุก ๆ ฤดูกาลมาหลายปีแล้ว เป็นความสุขที่ไม่ต้องเสียเงินมาก และไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางดนตรี มากมายหรือลึกซึ้งแต่อย่างใด ฟังกันแต่สำเนียงเสียงที่ไพเราะของดนตรี พร้อมกับดื่มเบียร์กระป๋องที่ผู้อุปถัมภ์รายการจัดมาจำหน่ายในบริเวณนั้น ถ้ารู้สึกว่าไพเราะมากก็ปรบมือให้ดังหน่อย ถ้าไม่ค่อยเข้าหูก็ปรบมือพอเป็นพิธี ถ้าฟังไม่รู้เรื่องเลย ก็ทำเป็นลืมธรรมเนียมสากลเสีย ก็พอจะมีความสุขในช่วงเวลายามสนธยาสายัณห์ตะวันรอนนั้นได้เป็นอย่างดี

บริเวณที่แสดงดนตรีนั้นเป็นลานโล่งริมน้ำ มีต้นไม้ล้อมรอบ แม้จะยังมี แสงแดดอ่อนยามเย็นก็ไม่รู้สึกร้อน เพราะมีลมพัดเฉื่อยฉิวตลอดเวลา พื้นที่หน้าเวทีตรงกลาง จะเป็นที่นั่งสำหรับผู้ชมผู้ฟังที่นั่งกับพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม อาจจะหาเสื่อสาดหรืออะไรมาปูรอง แล้วก็นั่งกันตาม อัธยาศัย บางครั้งก็มีเสื่อผืนยาว ๆ ที่ใช้กันตามวัด ซึ่งเจ้าของรายการนำมาปูไว้ให้เป็นบางส่วน พวกที่นั่งแถวนี้จะเป็นผู้ที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า ไม่เลิกไม่ลุก ด้านหลังของพวกนี้ จะเป็นเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับคอดนตรี ที่ฟังอย่างเอาจริงเอาจัง เป็นชัยภูมิที่ดีมาก ได้ฟังเสียงที่ชัดเจน และได้เห็นนักดนตรีทั้งวง รวมทั้งวาทยกร หรือผู้อำนวยเพลง หรือคอนดัคเตอร์ ด้วย

รอบ ๆ พวกที่นั่งกลางนี้ก็จะมีพวกที่ยืนซ้อนกันอยู่ เพราะฟังกันอย่างฉาบฉวย และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนระหว่างพวกที่กลับไป และพวกที่มาใหม่ ด้านหลังสุดของที่นั่งมีพื้นสนามเหลืออยู่อีกพอสมควร เป็นพวกที่ฟังก็ได้ไม่ฟังก็ได้ แต่ละกลุ่มทั้งไทยและเทศ จะตั้งวงกันบนพื้นสนามหญ้าอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ขนเครื่องกินเครื่องดื่มมากันเพียบพร้อม ทั้งวิสกี้โซดา บรั่นดีเบียร์ชื่อดังระดับโลก หรือไวน์สีสวยสะดุดตา บางวงอาจมีแชมเปญด้วยซ้ำไป แถมด้วยหมอนหนุนหมอนอิง หมอนข้าง มานอนเอกเขนกด้วย เพราะขนกันมาทั้งครอบครัว ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ลูกหลาน แม้แต่ทารกที่ต้องนั่งอยู่ในเก้าอี้เข็น ก็ยังอุตส่าห์หอบเอามาด้วย

แต่ที่มากันเพียงสองหนุ่มสาวก็มีหลายคู่ และเขามักจะมีความสุขอยู่ตามลำพัง โดยไม่สนใจใคร ราวกับว่ามีแต่เพียงเขาสองคนเท่านั้น ในสวนแห่งนี้

ผมมักจะหาที่แทรกตัวอยู่แถวหลังนี้ พร้อมด้วยถุงย่ามที่บรรจุเครื่องขบเคี้ยวประกอบน้ำมังสะวิรัต เพราะนอกจากหูจะได้ฟังเสียงดนตรี อันไพเราะจากลำโพงชั้นดีของเครื่องขยายเสียงแล้ว ตาก็ยังได้ดูภาพชีวิตต่าง ๆ รอบตัวที่หาดูที่ไหนไม่ได้อีกด้วย บางครั้งบางคราวก็อาจจะได้เพื่อนคุย ที่มีรสนิยมเดียวกัน ซึ่งดูลักษณะท่าทางน่าจะเป็นนักศึกษา ที่มาคนเดียวไม่มีเพื่อน และมักจะเป็นสาวน้อยซึ่งมีอายุคราวลูกหลาน เพราะจะเรียกลุง ยังไม่ถึงกับเป็นปู่ตา หรือพ่อแก่ อย่างที่คนอีสานชอบเรียก คงจะเห็นว่าน่าไว้ใจได้มากกว่า ที่จะเสี่ยงคุยกับหนุ่มแปลกหน้าก็เป็นได้

นอกจากสวนดุสิตและสวนลุมพินีแล้ว ก็ยังมีสวนสาธารณะขนาดย่อมอีกหลายแห่ง อย่างสวนจตุจักรซึ่งอยู่ใกล้สถานีขนส่งสายเหนือนั้น เดิมเป็นถิ่นที่มั่วสุมของผู้คน ที่หากินกับคนต่างจังหวัด ซึ่งเดินทางเข้ามาหางานทำในกรุงเทพ แต่ปัจจุบันเมื่อย้ายสถานีขนส่งเข้าไปอยู่ทางถนนกำแพงเพชรแล้ว สวนแห่งนี้ก็ค่อนข้างจะเงียบเหงาลงไป เหลือแต่ผู้ที่ชอบวิ่งหรือเดินออกกำลังกายเท่านั้น เพราะถูกแบ่งพื้นที่ เพื่อก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรก ที่ถูกไล่มาจากสวนลุมพินีอย่างเร่งรีบ เมื่อสร้างสถานีต้นทางที่ใต้ดิน ให้เชื่อมกับสถานีต้นทางของรถไฟลอยฟ้า และคืนพื้นที่ผิวดินให้เป็นสวนสาธารณะดังเดิมแล้ว ประชาชนก็สามารถจะใช้ประโยชน์ได้มาก ทั้งสองประการ

สำหรับสวนหลวง ร.๙ นั้นอยู่ที่ถนนศรีนครินทร์เกือบจะเข้าเขตจังหวัดสมุทรปราการ ผมเคยไปสำรวจเมื่อสร้างเสร็จใหม่ ๆ รู้สึกว่าต้องเดินทางไปไกลมาก จึงยังไม่ได้ไปสัมผัสอีกเลย เช่นเดียวกับสวนสมเด็จพระบรมราชชนนี ถนนตัดใหม่ใกล้กับทางแยกไปจังหวัดปทุมธานี

สวนที่เล็กลงไปกว่านั้นเช่นสวนสราญรมย์ อันเก่าแก่พอกันกับสวนลุมพินี ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง สวนรมณีย์นาถ ซึ่งสร้างขึ้นแทนที่เรือนจำกลางคลองเปรม หรือคุกลหุโทษ ที่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว สวนเบญจสิริ แถวถนนสุขุมวิทใกล้ซอย ๓๓ และสวนสันติภาพ ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในพื้นที่อาคารสงเคราะห์ซอยรางน้ำแต่เดิม ซึ่งไม่เป็นที่ชื่นชมสำหรับผมเลย

ผมจึงไปอาศัยพักผ่อนอยู่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่แม้แต่จะให้เป็นสวนหย่อม คงเป็นเพียงเนินดินที่เขาทำไว้ป้องกันน้ำท่วม ที่สองข้างเชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นท่าเรือด่วนที่แล่นขึ้นล่องแม่น้ำเจ้าพระยา กับเรือข้ามฟากไปขึ้น ท่าพระอาทิตย์ ท่าบางลำพู และท่า พระจันทร์ ทางฝั่งพระนคร แล้วก็เลยปลูกไม้ยืนต้นไว้ให้เกิดความร่มรื่น พอให้ผู้คนได้พักอาศัยคลายร้อนบ้าง เมื่อหลายปีมาแล้ว มีผู้คนผ่านไปมา แวะเข้าไปนั่งพักผ่อนที่เขื่อน ริมแม่น้ำกันพอสมควร

ผมมักจะหาหนังสือเล่มเล็ก ๆ กับเบียร์ตัวใหญ่ ไปนั่งอยู่ริมเขื่อนที่ว่าง ชมทิวทัศน์ในท้องน้ำ ที่มีเรือหลายชนิดแล่นผ่านไปมา ทั้งเรือโยง เรือเมล์ เรือทัศนาจร เรือหางยาว และเรือของกรมเจ้าท่า ตลอดจนเรือเก็บขยะของกรุงเทพมหานคร พอให้ได้รับละอองน้ำจากฝอยคลื่น ที่ซัดเข้ามากระทบเขื่อนซึ่งทำเป็นขั้นหลายขั้น และรับลมเย็นชื่นใจ ในเวลาที่แสงแดดอ่อนลงรำไร ด้วยเงาไม้และเงาของสะพาน ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับเหลี่ยมลงไปในไม่ช้า

แต่เดี๋ยวนี้ สถานที่นั้นได้กลายเป็นที่พักพิงของผู้ยากไร้ ซึ่งคงจะขาดที่อยู่อาศัย เขาจะหาที่นอนกันตามโคนต้นไม้อันร่มเย็น เอาห่อผ้าเล็ก ๆ หนุนหัว เวลาที่ต้องการจะชำระล้างร่างกาย ก็ถอดเสื้อผ้ากองไว้ริมเขื่อน แล้วนุ่งผ้าขาวม้าหรือผ้าถุง ลงอาบน้ำในแม่น้ำ ทั้งชายหญิง บางคนก็เลยซักเสื้อผ้า แล้วตากไว้ตามรั้วใต้สะพานแถวนั้น เวลาหิวเขาก็จะหาพวกไก่ย่างหมูปิ้งส้มตำกับข้าวเหนียว มานั่งกินกันอย่างง่าย ๆ แต่ไม่ทราบว่าเวลาถ่าย เขาจะทำกันอย่างไร

บางครั้งก็จะพบคน ที่เดินเข้ามายื่นมือขอเงินเอาดื้อ ๆ และขอทีละสิบบาทเสียด้วย ทำให้เสียสมาธิในการทำวิเวกเป็นอย่างยิ่ง และจะปฏิเสธก็เกรงใจ ผมจึงต้องยอมสละสิทธิ์ให้เขาอยู่กันตามสบาย แล้วลงเรือข้ามฟากมาขึ้นที่ท่าพระอาทิตย์ ดีกว่า

ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา เยื้อง ๆ กับสะพานพระปิ่นเกล้า เลยไปทางปากคลองบางลำพู มีสวนสาธารณะที่สร้างใหม่เอี่ยม อีกแห่งหนึ่งคือบริเวณป้อมพระสุเมรุ ซึ่งจัดสวนขนาดย่อมกระทัดรัด อยู่บริเวณริมแม่น้ำหน้าป้อมนั้นเอง เรียกว่า สวนสันติชัยปราการ เป็นสวนที่มีความสำคัญแก่ชาวบางลำพูอย่างยิ่ง เพราะได้อนุรักษ์ต้นลำพูเก่าแก่ไว้ต้นหนึ่ง ซึ่งว่ากันว่าเป็นต้นสุดท้ายของกรุงเทพเสียด้วย

สวนแห่งนี้มีอาณาเขตติดกับแม่น้ำ จึงได้บรรยากาศที่แปลกแตกต่างจากสวนทุกแห่ง ที่มีมาก่อนทั้งสิ้น และกรุงเทพมหานคร ในยุคของอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองดังของกรุงเทพ ได้กรุณาจัดดนตรีในสวนเช่นเดียวกับ ที่มีอยู่ในสวนลุมพินี มีดนตรีประเภทต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาบรรเลง ให้ความสุขแก่ประชาชนทั้งชาวบางลำพู และตำบลอื่น ในยามเย็นที่แสงอาทิตย์อ่อนลง และมีลมจากแม่น้ำโชยเฉื่อย ในวันเสาร์เกือบตลอดปี

นอกจากนี้ยังมีการจัดงานในเทศกาลต่าง ๆ ด้วย ตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันลอยกระทง และวันสำคัญอื่น ๆ อีกหลายงาน โดยทำการปิดถนนตั้งแต่พระสุเมรุ ถนนพระอาทิตย์ ไปจนถึงถนนราชินี เช่นเดียวกับที่เคยจัดในถนนสีลม หรือถนนพระจันทร์ ที่คนกรุงชื่นชอบมาแล้ว และมีการแสดง ละคร ลิเก หรือนาฏศิลปไทย บนเวทีกลางแจ้งข้างหน้าป้อม ให้ดูฟรีอีกด้วย

ผมจึงชอบสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นพิเศษ เพราะไปมาด้วยรถเมล์ สะดวกที่สุด ทั้ง ๆ ที่มีข้อจำกัดเช่นเดียวกับสวนขนาดเล็กอื่น ๆ เช่นห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในสวน ห้าม ขี่จักรยาน หรือเล่นเสก็ต และห้ามสูบบุหรี่ ข้อสำคัญที่สุด ก็คือห้ามดื่มสุราและเสพของมึนเมาในสวน แต่สำหรับสวนสันติชัยปราการนี้ ผมสามารถจะออกไปดื่มเครื่องดื่มที่ผมชอบ ที่ทางเดินริมแม่น้ำ ซึ่งยาวเหยียดไปจนถึงเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ได้โดยไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

เพราะถึงแม้ว่าผมจะเลิกสูบบุหรี่ มาตั้งนานหลายปีแล้วก็ตาม

แต่ผมก็ยังอุดหนุนเบียร์ไทยอยู่หลายยี่ห้อนี่ครับ.

##########

วารสารข่าวทหารอากาศ
มิถุนายน ๒๕๔๗


โดย: เจียวต้าย วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:8:08:13 น.



Create Date : 19 กันยายน 2554
Last Update : 19 กันยายน 2554 9:13:10 น. 11 comments
Counter : 1408 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ


ขอติดไว้ก่อนนะคะ
มีแรง เพียงแค่มาอั๊พบล็อกนี้ค่ะ



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:9:14:49 น.  

 
คราวนี้ต้องขออนุญาตเตือนคุณนาถบ้างแล้ว
พักผ่อนบ้างครับ อย่าทำงานแข่งกับสังขารของตนเองให้มากครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:18:07:39 น.  

 

เห็นด้วยกับคุณลุงค่ะ นะคะ พี่นาถ...

สวนธนบุรีรมย์อยู่ใกล้บ้านหนูค่ะ

เอามาฝากคุณลุงค่ะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:14:27:29 น.  

 



สวนลุมฯ สวนรมณีย์นาถ หนูยังไม่เคยไปเป็นเรื่องเป็นราว ผ่านไป ผ่านมาเฉยๆ ค่ะ

สวนหลวงร.๙ เคยไปนานมากแล้ว


ส่วนภาพนี้ สวนสันติไชยปราการค่ะ หันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา มองเห็นสะพานพระราม 8 ค่ะ






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:14:35:39 น.  

 
ขอบคุณสำหรับสวนธนบุรีรมย์ครับ ผมนึกภาพไม่ออกแล้วครับ

สวนของกรุงเทพมหานคร ที่เปิดใหม่สุดคือ สวนนคราภิรมย์ อยู่ใกล้ท่าเตียนครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:19:57:52 น.  

 
เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

เรื่องของ(นม)หนู

เพทาย

ในที่ทำงานของผม ซึ่งมีลูกน้องหญิงตั้งมากมายหลายคนนั้น สุพิดา นับว่าเป็นเสมียนที่มีความขยัน เอาใจใส่การงานเป็นที่สุด แต่งตัวก็เรียบร้อย มีมนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานดีมาก

อยู่มาวันหนึ่งเผอิญผมออกจากที่ทำงาน จะหารถแท็กซี่ไปประชุมที่กระทรวง เพราะรถหลวงไม่ว่าง และเวลาก็สายเกือบสี่โมงเช้าตามเวลานัดประชุมแล้ว เกิดสวนทางกับ สุพิดาอย่างกระชั้นชิด เธอรีบเปลี่ยนกระเช้าถักที่โปร่งและรกรุงรังไปด้วยหมูเห็ดเป็ดไก่และผักหญ้าประดามี ที่จับจ่ายมาจากตลาด ไปไว้ทางมือซ้าย แล้วยกมือไหว้ทำความเคารพ อย่างว่องไวและสวยงาม

“ สวัสดี ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ล่ะ…หนู “

ผมทักทายอย่างอารมณ์ดี

“ หวัดดีฮ่ะ…ฟามจิงหนูมาตั้งนานแล้วละฮ่ะ หัวหน้า นี่หนู
ออกไปจ่ายตลาดมาน่ะฮ่ะ “

“ อ้าว…ทำไมไม่ไปตอนเย็นล่ะ จะได้กลับบ้านไปเลย “

“ แหม…หัวหน้าเก๊าะ ตอนเย็นฝ่าจะเลิกงานตลาดก็วายหมดแล้ว จะหาซื้ออะไลได้ล่ะฮะ มีแต่ของจะเน่าทั้งนั้น “

ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นอกเห็นใจลูกน้องคนโปรด แล้วก็ผ่านเลยไป

เผอิญอีกเหมือนกันที่วันนั้น ต้องประชุมทั้งรอบเช้ารอบบ่าย กว่าจะเลิกเวลาก็ล่วงไปเกือบบ่ายสามโมง จึงแวะกลับมาที่สำนักงาน เผื่อจะได้เซ็นหนังสือที่ค้างในแฟ้มเสียหน่อย พอลงจากรถประจำทาง ก็เจอสุพิดาลูกน้องคนสวย กำลังยืนรอรถอยู่ที่ป้ายพอดี

“แฮ่ะ..แฮ่ะ..หวัดดีฮ่ะ หัวหน้ากับมาอีกทำไมล่ะฮะ เย็นป่านนี้แล้ว “

“ เย็นอะไรกัน เพิ่งสามโมงกว่าเท่านั้น วันนี้ยังไม่ได้ทำงานเลย มัวแต่ประชุม แล้วหนูทำไมรีบกลับนักล่ะ “

ผมถามพร้อมกับมองไปที่ถุงรุงรังในมือ

“ ก้อ…เอ้อ…ก้อ…หัวหน้าฮะ แหมหนูจ่ายกับข้าวตั้งก๊ะเช้า ขืนกับเย็นเดี๋ยวของสดมันก็จะเน่าหมดน่ะซีฮะ…ลถมาแล้ว หนูไปละฮ่ะ “

ว่าแล้วเธอก็ก้าวขึ้นรถประจำทางไป ปล่อยให้ผมอ้าปากค้างอยู่คนเดียว

ที่ทำงานของแผนกผมนั้น เป็นห้องโล่ง ๆ ยาวร่วม ๑๐ เมตร มีเสมียนพนักงานชายหญิงหลายคน แต่มีหัวหน้างานอยู่พียง ๓ คนเท่านั้น เราจึงเอาตู้มากั้นแทนฝาห้อง แบ่งส่วนให้เขาทำงานกันอย่างสบายใจ โดยไม่มีนายมาขวางลูกตา เราขอที่แคบ ๆ พอตั้งโต๊ะเก้าอี้ ๓ ชุดเท่านั้น บังเอิญแผนกเราโชคดี ได้รับบริจาคตู้เย็นตู้เบ้อเริ่ม จากผู้มีจิตศรัทธาแต่ไม่ประสงค์ออกนาม ๑ ตู้ ก็เลยเอามาเรียงต่อจากตู้หนังสือที่กั้นห้องไว้ หันหน้าออกไปทางที่มีคนมาก ผมก็เจ้ากรรมดันไปนั่งโต๊ะที่หันหลังติดกับตู้เย็นเสียด้วย มันก็เลยมีกรรมต้องได้ยินเสียงอะไรที่มันพิลึกพิลั่น ชวนให้รำคาญใจอยู่เรื่อย

อย่างเช่นเมื่อ ๒ - ๓ วันก่อน เวลาพักเที่ยงผมสั่งบะหมี่แห้งชามน้ำชาม มาจัดการที่โต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้ว ก็เหยียดเท้าพักหนังตา กำลังเพลินใกล้จะเคลิ้ม ก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังผ่านโสตประสาทที่กำลังหรี่ พอได้ยิน

“ นี่นมเธอเหลอ “

เสียงเหมือนเจ้า พัน ลูกน้องชายคนหนึ่งของผม

“ ฮื่อนมเลาเองแหละ เย็นดีมั้ย “

เสียงนี้เป็นผู้หญิง หูผมชักจะผึ่งขึ้น แต่ยังไม่ลืมตา

“ ฮื่อ แข็งบึ๋งเลย ให้เลานะ “

“ เอาซี ดูดเลย “

เอท่าจะหลับไม่ลงเสียแล้ว เสียงดูดดังจ๊วบ ๆ สองครั้ง พลันอีกเสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามา

“ นี่ตาพัน ของเจ๊ก็ดีนะ ลองดูมั้ย “

“ อย่ามาขัดจังหวะน่ะเจ๊ กำลังหล่อยนมของดาเขาอยู่ “

“ เซ่อ ของฉันดีกว่านะ ไม่เชื่อดูนี่ซี่ “

“ ฮ้า…นมเหลอนั่นน่ะ “

“ ใช่แล้ว “

เห็นท่าจะไม่ได้งีบแน่วันนี้

“ เอาเฮอะ อมเล่นก็ได้ง่ายดี ทีละเม็ดนะ “

“ ฮื่อ…ฮื่อ…ดีแฮะ ขอบคุณนะเจ๊ “

ผมอดรนทนไม่ได้ ต้องลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมไปทางหน้าตู้เย็น เจอจำเลยทั้งสามคนเข้าพอดี

“ เฮ้…พัน อะไรกันวะ อั๊วจะงีบซักหน่อย ส่งเสียงกวนประสาทจริง แกนี่ “

เจ้าพันยิ้มแห้ง หนูสุพิดายิ้มเจื่อน แม่สุดสี ยิ้มแหยไปตาม ๆ กัน

“ ผม…อ้า…ผม…คือ ดาเค้ายกนมหนองโพให้ผมน่ะคับ มันแช่เย็นจนแข็ง เขาเลยขี้เกียจกิน พอดีเจ๊สีเขาก็เอานมของจิตรลดาที่ทำเป็นเม็ดมาให้อีก ผมเห็นมันแปกดี ก็เลยลองเปี่ยนดู หัวหน้าลองมั่ง มั้ยฮะ “

ผมสบัดหน้าพรืด

“ เฮ้ยไม่เอา ขี้เกียจอม…เอ๊ยไม่เอา จะนอนซะหน่อย “

“ เชิญคับ แฮ่ะ…แฮ่ะ …ขอโทษคับ “

เรื่องทำนองนี้ ในที่ทำงานของผม มีอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปจนผมลืมเรื่องนั้นแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาของ เวทนา ลูกน้องสาวค่อนข้างสวยอีกคนหนึ่งของผม ซึ่งเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ก็กระมิดกระเมี้ยนเข้ามานั่งร้องไห้ผะอืดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของผม ด้วยอาการที่น่าสงสารชวนให้อยากจะปลอบโยนเสียเป็นที่ยิ่งนัก แต่ด้วยความเจียมสังขาร จึงต้องนั่งรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ จนกระทั่งเช็ดน้ำตาและสั่งขี้มูกฟืดฟาดเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังสะอื้นอยู่ฮัก ๆ เรื่องราวที่เป็นสาเหตุจึงได้หลุดออกมาจากปากของเธอว่า

“ หัวหน้าขา…อีตาพัน เขาแก้งหนูฮ่ะ หัวหน้าฮะ “

เธอหมายถึงสิบเอกพัน ตัวแสบของผมนั่นเอง

“ ทำไมล่ะ ไอ้พันมันทำอะไรหนู บอกหัวหน้าเถอะ จะจัดการให้เอง “

“ เขา…เขาแอบดูดนมหนูฮ่ะ “

“ จิ…จริงหรือหนู “

“ จิงซีฮะ หนูจะมาโกหกหัวหน้าได้ยังไง เรื่องน่าเกียดยังงี้ “

“ มันทำ…เอ้อ…เมื่อไหร่ ที่ไหนบอกมา จะได้ขังเสียให้เข็ด “

“ ที่ตู้เย็นน่ะซีฮะ “

“ ตู้เย็น…แถวตู้เย็นน่ะเรอะ “

“ ในตู้เย็นฮ่ะ “

ลูกตาของผมคงจะมีเครื่องหมายคำถามอยู่หลายอัน เธอจึงขยายความว่า

“ หนูเอานมช็อคกาแล็ตก่องแช่ไว้ในตู้เย็นตั้งก๊ะเช้า ตอนกางวันเขายังถามเลยว่านมใค หนูก็บอกว่านมหนู พอตอนบ่ายหนูเปิดตู้เย็นจะเอามากิน เหลือแต่ก่องป่าว แถมยังมีหลอดดูดคาอยู่อีก “

เธอสั่งขี้มูกเสียอีกพรืดหนึ่ง แล้วจึงว่าต่อ

“ หนูถามป้าสีว่าใคมายุ่งกะนมของหนู อีตาหมู่พันลีบยื่นหน้ามา บอกว่าผมเอง แล้วยังทำหน้าทะเล้นบอกว่าจะซื้อใช้ให้…..หนูไม่ยอม…..หัวหน้าขา…. หนูไม่ย้อม….ฮือ….”

ผมถอนหายใจ เฮือกใหญ่ ค่อยโล่งอกไปหน่อย เรื่องไม่ร้ายแรงอย่างที่นึก แต่ ผมกุ้ม …เอ๊ย..กลุ้มอยู่อย่างเดียว คือเด็กพวกนี้พูดไม่มีลอเลือ….ขอโทษ…รอเรือ กันเลยคับ...เฮ้อ.

############

นิตยสารทหารปืนใหญ่
เมษายน ๒๕๔๗


โดย: เจียวต้าย วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:20:01:01 น.  

 
วันนี้นอนมากไปหน่อยครับ เลยเข้ามาวางเรื่องเสียเย็นค่ำ สำหรับวันพรุ่งนี้ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:20:02:18 น.  

 

สวนนาคราภิรมย์ หนูก็ไปมาแล้วค่ะ มุมนี้สวยค่ะ มองเห็นพระปรางค์วัดอรุณฯ สวยมากค่ะ











โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:16:30:46 น.  

 

พระปรางค์วัดอรุณฯ






มองไปฝั่งท่าเตียน




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:16:37:15 น.  

 

วันนี้ขำๆ ค่ะ อ่านไปลุ้นไป...นมกล่องนี่เอง

คุณลุงเขียนคำพูดคุณสุพิดา...ซะหนูนึกภาพตามเลยค่ะ....


วันนี้พี่นาถลาป่วยแน่เลยค่ะ





โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:16:45:32 น.  

 
ขอให้หายเร็ว ๆ ครับ.

สวนนัคราภิรมย์ ผมมีอยู่ชุดหนึ่ง ถ่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง
แต่สวยสู้ของคุณไม่ได้ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:17:41:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.