"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
แนะนำเรื่องสั้นของเจียวต้าย ชุดเรื่องธรรมดาของคนธรรมดา .. ค่าของมิตรภาพ



เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

ค่าของมิตรภาพ

“ เพทาย “




น้ำใจแห่งมิตรอันควรอารี
ก็คือคนที่เขามีเมตตา
รู้จักเกื้อกูลและอุดหนุนซึ่งกันดังว่า
ต้องทำใจรักกันไว้ดีกว่า
เมื่อเราเกิดมาถือว่าญาติเดียวกัน....



วันนั้นผมก้าวเข้าไปในธนาคาร เมื่อเวลาได้ล่วงไปบ่ายมากแล้ว จึงหยิบบัตรคิวได้เบอร์ ๑๒๗ แล้วก็ต้องรอให้เจ้าหน้าที่เรียกตามระเบียบ เมื่อพนักงานสาวในช่องที่ ๓ เงยหน้าขึ้นเห็นผม เธอก็ยกมือไหว้และยิ้มอย่างดีอกดีใจ ผมพลิกบัตรให้เห็นหมายเลข เธอก็พยักหน้าบอกว่า

“ รอเดี๋ยวนะคะ จวนถึงแล้ว “

แล้วเธอก็ก้มหน้าง่วนอยู่กับแป้นคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ต่อไปตามปกติ ผมจึงถอยออกมาหาที่นั่งคอยข้างฝาผนัง เมื่อเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้แล้ว ผมก็คงเห็นแต่เพียงหน้าผากและแนวผมม้าของเธออย่างที่ผมเคยเห็นมาเป็นเวลานานเท่านั้น

**********

ดูเหมือนจะเป็นเวลานานมากกว่าสิบปี ที่ผมเป็นลูกค้าของธนาคารแห่งนี้ แต่เป็นคนละสาขา หลังจากที่ได้ย้ายสมุดฝากจากสาขาซึ่งใกล้ที่ทำงาน มายังสาขาที่ใกล้บ้านของผมแล้ว ผมก็ได้พบหน้าเธอเป็นประจำทุกเดือน

ผมสะดุ้งในใจตั้งแต่ได้พบเธอครั้งแรก ว่าเธอเป็นเจ้าหน้าที่คนเดียวที่ยิ้มให้ลูกค้า อย่างสดชื่นแจ่มใส อย่างที่ออกมาจากใจจริง ไม่ใช่ยิ้มตามสโลแกนของธนาคารที่แปะไว้ข้างฝา ผมรีบเดินเข้าไปหาเธอเพราะสมัยนั้นยังไม่มีบัตรคิว และผมก็รอเข้าคิวทุกครั้งที่ผมไปฝากไปถอนหรือไปลงรายการ ที่ช่องสอง นี้ทุกครั้ง

คงจะเป็นเทศกาลปีใหม่ปีหนึ่ง ที่ผมอยากจะตอบแทนความมีน้ำใจของเธอ ผมจึงหาหมูแผ่นจากร้านแถวนั้นใส่กล่องเป็นของขวัญปีใหม่ให้เธอ ซึ่งเธอยิ้มรับและไหว้ขอบคุณ ทำให้ผมปลื้มมากที่ตั้งใจดีต่อเธอ และเธอไม่ปฏิเสธ

ผมเพียงแค่อยากจะตอบแทนความมีน้ำใจ ที่เธอมีต่อผมซึ่งเป็นลูกค้าที่ไม่สำคัญคนหนึ่ง และเพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนเราได้กระทำความดีแล้ว ย่อมได้รับผลดีตอบแทน เท่านั้นเอง

หลังจากนั้นเมื่อผมไปติดต่อใช้บริการของสาขาธนาคารแห่งนั้น ซึ่งเป็นแห่งเดียว เพราะผมจะไม่ไปที่อื่นเลย ทั้ง ๆ ที่เขาใช้คอมพิวเตอร์ออนไลน์แล้วก็ตาม ผมจะต้องหาสิ่งของหรือขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปฝากเธอเสมอ ซึ่งบางทีเธอก็เตรียมของไว้ให้ตอบแทนผมบ้างเหมือนกัน

คราวหนึ่งผมถามเธอว่าชอบอ่านหนังสือไหม เธอบอกว่าชอบอ่านเหมือนกัน ตั้งแต่นั้นผมจึงมอบหนังสือให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่เธอทุกปี แต่ไม่กล้าถามว่าอ่านแล้วชอบหรือไม่ชอบ เพราะเป็นเรื่องที่ผมเขียนเองทั้งเล่ม

ความจริงผมไม่ได้ไปติดต่อกับเธอบ่อยนัก ที่แน่ ๆ คือวันสิ้นเดือน เพราะต้องไปถอนเงินเพื่อเอาไปส่งธนาณัติ บริจาคให้สาธารณกุศลหลายแห่ง แต่ละแห่งเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก ต่อมาจึงรวมกันเป็นเดือนละแห่งเดียว และหมุนเวียนไปทุกเดือนจนครบสิบสองแห่งทั้งปี

นอกนั้นก็เป็นการเอาสมุดไปลงรายการที่ถอนทางเอทีเอ็มบ้าง ไปลงรายการเงินรางวัลที่ถูกสลากออมสินบ้าง ไปถอนเงินก้อนใหญ่เอามาทำธุรกิจ แล้วเอาเงินก้อนเล็กไปผ่อนใช้คืนตามเดิมบ้าง และเกือบทุกครั้งผมต้องหาของติดมือไปฝากเธอเสมอ

บางครั้งเป็นวุ้นอันเล็ก ๆ รูปหัวใจ บางครั้งเป็นเนื้อสวรรค์ บางครั้งเป็นหมูหยอง บางครั้งก็เป็นขนมเอแคร์ ซึ่งต่อมาผมก็ฝากให้เธอแบ่งแก่เพื่อนที่นั่งเคียงข้างเธอทั้งช่องหนึ่งและช่องสามด้วย แต่บางคราวก็เปลี่ยนเป็นพวงกุญแจ ห้อยรูปต่าง ๆ ส่วนหนังสือนั้นให้เมื่อขึ้นปีใหม่หรือวันเกิด ไม่ใช่วันเกิดของเธอเพราะผมเองก็ไม่รู้ แต่เป็นวันเกิดของธนาคารนั้นเอง

ผมไม่รู้ว่าเธอจะคิดอย่างไรกับการกระทำของผม เพราะผมไม่ได้ทำอะไรให้มากไปกว่านั้น ไม่เคยคุยกับเธอนอกเรื่องธุรกิจของธนาคาร ไม่เคยไปดักรอเวลาเลิกงาน ไม่เคยชวนไปกินข้าวกลางวัน เพราะเธอกินในสำนักงานนั้นเอง บางครั้งบางคราวผมจึงเอาขนมครกหรือแป้งจี่แถวหน้าสำนักงานนั้น ไปฝากเธอเป็นอาหารกลางวัน

ผมไม่เคยรู้ชื่อของเธอ ไม่รู้บ้านที่อยู่และสถานะทางครอบครัวของเธอ นอกจากสังเกตเห็นว่าเธอมีแหวนเพชรสวยงาม ผลัดเปลี่ยนกันสวมที่นิ้วนางซ้ายอยู่เสมอ ผมมองเห็นเมื่อเธอใช้นิ้วทำงานอยู่กับสมุดฝากของผม หรือเมื่อเธอส่งสมุดคืนให้ผม

ผมคอยมองดูเธอทำงาน ในเวลาที่ต้องรอคิวทุกครั้ง แม้เมื่อเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่คนอื่น ผมก็อดที่จะมองตามไม่ได้ และผมไม่กังวลที่จะคอยคิวหลัง ๆ เพราะผมอยากอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย นั้น นาน ๆ

ในบางคราวที่ผมว่าง แม้เสร็จเรื่องที่จะทำแล้ว ผมก็ยังนั่งอ่านหนังสือที่เขาวางไว้บนโต๊ะ จนจบไปเป็นเล่ม ๆ

ผมทำเช่นนั้นเป็นประจำเรื่อยมา จากเดือนเป็นปี และหลายปีต่อมา ผมไม่สามารถจะปฏิเสธได้ว่าผมมีความสุขใจมาก ในขณะนั้น และตลอดวันนั้น ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ได้ทำอะไรที่ชวนให้เห็นว่าผมมีความคิดนอกลู่นอกทางจากความเป็นมิตร

เป็นมิตรภาพที่บริสุทธิ์ อย่างที่นักปราชญ์ฝรั่งคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ ผมนึกออกแล้วเขาชื่อพลาโต้ ดูเหมือนจะเรียกกันว่าพลาโตนิคเฟรนด์ชิฟ หมายถึงมิตรภาพระหว่างชายหญิงที่ไม่มีความรู้สึกอื่นใดมาเจือปน ผมเชื่อว่าความรู้สึกของตนเองเป็นเช่นนั้น

แล้ววันหนึ่งซึ่งผมไปติดต่อธนาคารตามปกติ เมื่อสิ้นเดือน เธอได้บอกกับผมว่า เธอจะต้องย้ายไปอยู่ที่สาขาซึ่งห่างไกลออกไป ห่างไกลจากที่เดิม และห่างไกลจากบ้านของผม เธอย้ายพร้อมกันทั้งสามคน เบอร์หนึ่งย้ายไปทางทิศใต้ เบอร์สามย้ายไปทางทิศเหนือ และเบอร์สองคือเธอย้ายไปทางทิศตะวันออก

ความจริงก็ยังอยู่ในกรุงเทพ แต่ผมรู้สึกเหมือนว่าไกลเสียเหลือเกิน ไกลในความรู้สึกนึกคิดของผม ที่เคยชินกับความใกล้ชิดในจิตสำนึก

คราวนี้เองที่ผมเพิ่งจะกล้าพูดกับเธอนอกเรื่องของธนาคาร ผมถามเธอว่า ธนาคารเขาจะเลี้ยงส่งเมื่อไร เธอบอกว่าไม่มีการเลี้ยงส่งหรอก ผมประหลาดใจเพราะเธอเป็นเจ้าหน้าที่เก่ามาก อยู่ที่นี่มานับสิบปี เวลาย้ายเขาไม่อาลัยอาวรณ์กันเลยหรือ

ไม่เหมือนที่ทำงานเก่าของผม เวลามีการเลื่อนชั้นเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง ไปราชการพิเศษ หรือกลับจากราชการพิเศษ หรือย้ายออกนอกหน่วย เป็นต้องมีการเลี้ยงส่งเลี้ยงรับเลี้ยงแสดงความยินดีกันเป็นประจำ

ผมจึงถามเธอไปด้วยความเคยชิน เมื่อเธอตอบเช่นนั้นผมจึงโพล่งออกไปว่า ถ้าอย่างนั้นอนุญาตให้ผมเลี้ยงได้ไหม ผมพูดออกไปแล้วก็นึกรู้คำตอบเป็นอย่างดี เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ว่าเป็นการกระทันหันไม่มีเวลา

ความจริงผมมีเหตุผลที่จะโต้แย้ง และอ้อนวอนเธอได้ แต่ผมไม่พูด ผมฉุกคิดได้ว่า ผมควรจะต้องรักษาระยะห่างของมิตรภาพนั้นไว้ ให้ยาวนานที่สุด อย่าไปทำลายเสียในตอนนี้

**********

หลังจากวันที่เธอย้ายไปสองสามวัน ซึ่งเป็นวันจันทร์เปิดทำงานเป็นสัปดาห์แรก ในสาขาใหม่ของเธอ ผมจึงดั้นด้นเข้ามาในสถานที่ซึ่งไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาเลยในชีวิต ผมเห็นเธอในลักษณะที่เหมือนเดิม เปลี่ยนนิดเดียวที่เธอนั่งอยู่หลังช่องเบอร์สาม

เธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม ก็รีบยกมือไหว้และยิ้มอย่างปิติยินดี ผมพลิกบัตรให้เธอเห็นหมายเลข ๑๒๗ เธอก็พยักหน้าและบอกว่า

“ รอเดี๋ยวนะคะ จวนถึงแล้ว “

ผมถอยไปนั่งรอที่เก้าอี้ข้างผนังห้อง และเริ่มคิดถึงเรื่องราวระหว่างผมกับเธอที่ผ่านมา ผมคิดอยู่อย่างเพลิดเพลิน จนไม่ได้ยินเสียงเรียกของเจ้าหน้าที่เบอร์สี่ และผู้ที่นั่งข้างเคียงต้องสะกิด

ผมส่งสมุดฝากให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้น เพื่อลงรายการที่ผมถอนทางเอทีเอ็ม เธอเปิดสมุดแล้วยิ้มพราย เมื่อเห็นว่าสมุดของผมเป็นสาขาไหน เธอพูดผ่านรอยยิ้มนั้น

“ แหม........ตามมาถึงนี่เชียวหรือคะ “

ผมรู้สึกหน้าชา เพราะคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้ ผมคงจะทำไม่ถูกต้องไปแล้วกระมัง ที่รีบร้อนมาที่นี่ในวันนี้ ห่างจากวันที่เธอย้ายเพียงแค่คั่นด้วยวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น

ผมคงจะทำผิดไป ในสายตาของคนอื่น แต่ใจผมคิดว่าไม่ผิด ผมเป็นเพื่อนของเธอ ผมมีสิทธิ์ที่จะอยากรู้ว่าเธอมีความสุขสบายดีกับเก้าอี้ตัวใหม่ของเธอหรือไม่ ผมไม่น่าจะทำผิดนะ

ผมรับสมุดคืนแล้วบอกลาเธอ ใช่.......เธอที่อยู่เบอร์สาม ด้วยถ้อยคำอย่างไรก็จำไม่ได้เสียแล้ว เพราะสมองมึนไปหมด ประโยคที่ว่า ผมผิด ผมไม่ผิด ก้องกังวานอยู่ในสมอง

ผมพยายามที่จะหาเหตุผลมาหักล้างกัน อยู่ตลอดเวลาที่เดินมารอรถเมล์ที่ป้าย

ในที่สุดก็เกิดความกระจ่างแจ้งในกมล

ผมรู้จักกับเธอที่สาขาใกล้บ้านผม เมื่อสิบปีก่อน และติดต่อมาตลอดทุกเดือน นับเป็นเวลามากกว่าร้อย สองร้อยครั้ง ผู้คนในสาขาแห่งนั้นเห็นหน้าผมทุกครั้ง จึงไม่แปลกใจในความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของผม ที่แสดงถึงวัยที่เพิ่มขึ้น เวลาสิบปีเป็นเวลาที่นานมาก สังขารของคนย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ผมไม่ทราบว่าเธออายุเท่าไร แต่ผมก็ไม่เคยเห็นเธอเปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งผมเชื่อว่าเธอก็คงไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของผมเช่นเดียวกัน แต่เจ้าหน้าที่ในสาขาใหม่ เธอเพิ่งจะเคยเห็นหน้าผม เธอจึงยิ้มและพูดว่า

“ ตามมาถึงนี่เชียวหรือคะ “

เธอคงจะเวทนาผมที่พยายามลากสังขารมาจากสาขาเดิม ทั้ง ๆ ที่สาขาใกล้บ้านนั้นก็ยังไม่ได้เลิกล้มไปไหน เธอไม่ได้เข้าใจซึ้งถึงเหตุผลในจิตใจของผมหรอก เธอดูจากสภาพภายนอกของผมเท่านั้น เธอน่าจะพูดว่า

ตามมาถึงนี่เชียวหรือคะ คุณตา...........

น้ำเสียงอันนุ่มทุ้มของ สมยศ ทัศนพันธ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว กังวานแว่วอยู่ในสมองของผม

...........น้ำใจแห่งมิตรอันควรอารี ก็คือคนที่เขามีเมตตา..........

มิตรภาพอันบริสุทธิ์ระหว่างผมกับเธอ จะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือ ในเมื่อ.............

อีกไม่ถึงสามสิบปี อายุของผมก็จะครบร้อยแล้ว.

######


โดย: เจียวต้าย วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:9:53:35 น.



Create Date : 12 ตุลาคม 2554
Last Update : 12 ตุลาคม 2554 10:09:39 น. 8 comments
Counter : 590 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ


มันเป็นธรรมดาของคนคุ้นเคยกันในด้านการให้บริการ
เราชอบที่จะไปใช้บริการในช่องที่ จนท.ยิ้มแย้มแจ่มใส
หรือมีลักษณะท่าทาง ว่าอารมณ์ดี

นาถส่งของไปเมืองไกลบ่อยๆ สมัยที่ยังไม่มีบัตรคิวให้กด
หรือหยิบเป็นแผ่นๆ จากกระจาด
ก็ชอบที่จะไป เข้าคิวคนที่เราชอบ

และใจดีให้นำแสตมป์สวยๆ ไปติดรวมกับที่ต้องซื้อเพิ่ม
ก็ลังหนึ่งสิบกิโลมันตกสามพันเก้าร้อยบาทค่ะ

มีลังหนึ่งเกือบยี่สิบกิโล ต้องติดแสตมป์เจ็ดพันสี่ร้อยบาท
ได้มีโอกาสติดดวงละ ๕๐๐ พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง
ทั้ง ปณ.มีดวงละ ๕๐๐ เพียงสี่ดวง
แถมเป็นสี่ดวงยาวเป็นพืด ไม่เป็นบล็อกสี่เสียอีกค่ะ
เลยติดแสตมป์แบบอื่นผสมพราวไปทั้งกล่องเลยค่ะ


พนักงานปากพล่อยคนนั้น เดาว่า เป็นสาวแก่ขี้อิจฉาค่ะ
แหม เป็นนาถไม่ได้ มันต้องมีรายการ "ตอกหน้า" เกิดขึ้นแน่ๆ

อาจจะเป็นคำพูดที่ว่า "ใช่ค่ะ ตามมาเพราะติดใจในน้ำใจให้บริการ
แต่อาจจะไม่มาอีก เพราะเกรงจะได้เข้าช่องคุณอีก" ฯลฯ


ว่าแต่ว่า ... อยากกินหมูแผ่นน่ะซีคะ


ทำไงดี ...


โดย: นาถ (sirivinit ) วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:10:30:31 น.  

 
น้องหนูขา

คุณลุง นำภาพถ่ายฝีมือท่านไปลงกรุ๊พบล็อกที่ ๒๙
ถ่ายภาพได้งามเชียวค่ะ

แต่พี่นาถสงสัยจัง
ว่าเพราะอะไรบล็อกจึงโย้เย้ไปหมด

กรุณาดูให้ด้วย
มันเป็นบล็อกเดียวค่ะ



โดย: พี่นาถ (sirivinit ) วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:10:32:52 น.  

 
ขำคำตอบของคุณนาถครับ
ธนาคารนี้เขาไม่ค่อยมีคนยิ้มแย้มแจ่มใสครับ
เดี๋ยวนี้ผมก็ยังใช้บริการที่สาขาเก่าอยู่ เขาคงอบรมกันดีขึ้น เจอยิ้มกันทุกคนเลย
แต่ผมไม่ได้ซื้อขนมไปฝากอีกแล้วครับ

หมูแผ่นของเจ้านี้เขาดังและอร่อยด้วย บอกที่อยู่ไว้ซีครับ จะได้ส่งทางไปรษณีย์มาให้ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:11:35:05 น.  

 
ล้อเล่นค่ะ
หมูแผ่นมีขายทั่วเมือง
แหม...หากเป็นเขากระต่ายแผ่นละก็
จะรีบส่งที่อยู่มาขอเร็วไวค่ะ

พักนี้พี่ห่อไม่เคร่งขรึมแล้วนะคะ
มีการพูดเล่น มีการบอกว่าขำ
ใช่ได้ ใช้ได้ .. บล็อกนี้สนุกสนาน
เฮฮาอารมณ์รื่นชื่นบานใจไว้ก่อน
แม่สอนไว้ค่ะ

มื้อกลางวันทานข้าว
กับกระเพราคอเป็ดเนื้อเป็ดกระดูกเป็ดเผ็ดแท้ๆ
อร่อยมากๆ ค่ะ หนังท้องตึง หนังตาหย่อน
ถึงเวลาขอลาไปนอนแล้วค่ะ



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:12:54:54 น.  

 
กลัวตื่นมาแล้วลืมเล่า
บล็อกข้างบน ที่โพสต์ไปนี้
ใช้เวลาทำการ สี่ ครั้ง ค่ะ

เจ้าประคุณเอ๋ย มันจะยากอะไรปานนั้น






โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:12:59:46 น.  

 
ผมเคยลองเข้าจากทางที่เขาแนะนำหน้ากระทู้
เข้าแล้วก็วางไม่ได้ครับ
ต้องมาอีกทางหนึ่งครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 12 ตุลาคม 2554 เวลา:17:03:37 น.  

 
สวัสดีค่ะ

วันนี้ชนะอีกแล้ว...
แถมสถิติ ก็อยู่อันดับ ๑ ค่ะ



โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:7:32:54 น.  

 
เรื่องธรรมดาของคนธรรมดา

บุญรักษา

เพทาย

ผมเคยเล่ามาหลายครั้งว่า ผมตั้งใจจะทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ซึ่งปีหนึ่งมีอยู่เพียงสี่วัน รู้สึกว่าจะน้อยไป จึงเพิ่มเป็นวันอาทิตย์ที่ว่างจากธุระงานการ ก็ได้เพิ่มมาอีกหลายวัน มาปีนี้คิดจะเพิ่มในวันเกิดด้วย คือวันพฤหัสบดี แต่คราวนี้มักจะลืม ก็ไม่เป็นไรอีกหน่อยก็ชินไปเอง เขาว่าอย่างนั้น

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ พฤษภาคม ปีนี้ เป็นวันวิสาขบูชา จึงไปวัดชลประทานรังสฤษดิ์ ปากเกร็ด แต่เช้า ซึ่งเวลา ๐๙.๐๐ น. จะมีการสวดมนต์แปลตามแบบของคณะธรรมทาน สวนโมกขพลาราม

ในคำสวดมนต์ทำวัตรเช้านั้น ผมชอบอยู่บทหนึ่ง ซึ่งมีคำแปลว่า

มนุษย์เป็นอันมาก เมื่อเกิดมีภัยคุกคามแล้ว
ก็ถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้บ้าง อาราม และรุกขเจดีย์บ้าง เป็นสรณะ
นั่นมิใช่สรณะอันเกษมเลย นั่นมิใช่สรณะอันสูงสุด
เขาอาศัยสรณะนั้นแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้

ส่วนผู้ใดถือเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะแล้ว
เห็นอริยสัจ คือความจริงอันประเสริฐสี่ ด้วยปัญญาอันชอบ
คือเห็นความทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์เสียได้
และหนทางอันมีองค์แปดอันประเสริฐ เครื่องถึงความระงับทุกข์

นั่นแหละ เป็นสรณะอันเกษม นั่น เป็นสรณะอันสูงสุด
เขาอาศัยสรณะนั่นแล้ว ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้.

จบแล้วมีพระสงฆ์มาแสดงปาฐกถาธรรม แทนหลวงพ่อปัญญานันทะหรือพระพรหมมังคลาจารย์ ซึ่งไปปฏิบัติภารกิจนอกวัด ความจริงท่านปัญญานันทะนี้ เราเรียกหลวงพ่อติดปากกันมาสี่สิบกว่าปี คนหนุ่มคนสาวในปัจจุบันน่าจะเรียกหลวงปู่ได้ เพราะท่านก็ได้มีอายุครบ ๙๖ ปีไปเมื่อ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐ นี้แล้ว

องค์แสดงธรรมท่านพูดได้ดีมาก ได้ความชัดเจนแจ่มแจ้ง เสียงดังฟังชัด ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป พอจะสรุปได้ว่าพระพุทธเจ้าทรงใช้ขันติธรรมความอดทน ในการศึกษาหาความรู้ให้แจ้ง และอดทนในการเผยแพร่ธรรมะ ไม่หวั่นไหวต่อคำติฉินนินทาหรือด่าว่าของผู้ไม่เห็นด้วย หรือผู้ที่อาฆาตมาตร้ายต่อพระองค์แต่อย่างใด

จบแล้วก็มีการตักบาตรพระภิกษุทั้งเก่าใหม่ ที่นั่งอยู่รอบลานหินโค้ง เมื่อถึงเวลาเพลก็มีผู้นำสมาทานศีลห้า และกล่าวถวายสังฆทาน แล้วพระสงฆ์ทั้งหมดก็ฉันภัตตาหารเพล

ระหว่างนั้นก็จะมีการสวดมนต์แปลอีกคาบหนึ่ง แต่ผมไม่ได้อยู่แล้ว ขออนุญาตกลับก่อนที่พระสงฆ์จะอนุโมทนาเมื่อฉันเสร็จ เพราะเชื่อว่าได้บุญกุศลตามสมควรแล้ว ไม่ต้องรอพระให้พร

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็พยายามระลึกถึงคำสอนที่พระท่านเทศน์ให้ฟังในวันนี้ จิตใจที่เกิดความน้อยใจ คับแค้นใจ ไม่สบายใจ ที่ท่านว่าเป็นทุกข์ ซึ่งได้รับมาเมื่อวานก็ลดลง และเป็นปกติในที่สุด

พอมาถึงวันอาทิตย์ ผมก็ออกจากบ้านแต่เช้าตามเดิม คราวนี้ไปในทิศตรงกันข้ามกับวันวิสาขบูชา มุ่งไปยังวัดที่มีสวนป่าอยู่กลางกรุง แวดล้อมไปด้วยตึกสูงระฟ้าทั้งสามด้าน ส่วนด้านหน้าก็มีรถไฟฟ้าแล่นผ่านอยู่ทุก ๓-๕ นาที ผมชอบนั่งในสวนอันร่มรื่นฟังเสียงเบา ๆ จากลำโพงที่กระจายอยู่ทั่วพื้นที่บริเวณวัด ซึ่งผมเคยได้ฟังเสียงสวดมนต์ของอุบาสกอุบาสิกา และพระธรรมเทศนาของพระสงฆ์ที่นิมนต์มาจากอารามต่าง ๆ

แต่วันนี้เป็นการเล่าประวัติของพระอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่ง ที่ผมไม่ทราบชื่อเพราะมาไม่ทันตอนต้น ซึ่งรู้สึกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอภินิหารมากมาย

ผมจึงลุกขึ้นเอาเงินใส่ตู้บริจาค ที่ตั้งเรียงอยู่สี่ตู้ แล้วก็เดินออกจากสวนนั้น ผ่านสถานที่รับจองวัตถุมงคลที่กำลังเป็นที่นิยมสูงสุดอยู่ในเวลานี้ ไปยังพระอุโบสถ

ผมยืนพนมมืออยู่หน้าพระอุโบสถ เพราะไม่สามารถเข้าไปนั่งคุกเข่าหรือพับเพียบได้ ด้วยความขัดข้องของกระดูกกระเดี้ยวทั้งหลาย พร้อมกับกล่าวเพียงเบา ๆ พอได้ยินเองว่า

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ

แล้วก็เดินออกจากประตูกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ คิดว่าจะไปฉี่ที่สุขาของวัดซึ่งได้ชื่อว่าสะอาดที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ แต่ขณะนั้นมีรถตู้จอดอยู่ ๒-๓ คันและมีพระสงฆ์กำลังเดินมาขึ้นรถ คงจะรับกิจนิมนต์ไปข้างนอก และรถนั้นจอดบังทางที่จะเข้าสุขาอยู่ จึงเดินเลี่ยงจะมุ่งไปออกประตูวัดไปหาที่ปลดทุกข์เอาข้างหน้า

แต่พอผ่านเต๊นท์ที่คงจะจัดนิทรรศการเมื่อวันวิสาขบูชา เห็นมีแผ่นภาพและข้อความติดอยู่จึงเร่เข้าไปดู และไปหยุดสนใจเรื่องประวัติวันวิสาขบูชาในประเทศไทย ซึ่งพรรณามาตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นราชธานี

อ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งแผ่น ก็มีเสียงดังโครม และแผงกระดานที่ติดเรื่องราวซึ่งสูงเลยหัวผมนั้น ก็ผงะเอนลงมาจะทับผม ด้วยความตกใจและสัญชาตญาณป้องกันตัว จึงเอามือขวาดันไว้มือเดียว เพราะมือซ้ายหิ้วย่ามประจำตัวค่อนข้างหนักอยู่

แต่ดันอยู่ได้แป๊บเดียวก็ทำท่าจะไม่ไหว จะผลักกลับไปก็ไม่ไหว จึงตัดสินใจปล่อยมือพร้อมกับกระโดด หลบออกมาทางด้านขวา แผงนั้นก็ล้มโครมเฉียดไปนิดเดียวแค่เส้นยาแดงผ่าสิบสอง

ผมมองไปทางด้านหน้าก็เห็นรถตู้คันหนึ่ง กำลังเลื่อนไปข้างหน้า หลังจากที่ถอยอย่างไม่ระวัดระวังจนเข้ามาชนแผงติดตั้งนิทรรศการในเต๊นท์ และเกือบทำให้ผมเจ็บตัวโดยไม่เจตนาเสียแล้ว เมื่อมองตรงเข้าไปในกระจกมองหลังด้านขวา ก็เห็นคนขับกำลังยิ้มอย่างขบขันอยู่ โดยไม่คิดที่จะลงมาดูผลของการกระทำของตน และขอโทษผมผู้เสียหายแต่อย่างใด

ผมเองก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป เพราะไม่ได้เจ็บปวดเคล็ดขัดยอกที่ไหน จึงพนมมือขึ้นไหว้ไปบนอากาศ ตั้งใจอโหสิพร้อมกับแผ่เมตตาให้เขา พร้อมกับนึกในใจว่า ที่เคราะห์ดีไม่เจ็บตัวไปมากกว่านี้ ก็คงจะเป็นผลจากการที่ได้ทำบุญทำกุศลมาสองวันนี้เอง

เพราะผมไม่ได้มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แม้แต่ชิ้นเดียว.

##########


โดย: เจียวต้าย วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:7:56:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.