"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
1 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
นิทานชาวสวน ชุด สงครามเอเซีย ตอน ชีวิตยังไม่สิ้น (๕)

นิทานชาวสวน
ชุด สงครามเอเซีย
ตอน ชีวิตยังไม่สิ้น


ขอย้อนกลับมาเล่าเรื่องของตนเองบ้าง เมื่อต้น พ.ศ.๒๔๘๔ ผมสอบไล่ชั้นมัธยมปีที่ ๑ ได้จากโรงเรียนดำเนินศึกษา ที่ตั้งอยู่ในถนนวิสุทธิกษัตริย์ ใกล้สี่แยกโรงเรียนนายร้อย แล้วลาออกมาเข้าโรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส เพราะย้ายบ้านมาอยู่สวนอ้อย เรียนชั้น ม.๒ อยู่จนเกิดสงครามญี่ปุ่นชวนประเทศไทยเป็นมหามิตร

พอกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศให้งดการสอบไล่ ชั้น ม.๒ ก็เลื่อนยกชั้นไปเรียนชั้น ม.๓ ใน พ.ศ.๒๔๘๕ เราเรียกการเลื่อนชั้นครั้นนั้นว่า โตโจสงเคราะห์ ตามชื่อนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น แต่โรงเรียนก็ยังไม่ปิด คงเปิดเรียนต่อไป จนถึงเดือน กันยายน ปลายฤดูฝน

ผมซึ่งไปเรียนและกลับจากโรงเรียนด้วยการเดิน จากสวนอ้อยไปวัดราชาธิวาส เพียงสองป้ายรถราง แต่ไม่ยอมขึ้นเพราะเสียดายสตางค์ นอกจากจะเกาะไป พอถึงรางหลีกที่บ้านญวน แถวโรงเรียนเซ็นต์คาเบรียล ก็โดดลงหนีคนเก็บค่าโดยสาร ที่เดินจากหัวรถมาเก็บสตางค์ท้ายรถ ทุ่นค่ารถได้สองสตางค์

รถรางสายนี้เป็นรถพ่วงสองคันต่อกัน มีกระเป๋าคนเดียว แกเดินเก็บสตางค์ทั้งสองคัน เวลาจะมาเก็บสตางค์คันหลัง แกก็ต้องโหนระหว่างหัวรถคันหน้ามาคันที่พ่วงเหมือนกัน

เมื่อเกิดสงครามตอนแรก ๆ ยังไม่มีภัยทางอากาศ ก็เรียนไปตามปกติ พอเริ่มมีภัยทางอากาศ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเวลากลางคืนอยู่บ้าน ตอนกลางวันถึงจะมีหวอ แต่ก็ไม่มีเครื่องบินเข้ามาในพระนคร โรงเรียนของเราไม่ได้ขุดหลุมหลบภัย แต่อาศัยว่ามีคูเล็ก ๆ กั้นทั้งด้านตะวันตก ติดกับอาณาเขตวัดราชาธิวาส และด้านใต้เป็นคลองกั้นระหว่างโรงเรียนกับท่าวาสุกรี

สมัยนั้นน้ำลึกขนาดสอบว่ายน้ำลูกเสือสำรอง ไม่ต้องไปไกล เมื่อมีหวอนักเรียนก็ลงจากตึกเรียนไปนั่งอยู่ริมคูและคลองดังกล่าว คงกะว่าถ้ามีเหตุระเบิดใกล้โรงเรียน ก็ให้กระโดดลงน้ำข้ามหนีไปได้ แต่ก็ไม่มีภัยอะไรมาใกล้กราย พอหวอปลอดภัยก็ต้องขึ้นตึกไปเรียนต่อทุกที

วันหนึ่งตอนปลายเดือนกันยายน ผมเดินกลับจากโรงเรียนตอนบ่ายสามโมง ตามทางเท้าซึ่งสมัยนั้นปูอิฐสีแดง ต่ำกว่าระดับถนน เห็นมีน้ำเอ่อขึ้นมาจากท่อระบายน้ำ พอจะท่วมหลังเท้า ต้องคอยหลบหลีกไส้เดือน ที่ลอยขึ้นมาจากรอยห่างระหว่างแผ่นอิฐ ยั้วเยี้ยไปหมด

จนกว่าจะถึงบ้านน้ำท่วมตลอดทาง และสูงขึ้นจนถึงขอบถนน ด้านที่มีรางรถราง และวันต่อมาน้ำก็ค่อย ๆ ท่วมถนนรวมทั้งรางรถราง และมีน้ำขึ้นน้ำลงตามแม่น้ำด้วย แต่ระดับน้ำวันต่อ ๆ มา จะสูงกว่าวันแรก ๆ

ในทีสุดก็ท่วมถนน และน้ำสูงขึ้นจนรถยนต์ต้องลุยครึ่งคัน และรถรางก็วิ่งไม่ได้ ไม่ทราบว่ากลัวไฟฟ้าจะรั่วหรือไม่ สุดท้ายก็ไม่มีรถยนต์แล่นบนถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำที่ขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา และขึ้นมากกว่าลง ทำให้สามารถใช้เรือพายบนถนนได้ และเรือก็ใหญ่ขึ้นจนเป็นเรือแจว ที่เคยรับส่งข้ามฟากแม่น้ำ เข้ามาแทนที่รถโดยสารประจำทาง รับส่งคนระหว่างพื้นที่ซึ่งสูงพ้นน้ำท่วม

คือสะพานต่าง ๆ ตั้งแต่บางกระบือ สะพานอนุวัฒวโรดม ถึงสะพายกิมเซ่งหลีหรือสะพานโสภณ ศรีย่าน สะพานเทเวศร์นฤมิตร ที่เทเวศร์ และสะพานนรรัตน์สถาน บางลำพู เพราะบนสะพานนั้นได้เปิดขายของแทนตลาดซึ่งจมอยู่ในน้ำทั้งสี่ตำบล

นอกจากเรือแจวรับส่ง แทนรถโดยสารประจำทาง และรถรางแล้ว ก็มีเรือสำปั้นพายรับจ้างไปส่งที่ต่าง ๆ แทนรถสามล้อด้วยราคาที่ตกลงกันได้ ถ้าเรือไปถึงสะพาน ก็อ้อมหลีกไปได้ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าใกล้หรือไกล

ความลำบากจากการวิ่งหลบภัยเวลามีหวอ ก็เปลี่ยนเป็นการผจญกับน้ำท่วมใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม บ้านของเราเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง น้ำท่วมจนสูงสุดแล้ว ก็ยังไม่ถึงพื้นเรือน จึงไม่เสียหายอะไร เพราะขนย้ายสัมภาระไม่มากชิ้นขึ้นไปไว้บนบ้านแล้ว ก็อยู่ได้สบาย เพียงแต่ต้องระวังสัตว์เลื้อยคลานที่หนีน้ำ จะมาอาศัยอยู่ด้วยเท่านั้น

ขณะที่น้ำท่วมสูงสุดนั้น น้ำสูงถึงใบหูของเด็กชายอายุ ๑๑ ขวบ เวลาเดินในน้ำต้องเขย่งเท้า น้ำจึงจะไม่เข้าหู ทุกบ้านจึงมีเรือบตอย่างน้อย ๑ ลำ ของบ้านเราเป็นเรือที่ทำด้วยสังกะสี ถ้าคว่ำแล้วก็จมลงถึงพื้นเลย แต่น้ำระดับนั้น บนถนนท่วมเพียงแค่อก

ผมซึ่งยังว่ายน้ำไม่เป็นจึงไม่ต้องกลัวจมน้ำ เราใช้เรือได้สารพัดประโยชน์ ผมไม่เคยพายเรือก็หัดจนพายเป็น ถึงกับพายไปดูน้ำท่วมที่พระบรมรูปทรงม้าก็ได้ เพราะพายไปบนถนน เว้นแต่ตอนที่เจอสะพานข้ามคลอง ก็ต้องหลีกไปข้าง ๆ และระวังตัวให้มากอย่ามาล่มตรงนี้เชียว

ประโยชน์แรกก็คือส่งผู้ที่จะออกจากบ้านไปธุระ ให้ไปต่อเรือจ้างที่ถนนใหญ่ ส่งน้าไปเฝ้าพี่สาวที่ป่วยอยู่วชิรพยาบาล แต่ถ้าจะกลับมาบ้านหลายวันครั้ง ก็ต้องนั่งเรือรับจ้างเข้าซอยมาเอง ประโยชน์อีกอย่างก็คือ การเอากระป๋องใส่เรือไปบรรทุกน้ำประปา จากก๊อกประปาสาธารณะ ที่หน้าสวนพุดตาน หรือพระที่นั่งวิมานเมฆในสมัยนี้

ก๊อกนี้เตี้ยกว่าตัวผม จึงจมอยู่ใต้น้ำ ในเวลาปกติ เขาจะมีสลักโผล่ด้ามอยู่ด้านบน มีน้ำหนักมากเหมือนกับกดทับท่อน้ำ ไม่ให้น้ำไหลออกมา พอยกขึ้นแล้วเอาไม้เสียบขัดไม่ให้เลื่อนลง น้ำก็จะพุ่งออกทางปากก๊อกซึ่งอยู่ต่ำลงไปนิดหน่อย ชาวบ้านที่อดอยากหิวโหย เวลาเดินผ่านก๊อกสาธารณะแบบนี้ ก็จะได้อาศัยกินน้ำประทังความหิว จนเรียกติดปากกันว่า โซดาดึง

เมื่อน้ำท่วมจนมิดก๊อก ก็ต้องเอื้อมมือลงไปดึงและเอาไม้เสียบขัดไว้โดยใช้สัมผัสด้วยมือ เพราะมองไม่เห็น และจับปลายปากก๊อกหมุนให้หงายขึ้นมาข้างบน น้ำก๊อกมีกำลังแรงมาก ก็พุ่งทะลุน้ำท่าที่ท่วมโด่งขึ้นมา ให้เข็นเรือเอาปี๊บหรือกระป๋องไปรองได้ ทำอย่างนั้นจนเต็มภาชนะทุกใบแล้ว ก็ถอดไม้สลักออกเดินเข็นเรือกลับบ้านซึ่งไม่ไกลนัก

เพราะถ้าขืนขึ้นนั่งพายเรือที่มีน้ำหนักมาก และพายยังไม่แข็ง เกิดล่มน้ำประปาคว่ำลงไปปนกับน้ำท่า ก็จะต้องเสียเวลากลับไปรองใหม่เท่านั้น เข็นเรือไปจนถึงบันไดหลังบ้าน แล้วจึงขึ้นบันไดไปยกน้ำเทใส่ตุ่มไว้ใช้ต่อไป

ประโยชน์สุดท้ายก็คือทำให้พายเรือแข็งขึ้น และว่ายน้ำเป็น เพราะเมื่อไม่กลัวจมน้ำ ก็เกิดความกล้าที่จะว่ายดันเรือไปแทนที่จะเดินเข็น ไม่ช้าก็ปล่อยมือจากเรือว่ายด้วยตนเองได้

ตลอดเวลาที่น้ำท่วมกรุงเทพอยู่ประมาณสองเดือน มีเรื่องที่จำได้เพียง ๒ เรื่อง เรื่องแรกคือชาวบ้านเขาหาปลาที่มันมาตามน้ำ พอกินเป็นอาหารได้ไม่ต้องซื้อ ผมก็หาไม้มาทำคันเบ็ด เสียบเหยื่ออะไรจำไม่ได้ ปักคันเบ็ดไว้ที่บันไดหลังบ้าน แล้วก็ลืมไปทั้งวัน

พอมายกดูก็มีปลาช่อนน้อยตัวหนึ่งติดเบ็ดขึ้นมา เมื่อปลดเบ็ดออกจากปากปลาแล้วก็สงสาร ไม่รู้จะเอามาทำอะไรกิน จึงปล่อยลงน้ำไปไม่ทราบว่าเป็นหรือตาย ถ้าตายก็คงบาปแน่ จึงเลิกตกปลาตั้งแต่นั้น

อีกเรื่องหนึ่งก็คือหน้าบ้านข้างในที่ติดกับรั้วบ้าน มีต้นกล้วยน้ำว้าอยู่กอหนึ่ง ต้นหนึ่งในกอนั้นออกปลีแล้วก็ติดเป็นลูกใหญ่ เรียงกันหลายหวีงามมาก คิดว่าคงจะกินได้หลายวัน แต่พอโตเต็มที่ยังไม่ออกแววว่าจะสุก ตื่นขึ้นมามันก็หายไปแล้ว ไม่รู้ใครมาดอดตัดเอาไปตอนกลางคืน ไม่ได้ยินเสียงเลย ทั้ง ๆ ที่ต้นกล้วยหนีน้ำสูงขึ้นไปจนเอื้อมไม่ถึง

พอเดินเข้าไปพิสูจน์ใต้ต้นก็พบว่า ผู้ที่เข้ามาตัดโดยไม่ได้ขออนุญาตนั้น ไปเอาตุ่มใบที่ลอยอยู่มาจมลงที่ใต้ต้นกล้วย จึงปีนขึ้นไปตัดได้โดยง่าย และเงียบกริบ เราก็เลยอดกินตามเคย

โชคดีที่ระหว่างน้ำท่วมตั้งแต่เดือน กันยายน ถึงเดือน ธันวาคม ไม่มีข้าศึกมาทิ้งระเบิดทางอากาศเลย ไม่ยังนั้นก็คงไม่รู้ว่าจะหลบไปไหนพ้น

เรื่องน้ำท่วมกรุงเทพนี้ แม่ได้บันทึกสรุปไว้ยาวพอควร ดังนี้

อุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย น้ำท่วมมากและนานกว่า พ.ศ.๒๔๖๐

น้ำเริ่มท่วม แต่ปลายเดือนกันยายน

ท่วมมากที่สุดเมื่อ ๑๒ ตุลาคม

น้ำเริ่มลดเมื่อ ๑๘ ตุลาคม

กว่าจะแห้งเป็นปกติ ก็สิ้นเดือนพฤศจิกายน

ยานพาหนะ ใช้เรือทั่วทุกถนน อาหารและเครื่องใช้แพงขึ้นอีก ไข่เป็ดฟองละ ๑๐ สตางค์ มะเขือเปราะผลละ ๑ ส.ต. พลูกำละ ๕๐ ส.ต.ถึง ๑ บาท

โรงเรียนต่าง ๆ กระทรวงสั่งให้ปิด ๒ ตุลาคม ถึง ๑๖ พฤศจิกายน จึงเปิดเรียน แต่ยังไม่วายบุกน้ำตอนออกจากบ้านครั้งหนึ่ง ตอนเข้าเขตโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง ร.ร.ปัญญานิธิ (โรงเรียนราษฎร์ที่แม่เป็นครูชั้นประถมอยู่ ถนนพะเนียง นางเลิ้ง) ห้องเรียนชั้นเตรียมไม่รู้จักแห้ง ต้องมาเรียนรวมกันอัดแออยู่ในห้อง ป.๑ ป.๒

ระหว่างโรงเรียนปิด ครูทุกโรงเรียนได้เงินเดือนเต็ม กระทรวงสั่งไปทุก ร.ร.ให้จ่ายเต็ม ถ้าลดให้ร้องเรียนได้ แต่พวกครูไม่ได้เห็นคำสั่ง นอกจากคนที่อื่นเขาบอก เมื่อร.ร.ปิดคราวพระนครถูกบอมม์นั้น พวกครู ร.ร.ราษฎร์จนแย่ไปตามกัน เพราะเขาให้เดือนละครึ่งหนึ่งของเงินเดือน

อีกแห่งหนึ่งบันทึกไว้ว่า

วันอาทิตย์ที่ลานพระบรมรูปสนุกมาก เขาว่ามีเรือสวยไปกันเยอะแยะ พายแข่งกันด้วย แม่ค้าก็ไปกันมาก ฉันไม่เคยนึกสนุกกับเขาเลย มองเห็นน้ำแล้วใจเหี่ยวแห้ง เศร้าและกลุ้มอึดอัด ไม่อยากพูดจากับใคร นึกถึงคราวก่อนแล้วผิดกันราวกับคนละคน เห็นน้ำท่วมสนุกใจเต้น

พอ ร.ร.เลิกก็เที่ยวบุกน้ำไปตามตลาดริมคลองจังหวัดตราด จนลืมกลัวจระเข้ ซึ่งชุกชุมที่สุดในคลองเมืองตราด (แม่เกิดประมาณ พ.ศ.๒๔๓๗ เมื่อน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.๒๔๖๐ อายุประมาณ ๒๓ ปี เป็นครูที่โรงเรียนตราดตระการคุณ)

ตุ่มซีเมนต์ใบใหญ่ในบ้านเรา จมอยู่ในน้ำทั้งหมด เว้นแต่ใบหนึ่งมีฝาปิดและมีขันวางอยู่ด้วย ลอยไปลอยมาอยู่ใต้ถุนบ้านไม่ยักจม เมื่อวานนี้ (๑๒ ต.ค.๘๕) มีนักเลงดีย่องเข้ามาเวลาไหนไม่ทราบ ดึงเอาตุ่มใบนี้ไปข้างกอกล้วย ซึ่งมีเครือใหญ่มาก และพึ่งจะแก่ ปีนตุ่มตัดกล้วยไปทั้งเครือ แล้วตุ่มก็จมอยู่ที่นั้นเอง

อาหารการกินต้องคอยซื้ออยู่หน้าบ้าน ทานแต่ปลาทูต้ม ปลาทูทอด น้ำพริก พริกกะเกลือ แทบทุกวัน แต่ก็อร่อยทุกวัน ไม่รู้จักเบื่อ

อีกตอนหนึ่งแม่บรรยายถึงสภาพของท้องถนน จากบ้านไปโรงเรียนที่นางเลิ้ง

ว่าจ้างเรือเขาไปส่ง พอออกจากบ้านก็ลืมทุกข์ ลืมจน ใจผ่องใสรื่นเริงขึ้น เพราะได้เห็นผู้คนพายเรือกันเต็มไปหมด แทบทุกถนนที่ผ่านไป เรือแม่ค้าก็เยอะแยะ บนสถานที่ซึ่งเป็นที่แห้ง มักจะเป็นตลาด ขายของแทบทุกสะพาน แม้แดดจะจัดก็นั่งทนร้อนกันได้ คนซื้อก็แน่น ไม่มีรถชนิดใดเลยสักคัน

เรือของเราแล่นไปทางสวนสุนันทา ผ่านโรงเรียนอนุบาล (ละอออุทิศ) ร.ร.การเรือน (มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต) เลี้ยวซ้าย ร.ร.ฝึกหัดครูมัธยม (คุรุสภา) เลี้ยวหน้ากระทนวงศึกษาธิการข้ามคลองข้างสะพานมัฆวาน (คลองผดุงกรุงเกษม) ผ่านโรงเรียนนายร้อย เลี้ยวไปถนนพะเนียงถึง ร.ร.ปัญญานิธิ

สั่งให้คนพายเรือคอยอยู่ใต้ถุนโรงเรียน ขึ้นไปหาเจ้าของโรงเรียน แกนอนเจ็บและช่างพูดอยู่ตามเคย ขอเบิกเงินเดือนใช้ บอกว่าแกก็จน แบ่งให้ใช้ ๓ บาท (สามบาทถ้วน)

ลาจากเจ้าของ ร.ร.ลงเรือพายไปตามถนนนครสวรรค์ ถึงสะพานผ่านฟ้า แวะซื้อกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมที่เรือแม่ค้า ๕๐ ผลต่อ ๒๐ สตางค์ ถ้าซื้อร้านผลละ ๑ ส.ต. แล้วเลยไปทางถนนราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เลี้ยวถนนตะนาวข้างวัดมหรรณพ ที่ร้านแม่จินดา (ผู้มีพระคุณ) ที่ร้านเขาท่วมนิดหน่อย แต่ที่ถนนพายเรือได้ ถนนนี้มีจักรยานเดินบ้าง รถบรรทุกบ้าง นับว่าน้ำน้อยกว่าถนนอื่น

นั่งคุยกันสักครู่ก็ลา เขาให้เงินใช้ ๓ บาท ให้ส้มโอ ส้มเขียวหวาน ขากลับเลยไปทางบางลำพู เทเวศร์ แล้วกลับบ้าน

นั่งตากแดดตัวดำเกรียม ๔ ชั่วโมง ออกจากบ้าน ๑๐ น.ถึงบ้าน ๑๖ น. คือไปนั่งคุยกัน ๒ ชั่วโมง พายเรือไป ๔ ชั่วโมง ให้ค่าจ้างเขา ๕๐ ส.ต.

เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากน้ำที่ท่วมลดลงแล้วรถก็ยังแล่นไม่ได้ เว้นแต่รถราง เพราะเมื่อน้ำลดใหม่ ๆ ถนนทุกสายมีตะไคร่จับ รถยนค์แล่นผ่านจะลื่นมาก เป็นอันตรายได้ง่าย จึงต้องรอให้ถนนแห้งสนิท ประเทศไทยก็กลับคืนสู่ภาวะปกติ สถานที่ราชการแห่งใดเสียหายก็ซ่อมแซมไป บ้านเรือนของประชาชนต่างก็ทำความสะอาด แล้วก็อยู่กันเป็นปกติ

เพราะเขาว่ากันว่า น้ำท่วมมากอย่างนี้ ๒๕ ปี จึงจะมีหนหนึ่ง จาก พ.ศ.๒๔๖๐ ถึง พ.ศ.๒๔๘๕ ยี่สิบห้าปีพอดี คนเริ่มพูดอาจจะตีขลุมเอาตรงนี้ก็ได้ เพราะอีก ๒๕ ปีต่อมา พ.ศ.๒๕๑๐ คนรุ่นผมก็ไม่เห็นมีน้ำท่วมใหญ่ จนมาถึง พ.ศ.๒๕๑๘ จึงได้เกิดอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็น้อยกว่า
พ.ศ.๒๔๘๕ เพราะมีเขื่อนภูมิพลแล้ว

###########



โดย :
เจียวต้าย วันที่: 1 มีนาคม 2556 เวลา: 19:33:45 น.




Create Date : 01 มีนาคม 2556
Last Update : 1 มีนาคม 2556 22:56:24 น. 15 comments
Counter : 778 Pageviews.

 
ขอบพระคุณพี่ปู่มากค่ะ


"ขณะที่น้ำท่วมสูงสุดนั้น น้ำสูงถึงใบหูของเด็กชายอายุ ๑๑ ขวบ เวลาเดินในน้ำต้องเขย่งเท้า น้ำจึงจะไม่เข้าหู"

ช่างใจกล้าจริงนะคะ แหมน้ำขนาดนั้น ข้างล่างต้องแรงแน่เลยค่ะ

อุตส่าห์ตกปลากับเขาครั้งแรกในชีวิต แล้วก็สงสารปลา อันที่จริงเวลาอย่างนั้น ขณะนั้น ต้องเอาตัวรอดกัน การตกปลา ก็น่าจะเป็นวิถีชีวิตของคนขณะนั้น นี่คือจิตใจอันแท้จริง ที่มีเมตตา

แล้วเสียดายกล้วยเครือนั้นแทน ขโมยก็ช่างกระไร จะแบ่งไว้ให้เจ้าของได้กินบ้างก็ไม่มี ไอ้ขโมยไม่มีจรรยาบรรณ


"...แวะซื้อกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมที่เรือแม่ค้า ๕๐ ผลต่อ ๒๐ สตางค์ ถ้าซื้อร้านผลละ ๑ ส.ต."

ความลำบากสอนให้คนละเอียดยิ่งขึ้นนะคะ คุณแม่พี่ห่อ ท่านรู้จักค่าของเงินโดยแท้จริง


"(แม่เกิดประมาณ พ.ศ.๒๔๓๗ เมื่อน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ.๒๔๖๐ อายุประมาณ ๒๓ ปี เป็นครูที่โรงเรียนตราดตระการคุณ)"

นาถจำได้ว่า ตอนนั้นคุณแม่พี่ปู่อายุ ๒๙ และจำได้ว่าท่านแต่งงานตอนอายุ ๓๕ ที่นับว่ามากสำหรับสมัยนั้น คนผู้ดี ก็แต่งงานช้าแบบนี้แหละนะคะ


เรื่องน้ำท่วม ขออย่าได้มาอีกเลย ตอนนี้บ้านนาถ ก็มีปัญหาค่ะ ด้านล่างของเทอเรซ อิฐแตกแยก เพราะทรุด พื้นโรงรถ ก็ทรุดตรงมุมทั้งสามที่ ช่างก็หายากหาเย็น ไม่รู้จักกัน ก็ไม่กล้าให้มาทำ เกรงเขาจะทุบหัวโบกปูนทับอย่างในข่าวค่ะ

ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ

ทุกท่าน นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์นะคะ


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 1 มีนาคม 2556 เวลา:23:08:45 น.  

 
น้ำไม่ได้ไหลมาท่วมแบบน้ำป่าครับ
เวลาขึ้นก็ค่อย ๆ เอ่อขึ้นมา พอถึงเวลาลงก็ค่อย ๆ ลดลงทีละน้อย
ไม่รู้สึกว่าไหลไปทางไหนหรอกครับ
เด็กที่โดดน้ำจากกำแพงวังมาแล้ว ไม่กลัวน้ำที่หยั่งถึงหรอกครับ

เมื่อน้ำท่วม พ.ศ.๒๔๘๕ แม่อายุ ๔๘ อีก ๑๐ ปีก็เสียชีวิตครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:9:53:52 น.  

 
"เด็กที่โดดน้ำจากกำแพงวังมาแล้ว ไม่กลัวน้ำที่หยั่งถึงหรอกครับ"


นาถ ว่ายน้ำได้...ในที่หยั่งถึงนะคะ
น้ำลึกๆ ว่ายไม่ได้ดอก กลัวจม

ปิดเทอมใหญ่ ได้กลับบ้านชนบทตามปรกติ เขานัดไปเล่นน้ำกันที่สะพานใหญ่ ที่น้ำไหลค่อนข้างแรง

ในคลอง มีท่อนซุงท่อนใหญ่มาก และยาว เด็กๆ ก็จะนั่งปีนกันบนนั้น น้ำจะไหลไปแรง แต่จะไปติดกับระหัด ช่วงถัดไป ท่อนซุงนี้จะไม่สามารถไปตามน้ำได้ แต่ก็ไปไกลมากและน้ำก็ยิ่งลึกมากค่ะ

นาถก็ไม่เจียมตัว ไปเล่นบนนั้นกับเขา ทั้งที่ว่ายน้ำไม่แข็ง เด็กๆ เขาหมุนท่อนซุงเล่นกัน แล้วนาถตกน้ำ เกาะไม่ทัน กำลังจะจมน้ำ ก็มีคนคว้าผมไว้ได้ และดึงขึ้นมา สำลักน้ำและปวดหัวมาก ราวกับหนังหัวจะหลุดจากหัว

คนที่ดึงผมนาถขึ้นมา คือ "พี่" ค่ะ

แปลกใจ ที่ท่อนซุงนี้กลับมาอยู่ใต้สะพานอีกได้อย่างไร เข้าใจว่าพวกที่แข็งแรงต้องไปถ่อทวนน้ำกลับมา เพราะจะเห็นเมื่อไปเล่นน้ำทุกครั้งค่ะ


ทีนี้ นาถจำได้อีกอย่างว่า คุณแม่พี่ห่อตาย เมื่อนาถอายุ ๔ ขวบ
นาถผู้เกิดวันที่ ๔ ที่บ้านเลขที่ ๔ เกิดวันพุธ คือเลข ๔ และมีน้องรักในนี้ ๔ คนค่ะ


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:10:20:43 น.  

 
ได้รู้จักชื่อสะพาน...เพราะๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ หนูไ่ม่ทันอะไรสักอย่าง เคยเห็นแต่ภาพน้ำท่วมแถวพระบรมรูปทรงม้า มีคนพายเรือกัน

นึกภาพตามรายละเอียดที่คุณลุงเล่าค่ะ

๓ "พี่" มีความทรงจำร่วมกับพี่นาถสมัยตัวเปี๊ยกเลย

หนูคงเป็นหนึ่งในนั้นด้วย ขอบคุณมากค่ะพี่นาถ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:17:12:21 น.  

 
ชื่อสะพานเพราะๆทั้งนั้นค่ะ
เจ้านายเรา ท่านทรงเก่งภาษาไทย ตั้งชื่อลูกหลานได้ไพเราะทั้งนั้น แต่ก่อน ท่องพระนามพระราชโอรส พระราชธิดา ร.๕ ได้ด้วย เพราะคล้องจองกัน แถมมีแบบให้ท่องถอยหลัง ก็ยังคล้องจองกันอีก แต่ต้องรู้จักขึ้นต้น

ร.๔ พระองค์ท่านทรงเก่งบาลีสันสกฤต เพราะทรงผนวชนาน ตั้งชื่อพระราชธิดาไพเราะมาก อย่างสุนันทากุมารีรัตน์-สว่างวัฒนา-เสาวภาผ่องศรี แล้วทรงลงพระคาถาภาษาบาลีไว้ให้ด้วย พร้อมพระราชทานพรให้ตามพระนามนั้นๆ ค่ะ

พี่ปู่ของเรา ก็ยังความจำดีเป็นเยี่ยม พี่นาถชื่นชมมากค่ะ

น้องหนู ก็เป็นหนึ่งในสี่น้องสาวของพี่นาถในนี้ค่ะ


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:17:26:40 น.  

 
คิดแล้วไม่น่าเชื่อว่ากลุ่มบ้านเลขที่ ๒๙ นี้ มาเป็นเพื่อนรักกันได้อย่างไร
เพราะไม่ได้รู้จักกันมาแต่เด็ก
ไม่ได้อยู่จังหวัดเดียวกัน
ไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน
อายุก็แตกต่างห่างกัน ไม่ใช่คนร่วมสมัยกัน
แล้วก็ไม่เคยเห็นหน้ากันด้วย
อะไรชักนำให้ได้มาคุยกันอยู่ทุกวันนี้

สำหรับผมน่ะรู้และจำได้ดีว่า เพราะคุณนาถเข้าไปอ่านในบล็อกของผม แล้วต่อกลอนไว้ด้วยคำที่ไพเราะเสนาะสำเนียงเสียงกวี

จึงเข้าไปดูในบล็อกของท่านบ้าง แล้วก็รู้ว่าท่านสนใจภาษาและหนังสือ

จึงขอฝากข้อเขียนไว้ในบล็อกที่มีผู้อ่านมากมายที่สุดในประเทศนี้ ซึ่งท่านก็เมตตารับไว้ด้วยความกรุณาปรานี

ตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้ และต่อไปอีกนานนนนนนนนนนครับ

อย่าสงสัยว่ากินยาลืมเขย่าขวดหรืออย่างไร จึงมาเพ้อเอาตรงนี้

ผมเชื่อพระพุทธเจ้า ที่ให้คิดถึงความตายไว้
ทุกลมหายใจเข้าอกครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:20:30:37 น.  

 
จริตพวกเราต้องกันค่ะพี่ปู่
เรารักการอ่านเหมือนกัน พี่ปู่ชอบเขียน นาถชอบน้อยกว่ามาก
เราสองคนชอบเล่า มีความสุขที่ได้เล่า
พื้นฐานจิตใจ เราเป็นคนดี เป็นคนใกล้วัด
แล้วเราชอบเรียนรู้ไม่หยุดนิ่ง

พี่ปู่เคยท้วงตัวเลขตอนสึนามิคนตายเป็นแสนว่าถึงหรือ
ตอนนั้นนาถอยู่ออสเตรเลีย คนออสซี่ชอบไปเที่ยว ฟิลิปปินส์ อินโด บาหลี คนเขาตายมาก เมืองที่นาถอยู่คือบริสเบน อยู่ในรัฐควีนสแลนด์ ทีวีของรัฐ มีข่าวตลอด นาถก็เรียนพี่่ปู่ไปว่าถึงค่ะ

ตอนนั้นพี่ปู่มี ๙๐๐ กว่าเอนทรี่ นึกว่ามีมากแล้ว มาเจอ บล็อกอั๊พแบบบ้าระห่ำ หลายหมื่นเอนทรี่ เลยสนใจไงคะ

คุณป้า เป็นผู้ใหญ่ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ และอั๊พบล็อกธรรมะ หนูต่ายเป็นเพื่อนบล็อกนาถ น้องหนูมาตามคุณป้า น้องเค็งมาตามหนูต่าย น้องวิสนใจงานฝีมือ มาหานาถ แต่เป็นสายคุณป้า

แวดวงเรา คือคนจิตใจดี มีนาถเอะอะมะเทิ่งเม้ยเจิงไม่จืด แหย่คนนั้น เย้าคนนี้ ไม่เว้นแม้แต่พี่ปู่ ฮ่าๆๆๆ

พวกเราเป็นห่วงกัน บอกกันเตือนกันแบบกัลยาณมิตรพึงทำ หากไม่ได้ร่วมทำบุญกันมาแต่ปางบรรพ์ จะมาชอบพอ เป็นห่วงเป็นใยกันแบบนี้หรือ

ไม่แน่ ว่าชาติก่อนๆ เราเคยเป็นพี่น้องกันมาหรือไม่ เพราะเราคงเวียนว่ายตายเกิดมานานแล้วละค่ะ

เราจะรักกันฉันพี่น้อง คิดดีต่อกัน หากผิดพลาดพลั้งไป ให้อภัยต่อกันนะคะ เจ็ดคนพี่น้อง


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:21:01:18 น.  

 
ทั้ง ๖ และ ๗ หนูถือว่าเป็นพรดีๆ ก่อนนอนนะคะ

ที่บ้านลูกๆ กับปะป๊าจะคุ้นเคยกับเพลงประจำตระกูลบ้านเราค่ะ เพราะรู้่ว่าหนูกำลังเมาท์ที่บ้าน ๒๙

คุณลุงใช้คำว่า "เพื่อนรัก" ปลื้มมากเลยค่ะ

๕ หนูเคยเอาเป็นเอาตายกับการจำชื่อพระราชโอรส พระราชธิดา และพระมเหสี เจ้าจอมของ ร.๕ ค่ะ อยากจำให้ได้... แ่ต่อ่านแล้วมีความสุขค่ะ ไม่เคยรู้สึกยุ่งยากเลย มีบางเรื่องที่อ่านแล้ว โห ทำไมยุ่งยากจำจังเลย คงเพราะเราไม่ชอบมังคะ

หนูก็เชื่อเรื่องนี้นะคะพี่นาถ มีคนเล่นบล็อกตั้งหลายพันคนเรามาเจอกันได้ไง แล้วก็ไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่คุยกันยังกับรู้จักกันมานานมาก...หนูว่าเรารู้สึกดีและปรารถนาดีต่อกัน ถ้าจะพลาดพลั้งไปเพราะคำพูดผิดหูบ้าง แต่เจตนาคงไม่ใช่คิดไม่ดีหรอกค่ะ

อยากเขียนอะไรมากกว่านี้ พูดไม่ออกค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:21:35:36 น.  

 
ขอบคุณน้องหนูค่ะ
พี่ปู่ พี่ใหญ่แห่งบ้านเลขที่ ๒๙ ของเรา จะได้ทราบว่าน้องๆ รักและเคารพพี่ปู่ทุกคน

คนเป็นสมาชิกพันทิป ช่วงนี้ประมาณ สองหมื่นสาม มันมากมายเชียวละ แต่เรา ๗ คนเลือกที่จะมาเป็นพี่น้องกัน เป็นเพื่อนกัน เพื่อนในความหมายกัลยาณมิตร เหมือนชื่อกรุ๊พบล็อกค่ะ

คิดดี ทำดี พูดดี ชีวีเป็นสุขค่ะ

ทุกท่าน นอนหลับฝันดีนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: นาถศรี (sirivinit ) วันที่: 2 มีนาคม 2556 เวลา:21:46:24 น.  

 






โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:5:32:17 น.  

 
เข้ามาอ่านต่อจากคราวที่แล้วด้วยค่ะ









บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Literature Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


อ้าวไม่ใช่ของท่านเจียวต้ายเหรอ ไงกลายเป็นชื่อพี่นาถไปละ


โดย: Katai_Akiko วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:13:07:15 น.  

 
ชีวิตคุณลุง ลำบากเนอะ เจอน้ำท่วมหลายครั้ง หลายครา
เมื่อล่าสุด เจอน้ำท่วมอีกหรือป่ะค่ะ

3 นาถผู้เกิดวันที่ ๔ ที่บ้านเลขที่ ๔ เกิดวันพุธ คือเลข ๔ และมีน้องรักในนี้ ๔ คนค่ะ

พี่ใหญ่ ครูใหญ่ น่ารักสวดดดดดดดด

6 คุณลุง สุดยอดเลยค่ะ


10 มาไหว้ผู้ใดอ่ะ

11 โหวตหยังอ่ะ ควงตะหลิวจน งง นางฟ้ายุ่น ขราาาาาาาาาาา


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:13:48:03 น.  

 
ขอตามมาเที่ยวบล๊อกนี้ด้วยค่่ะ
อ่านที่คุณปู่เล่าแล้วได้นึกภาพตามไปด้วยค่ะ
เคยเห็นภาพน้ำท่วมตรงแถวพระบรมรูปทรงม้่า
และมีคนพายเรือเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ทราบราย
ละเอียดว่าน้ำท่่วมเมื่อสมัยไหน

ตามลำดับการรู้จัก ในพี่น้องทั้งหมดวิศรีรู้จักพี่ต่าย
เป็นคนแรก ตามมาด้วยพี่นาถ แล้วมารู้จักป้ากุ๊กเมื่อ
ตอนต้นปี55 ต่อมาพี่นาถเข้ามาบอกให้ไปอวยพร
วันเกิดคุณปู่ จึงได้รู้จักคุณปู่ สำหรับน้องหนูและน้องเค็ง
จะเห็นชื่่อบ่อยมาก น้องหนูจะเห็นในบล๊อกพี่่นาถทุกวัน
น้องเค็งก็จะเห็นในบล๊อกเพื่อนทำอาหาร

ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเคยเม้นท์ในบ้านน้องเค็งบ้าง
แล้วมีอยู่วันหนึ่งน้องเค็งมาแจ้งบอกว่าพี่ต่ายเข้าบล๊อกไม่ได้
แล้วในที่สุดเราก็ได้มาเป็นพี่น้องกันในบ้าน ๒๙ จนได้ค่ะ

อ้อ..และที่ได้มาอยู่ในบ้าน ๒๙ ก็เพราะคุณปู่เป็น
ผู้ไปตามมาค่ะ ความประทับใจเหล่านี้จำได้หมดค่ะ


โดย: วิศรี (AppleWi ) วันที่: 3 มีนาคม 2556 เวลา:21:27:41 น.  

 

มาหัวเราะค่า
พี่นาถ ขราาาาาาาาาาาาาา


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:5:35:26 น.  

 
ข้างบ้านมีต้นมะยมอยู่ หนี่งต้น เดี๋ยวจะไปเก็บกิ่งมะยมมาสักสองสามก้าน ไว้ตีก้นเด็กดื้อสักหน่อย


โดย: Katai_Akiko วันที่: 4 มีนาคม 2556 เวลา:15:50:40 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.