Major Clipton: I've just had a word with Saito.
ผู้พันคลิปตัน: ผมเพิ่งคุยกับไซโตะ
Colonel Nicholson: That man is the worst commanding officer I've ever come across. Actually,I think he's mad. Carry on. Blackmail!
ผู้การนิโคลสัน: หมอนั่นเป็นผู้บังคับบัญชาที่แย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอจริงๆแล้วผมคิดว่าเขาบ้าด้วยซ้ำ ทำต่อไป แบล็คเมล์
Major Clipton: I know, sir, but he means it. I'm sure he does. It's a question of face, pure and simple. And he can't give in.
ผู้พันคลิปตัน: ผมรู้ครับแต่เขาพูดจริง ผมแน่ใจ เป็นเรื่องของการไม่ยอมเสียหน้าแท้ๆ เขายอมไม่ได้
Colonel Nicholson: It's still blackmail.
ผู้การนิโคลสัน: ยังไงก็เป็นการแบล็คเมล์อยู่ดี
Major Clipton: Sir, you can't stand much more of this. Wouldn't the officers be better off working than suffocating in that hole? The men are doing a wonderful job. They're going as slow as they dare. But Saito's cut their food rations and if he makes the sick men work Well, they're going to die. That's all there is to it.
ผู้พันคลิปตัน: คุณทนเรื่องนี้ไม่ไหวแล้วให้ทหารชั้นสัญญาบัตรออกไปทำงานน่าจะดีกว่าอุดอู้ในรูหนูนั่นหรือเปล่า ทุกคนกำลังทำหน้าที่ได้ดีพวกเขาอืดอาดเท่าที่กล้าทำ แต่ไซโตะตัดส่วนแบ่งอาหารของพวกเขาถ้าเขาบังคับให้คนเจ็บทำงาน พวกเขาก็จะตาย เรื่องก็มีแค่นี้
Colonel Nicholson: Yes,Clipton, I understand. Truly. But don't you see? It's a matter of principle. If we give in now, there'll be no end to it. No.
ผู้การนิโคลสัน: ใช่ คลิปตัน ผมเข้าใจจริงๆ แต่คุณไม่เข้าใจหรือ นี่เป็นเรื่องของหลักการ ถ้าเรายอมตอนนี้ก็จะไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่
Major Clipton: Sir, we're lost in thejungle, a thousand miles from anywhere. We're under a manwho'll stop at nothing to get his way. Principle! No onewill ever know or care what happens to us. Give in, sir.Please!
ผู้พันคลิปตัน: เราอยู่กลางป่ากลางดง อยู่ห่างที่อื่นเป็นพันไมล์ เราเป็นเบี้ยล่างของคนที่จะไม่ยอมหยุดให้แก่อะไรที่ขวางทางเขา หลักการนี่นะ จะไม่มีใครรู้หรือใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราหรอก ยอมเถอะครับ ได้โปรดเถอะ
Colonel Nicholson: I'm adamant. I will not have an officer from my battalion working as a coolie.
ผู้การนิโคลสัน: ผมมันใจแข็ง ผมจะไม่ยอมให้ทหารสัญญาบัตรจากกองพันผมทำงานเยี่ยงกุลี
ผู้การนิโคลสันยึดมั่นในหลักการมากๆ เขาอ้างกฎของสนธิสัญญาเจนีวาและแข็งข้อกับผู้การไซโตะโดยไม่ยอมให้ทหารชั้นสัญญาบัตรของเขาทำงานแบกหาม เรื่องนี้ทำให้ผู้การไซโตะโกรธมากจนเกือบสั่งให้ทหารญี่ปุ่นยิงผู้การนิโคลสันกับลูกน้อง โชคดีที่ผู้พันคลิปตัน แพทย์ประจำค่ายมาห้ามไว้ ผู้การนิโคลสันกับทหารชั้นสัญญาบัตรจึงโดนแค่จองจำในคุกแคบๆ เมื่อการสร้างสะพานคืบหน้าช้ามากผู้พันคลิปตันจึงได้รับโอกาสจากผู้การไซโตะให้มาเกลี้ยกล่อมผู้การนิโคลสันนำทหารชั้นสัญญาบัตรทำงาน แต่ผู้การนิโคลสันยังคงยึดมั่นในกฎ เขายอมหักแต่ไม่ยอมงอ จึงยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่ผู้การไซโตะ ผู้พันคลิปตันจึงได้แต่ส่ายหัว เขาเกรงว่าผู้การนิโคลสันกับลูกน้องจะต้องจบชีวิตที่นี่เพราะความดื้อรั้นของผู้การนิโคลสันนี่เองคำว่า come across someone or something เป็นสำนวนที่หมายถึง พบเจอคนหรืออะไรบางอย่าง (โดยบังเอิญ) และ officer (n) หมายถึงทหารชั้นสัญญาบัตร (ยศร้อยตรีขึ้นไป) ในขณะที่ adamant (n) (adj) หมายถึง ของแข็งที่เจาะไม่เข้า ใจแข็ง ส่วน battalion (n) หมายถึง กองพัน
ติดตามเพิ่มเติมตามลิงก์ครับ https://issuu.com/somsakbl/docs/the_bridge_on_the_river_kwai