Movie English เรียนภาษาอังกฤษจากหนัง Gandhi
คานธี หรือมหาตมะคานธีมหาบุรุษชาวอินเดียผู้ยึดสันติวิธีหรือหลักอหิงสาเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคม หลังจากจบวิชากฎหมายจากประเทศอังกฤษท่านก็ไปเป็นทนายในแอฟริกาใต้ในค.ศ. 1893 แต่ในยุคนั้นแอฟริกาใต้มีการกีดกันสีผิวและมีกฎหมายต่างๆที่ไม่เป็นธรรมต่อคนผิวสีโดยเฉพาะชาวอินเดียที่ไปทำงานที่นั่น มหาตมะคานธีทนความอยุติธรรมในสังคมไม่ได้ จึงเป็นหัวหอกสำคัญในการเรียกร้องความเป็นธรรมจนถูกทำร้ายและจำคุกแต่ท่านก็ใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสู้กับผู้มีอำนาจ จนในที่สุดก็มีการยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่ไม่เป็นธรรมหลังจากนั้นในค.ศ. 1915 ท่านก็กลับไปอยู่อินเดีย และมีส่วนสำคัญในการปลดแอกอินเดียจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษจนสำเร็จในค.ศ.1947 Gandhi ถือเป็นสุดยอดภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ได้รับรางวัลมากมายรวมทั้งรางวัลออสการ์ 8 ตัวประจำปีค.ศ. 1982 สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมดารานำชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับฯยอดเยี่ยม กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยมออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมมีบทสนทนาที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ครับ 1. Gandhi:Doesnt the New Testament say: If your enemy strikes you on the right cheek,offer him the left? คานธี: ไบเบิลภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวว่า ถ้าศัตรูตบแก้มขวาเราจงยื่นแก้มซ้ายให้เขาไม่ใช่หรือ Charlie Andrews: The phrase was used metaphorically. Idont think our Lord
Im not so sure. ชาร์ลีแอนดรูวส์ : มันเป็นคำอุปมาผมไม่คิดว่าพระเจ้าเรา ... ผมไม่แน่ใจ Gandhi: I have thought about it a great deal. I suspect He meantyou must show courage, be willing to take a blow, several blows, to show you wontstrike back, nor will you be turned aside. And when you do that, it calls onsomething in human nature, something that make his hatred for you decrease andhis respect increase. I think Christ grasped that and I have seen it work. คานธี: ผมคิดเรื่องนี้อย่างหนักผมคิดว่าพระองค์หมายความว่าเราต้องแสดงความกล้าหาญยินดีรับการฟาดหลายๆครั้งเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราจะไม่โต้ตอบหรือหลบ และเมื่อเราทำเช่นนั้นก็มีการเรียกร้องอะไรบางอย่างในธรรมชาติของมนุษย์เป็นสิ่งที่ทำให้เขาเกลียดเราน้อยลงและนับถือมากขึ้น ผมคิดว่าพระเยซูเข้าใจเรื่องนี้และผมเห็นแล้วว่ามันได้ผล ในแอฟริกาใต้มีกฎหมายกีดกันคนผิวสีในรูปแบบต่างๆเช่น ห้ามคนผิวสีเดินบนทางเท้าร่วมกับคนขาว ห้ามนั่งรถไฟชั้นเดียวกัน ฯลฯ มหาตมะคานธีกับชาร์ลีเดินคุยกันมาตามทางและเห็นคนผิวขาวกลุ่มหนึ่งอยู่ด้านหน้าชาร์ลีเห็นท่าทางไม่เป็นมิตรของคนผิวขาวกลุ่มนั้น จึงเสนอให้มหาตมะคานธีเดินเลี่ยงไปทางอื่นแต่ท่านยืนกรานที่จะเดินต่อไป บทสนทนานี้สะท้อนให้เห็นว่านอกจากมหาตมะคานธีจะไม่นิยมวิธีรุนแรงแล้วท่านยังเป็นคนใจเด็ด กล้าเผชิญอันตราย คำว่า metaphorically(adv) หมายถึงอย่างอุปมาอุปไมย และ blow (v) หมายถึง ตี ฟาด ส่วน grasp (v) โดยทั่วไปจะหมายถึง จับ ฉวยแต่ก็หมายถึง เข้าใจได้ด้วย
ติดตามเพิ่มเติมได้ตามลิงก์นี้ครับ https://issuu.com/somsakbl/docs/1982_gandhi
Create Date : 27 พฤศจิกายน 2560 |
Last Update : 1 ธันวาคม 2560 13:44:49 น. |
|
0 comments
|
Counter : 506 Pageviews. |
|
|
|