Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
ตะลุยเยาวราช ไหว้ 3 วัดจีน เสริมมงคลตรุษจีน

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง


     ผ่านวันปีใหม่สากลไปไม่ทันไร ก็ใกล้ถึงวันปีใหม่ของชาวจีนหรือว่าตรุษจีนกันอีกแล้ว เรียกว่าเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองจริงๆ ในวันตรุษจีนปีที่ผ่านๆมาฉันก็เคยพาไปไหว้ศาลเจ้า 8 แห่งในเยาวราชมาแล้ว ในปีนี้ก็ยังคงปักหลักอยู่ย่านไชน่าทาวน์ของเมืองไทยเช่นเคย เพราะเป็นแหล่งชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แต่วันนี้ไม่ได้ไปเยือนศาลเจ้า แต่จะพาไปไหว้วัดจีนในย่านเยาวราชรวม 3 วัดด้วยกัน

     เริ่มวัดแรกกันที่ "วัดมังกรกมลาวาส" หรือที่เรียกในภาษาจีนว่า "วัดเล่งเน่ยยี่" วัดเก่าแก่ที่มีคนแวะเวียนไปกราบไหว้กันแน่นขนัดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนอย่างนี้จำนวนคนก็ยิ่งเยอะขึ้นเป็นทวีคูณ สังเกตได้จากควันธูปหนาที่ลอยฟุ้งอยู่ภายในวัดไม่จางหาย

สำหรับชื่อจีนของวัดที่มีชื่อว่า "เล่งเน่ยยี่" นั้น เล่ง แปลว่ามังกร เน่ย แปลว่าดอกบัว ส่วน ยี่ ก็หมายถึงวัด ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานนามวัดให้ใหม่ในภาษาไทย ที่มีความหมายครบถ้วนตามชื่อจีนว่า "วัดมังกรกมลาวาส" นั่นเอง

     วัดในนิกายจีนแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงโปรดกล้าฯ ให้เลือกชัยภูมิที่ตั้งวัด และโปรดเกล้าฯให้พระยาโชฎึกราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าซ้ายร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวจีนก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2414 และใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 8 ปี จึงแล้วเสร็จเป็นวัดสำคัญที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพศรัทธามาโดยตลอด


     มาพูดถึงสถาปัตยกรรมภายในวัดกันบ้างดีกว่า วัดมังกรกมลาวาสนั้นมีการวางผังตามแบบสถาปัตยกรรมจีนพื้นถิ่นทางตอนใต้ของจีน โดยมีลักษณะแบบสกุลช่างแต้จิ๋วเป็นหลัก การวางผังวัดถือตามแบบวัดพุทธศาสนานิกายมหายาน ตัวอาคารจะวางผังล้อมลาน เรียกว่า ซี่เตี่ยมกิม เป็นแบบเฉพาะของอาคารพื้นถิ่นแต้จิ๋ว

     ภายในวัดเล่งเน่ยยี่นี้มีพระประธานเป็นพระพุทธรูปสีทองแบบจีน มีวิหารอยู่ด้านหน้า ประดิษฐานรูปท้าวจตุโลกบาลเป็นรูปหล่อเขียนสี แต่งกายแบบนักรบจีน และยังมีรูปปั้นของเทพเจ้าตามความเชื่อในลัทธิเต๋าและเทพเจ้าพื้นเมืองอื่นๆ ของจีน นอกจากนั้นยังมีวิหารอีก 3 หลัง คือวิหารอวโลกิเตศวร ประดิษฐานรูปเจ้าแม่กวนอิม วิหารปฐมบูรพาจารย์ ประดิษฐานรูปเหมือนของพระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร และวิหารสังฆปรินายก ประดิษฐานเซียนหลักโจ้ว ซึ่งเป็นหมู่เทพซึ่งเชื่อกันว่าจะให้ความคุ้มครอง ช่วยในเรื่องสุขภาพ การค้า และความรักได้ด้วย

     กลุ่มอาคารทั้งหมดประกอบด้วยอิฐและไม้เป็นโครงสร้างสำคัญ โดยเฉพาะโครงสร้างหลังคาอุโบสถและวิหารจตุโลกบาลแสดงโครงสร้าง ขื่อ คาน ตามแบบสกุลช่างแต้จิ๋วอย่างสวยงาม หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผาแบบจีนโบราณมีการประดับตกแต่ง อาคารด้วยกระเบื้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆประกอบเป็นลวดลายสิริมงคลตาม ความเชื่อแบบจีน มีการวาดลวดลายและแกะสลักลวดลาย ปิดทองอย่างสวยงาม มีการใช้โมเสคติดผนังทั้งหมด จัดว่าเป็นสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่มีความสมบูรณ์มากแห่งหนึ่งเลยทีเดียว


     ที่วัดมังกรกมลาวาส นี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครกลัวว่าดวงปีนี้จะไม่ดีอยากจะมาไหว้ก็ขอเชิญกันได้

จากถนนเจริญกรุง ฉันเดินผ่านตลาดเยาวราชซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน เรียกว่าแทบไม่ต้องเดิน แต่ไหลตามกระแสของฝูงชนที่มาจับจ่ายใช้เงินซื้อข้าวของเตรียมไว้สำหรับงานตรุษจีนที่ใกล้จะถึงแล้วนี้ ถึงแม้ต้องเบียดเสียดกับคลื่นมหาชน แต่ฉันก็ทำใจให้เป็นเรื่องสนุก เป็นสีสันของเยาวราชที่หาที่ไหนไม่มีเหมือน

     เมื่อเดินมาทะลุถึงถนนเยาวราช เดินเลียบถนนมาทางขวามือเพื่อมาที่ตรอกเต๊า หรือตรอกวัดกันมาตุยาราม เพื่อมาที่วัดจีนแห่งที่สอง คือที่ "วัดบำเพ็ญจีนพรต" หรือ "วัดย่งฮกยี่" ที่แต่เดิมนั้นเป็นเพียงวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ร้าง มีชื่อว่าย่งฮกอำ สร้างในปี พ.ศ.2338 กล่าวกันว่าสร้างโดยชาวจีนในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และต่อมาพระอาจารย์สกเห็งจาริกมาจากประเทศจีน และได้มาอาศัยอยู่ที่นี่ ท่านได้ปฏิสังขรณ์วิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อวัดเป็นย่งฮกยี่ในปี พ.ศ.2430 และได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานนามวัดจากรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ก็พระราชทานนามมาให้ว่า "วัดบำเพ็ญจีนพรต" และยังมีป้ายพระราชทานนามวัดประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอุโบสถให้ได้เห็นกันอยู่จนปัจจุบัน


     วัดบำเพ็ญจีนพรตถือว่าเป็นวัดจีนที่มีขนาดเล็กมากๆ เพราะสภาพที่ตั้งวัดนั้นเป็นคล้ายตึกแถวในซอยเล็กๆ ล้อมรอบด้วยอาคารพานิชย์ หากมองจากภายนอกเข้ามาก็แทบจะไม่รู้ว่ามีวัดอยู่ในซอยนี้

เมื่อเดินเข้ามาในวัดบำเพ็ญจีนพรตแล้ว ก็จะได้พบกับพระเมตไตรยโพธิสัตว์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอุโบสถเป็นอย่างแรก พระอุโบสถของวัดนั้นก็เล็กไปตามขนาดวัด คือมีความกว้าง 7.80 เมตร ยาว 10.20 เมตร เท่านั้นเอง ตัวอาคารโครงสร้างไม้แบบจีนผนังก่ออิฐฉาบปูน หลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้องดินเผากาบกล้วยแบบจีน สันหลังคาก่ออิฐปั้นปูน เป็นจั่วปั้นลมตามแบบสถาปัตยกรรมจีน ตามสกุลช่างจีนแต้จิ๋ว


     ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ องค์ประดิษฐานอยู่ตรงกลางคือพระศากยมุนีพุทธเจ้า องค์พระศาสดาแห่งโลกปัจจุบัน องค์ทางขวาของพระศากยมุนีคือพระอมิตาภะพุทธเจ้า และองค์ทางซ้ายของพระศากยมุนีคือพระไภษัชยะคุรุพุทธเจ้า หากมองดูแต่ภายนอกอาจจะคิดว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ก็หล่อด้วยโลหะตามปกติ แต่จริงๆแล้วองค์พระพุทธรูปนั้นทำจากกระดาษ หรือที่เรียกว่าเปเปอร์มาเช่ แล้วลงรักปิดทองจนดูเหมือนเป็นพระพุทธรูปหล่อ นอกจากนั้นแล้ว หากลองมองทางด้านข้างทั้งสองข้างของพระประธาน ก็จะเห็นพระอรหันต์ 18 องค์ในอิริยาบถต่างๆ กัน พระอรหันต์ทั้ง 18 องค์นั้นก็ทำจากกระดาษเปเปอร์มาเช่ด้วยเช่นกัน

     นอกจากจะไหว้พระและเทพเจ้าในพระอุโบสถแล้ว เราก็ยังสามารถเดินขึ้นไปยังชั้นบนของตัววัด ซึ่งมีเทพเจ้าต่างๆให้กราบไหว้กัน โดยบนชั้นสามนั้นจะมีรูปปั้นขนาดเล็กของเทพเจ้าจีนต่างๆ ส่วนชั้นสี่ประดิษฐานพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ และป้ายวิญญาณของบูรพาจารย์อดีตเจ้าอาวาสทั้งหลาย ส่วนชั้นห้านั้นก็ประดิษฐานพระอวโลกิเตศวร และพระพุทธรูปพระศากยมุนีพุทธเจ้า ใครที่สนใจก็สามารถมากราบไหว้กันได้ตามศรัทธา


     เดินออกจากตรอกเต๊า ข้ามถนนเยาวราชมาอีกฝั่งหนึ่ง มองหาป้ายร้านทองเล่งหงส์ เมื่อเจอแล้วเดินเลี้ยวเข้าซอยใกล้ๆนั้น เดินเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีหนึ่ง หรือจะเดินเข้ามาทางซอยผลิตผล ลอดซุ้มซุนยัดเซ็นเข้ามาก็ได้เช่นกัน ก็จะเจอกับวัดสุดท้ายที่เราจะมากันในวันนี้ คือที่ "วัดโลกานุเคราะห์" หรือเรียกในภาษาจีนว่า "วัดตื้อเต้ตื่อ" วัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่สร้างขึ้นในช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 หรือเมื่อประมาณปี พ.ศ.2394 โดยพ่อค้าชาวจีนและชาวญวน ร่วมกันสร้างเป็นสำนักสงฆ์ เพื่อใช้เป็นศาสนสถานประกอบศาสนกิจตามลัทธิพิธีทางฝ่ายพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน


     สำหรับชื่อ "วัดโลกานุเคราะห์" ภาษาไทยนี้ก็ได้รับพระราชทานนามมาจากรัชกาลที่ 5 เช่นเดียวกับสองวัดข้างต้นเช่นกัน โดยวัดแห่งนี้ก็มีขนาดไม่ใหญ่โตนักแต่ก็มีความงดงามไม่แพ้วัดไหนๆ ตรงซุ้มพระประธานเน้นสีทองกับสีแดง ส่วนพระพุทธรูปในซุ้มนั้นก็มีทั้งพระพุทธรูปแบบไทยทั้งในอิริยาบถนั่งและยืน ประดิษฐานรวมอยู่กับพระพุทธรูปแบบจีนอีกด้วย ส่วนที่ผนังด้านหลังพระประธานนั้นก็วาดลวดลายเป็นรูปพระพุทธเจ้าตามแบบจีนสามองค์ด้วยกัน

     นอกจากนั้นแล้ว ที่ฝาผนังทั้งด้านซ้ายและขวาภายในพระอุโบสถนี้ ก็ยังเป็นกระเบื้องที่มีลวดลายเป็นพระศรีศากยมุนีหรือพระพุทธเจ้าติดอยู่รายรอบเป็นหมื่นๆองค์ ซึ่งก็เปรียบเสมือนว่าพระองค์ทรงมาเป็นสักขีพยานสดับรับฟังการสวดมนต์และคำอธิษฐานของเรานั่นเอง

และนี่ก็คือวัดส่วนหนึ่งในเยาวราช ที่ฉันนำมาแนะนำให้ผู้ที่สนใจได้เข้าไปกราบไหว้กันในช่วงตรุษจีนนี้

*****************************************

"วัดโลกานุเคราะห์" ตั้งอยู่บนถนนราชวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดโทร.0-2226-2719

"วัดบำเพ็ญจีนพรต" ตั้งอยู่ในตรอกวัดกันมาตุยาราม ถนนเยาวราช สัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดโทร.0-2222-4789

"วัดมังกรกมลาวาส" วัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ สอบถามรายละเอียดโทร.0-2222-3975


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มกราคม 2552


H O M E



Create Date : 22 มกราคม 2552
Last Update : 22 มกราคม 2552 19:41:06 น. 1 comments
Counter : 2607 Pageviews.

 
พรุ่งนี้จะไปเยาวราชค่ะ...

ถ้าคนไม่แน่นมากจะเข้าไปให้ได้สามวัดเลย

ขอบคุณข้อมูลดี ดีนะคะ


โดย: Dawn Blog วันที่: 24 มกราคม 2552 เวลา:10:45:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.