Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
6 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
ชุมชนบ้านช่างหล่อ



     หากใครที่เคยเดินทางผ่านไปยังถนนอิสรภาพ ช่วงที่ติดกับถนนพรานนกทางด้านใต้ ของโรงพยาบาลศิริราช บริเวณที่เยื้องวัดวิเศษการก็จะเห็นซอยเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อว่า "ซอยบ้านช่างหล่อ"

     ซอยแห่งนี้ ในอดีตเป็นซอยหนึ่งที่มีความสำคัญกับสังคมไทยกับศาสนาพุทธมาช้านาน เนื่องจากพระพุทธรูปต่างๆที่คนกราบไหว้ล้วนแล้วแต่มาจากซอยเล็กๆนี้แทบทั้งสิ้น จนเป็นที่มาของชื่อซอย "ช่างหล่อ" แต่สภาพสังคมเปลี่ยนไปตามวันเวลา ทำให้สภาพต่างๆในซอยเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จนเหลือเพียงโรงหล่อพระแห่งสุดท้ายในประเทศที่เหลืออยู่ ที่ชุมชน "บ้านช่างหล่อ"แห่งนี้

     "ชุมชนบ้านช่างหล่อ"ประกอบอาชีพหล่อพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นงานช่างหล่อของคนไทยที่ได้ทำสืบทอดต่อกันมาไม่ต่ำกว่า 700 ปีมาแล้ว ในอดีตคนที่นี่ จะอยู่รวมกันในซอยบ้านช่างหล่อ บ้านจะไม่มีรั้ว เดินทะลุหากันได้หมด อยู่รวมกันเหมือนญาติ ช่วยกันผลิตงานหล่อพระ บ้านที่อยู่อาศัยจะเป็นเรือนไทยใต้ถุนสูง บริเวณบ้านกว้างมีลาน สามารถทำการหล่อพระได้ ทำเป็นงานหัตถกรรม มีการช่วยเหลือกัน ซึ่งมีเรื่องเล่าจากชุมชนแห่งนี้ว่า แค่ชาวบ้านเห็นควันไฟที่เกิดจากการหล่อพระ จากบ้านไหนก็ตาม ทุกคนในชุมชนจะร่วมแรง ร่วมใจกันมาช่วยหล่อพระ หรือที่เรียกกันว่า "ลงแขก"
เหมือนการทำนา จนงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เสมือนญาติมิตรที่มีความเป็นห่วงอาทรที่มีให้กันด้วยความจริงใจ ซึ่งหาได้ยากยิ่งเต็มทีในสังคมปัจจุบัน

     บรรพบุรุษของชุมชนบ้านช่างหล่อ เป็นชาวกรุงเก่าที่อพยมมาจากกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกู้อิสรภาพได้แล้ว ทรงรวบรวมผู้คนจากกรุงศรีอยุธยา มาที่ธนบุรี เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าโจมตี ยากแก่การบูรณะ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจึงได้สถาปนาเมืองหลวงใหม่ที่กรุงธนบุรี ซึ่งเป็นบริเวณที่แม่น้ำเจ้าพระยาเดิมไหลอ้อมจากปากคลองบางกอกใหญ่จนถึงปากคลองบางกอกน้อย เดิมเป็นที่ดินรูปเกือกม้า เป็นที่ดอนสะสมตะกอน เหมาะสมต่อการตั้งหลักแหล่งทำมาหากิน ผู้คนที่อพยพมาก็จับกลุ่มอยู่รวมกันเป็นชุมชนต่างๆ ตามลักษณะการประกอบอาชีพ สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน



บ้านช่างหล่อในปัจจุบัน

     ที่ตั้งของชุมชนบ้านพยาบาลศิริราช ใกล้ท่าเรือพรานนก วังหลัง สามารถข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่สำคัญ มีมหาวิทยาลัย สถานที่ราชการมากมาย ดังนั้นจึงมีคนอพยพมาอยู่ในชุมชนบ้านช่างหล่อเพิ่มขึ้นทุกที บ้านช่างหล่ออยู่ในเขตที่มีการคมนาคมสะดวก พื้นที่มีอยู่จำนวนมาก ถูกนำมาแบ่งขาย หรือให้เช่า หรือ ทำเป็นหอพัก บ้านเรือนจึงเริ่มแออัดมากขึ้น มีผลกระทบถึงโรงหล่อพระพุทธรูป เพราะเมื่ออาชีพเผาหุ่น การหล่อ การเททอง จะมีขี้เถ้า และเปลวไฟจากโรงหล่อตกกระเด็นไปตกในบ้านเรือนผู้อื่น

     ต่อมามีการออกกฎหมายให้พื้นที่บริเวณบ้านช่างหล่อเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ห้ามทำโรงงานอุตสาหกรรม หรือหากทำ ต้องก่อกำแพงให้มิดชิด ซึ่งต้องลงทุนมาก ทำให้โรงหล่อต่างๆในชุมชนบ้านช่างหล่อต้องปิดกิจการ หรือย้ายไปอยู่บริเวณอื่น ปัจจุบันไม่มีโรงหล่อเหลืออยู่ในชุมชนบ้านช่างหล่อเลย
โรงหล่อเดิมจึงเป็นเพียงสำนักงานเพื่อติดต่องาน ปัจจุบันชุมชนบ้านช่างหล่อจึงเหลือแต่เพียงชื่อเท่านั้น



การหล่อพระพุทธรูปมีกรรมวิธี 2 ขั้นตอน คือ การปั้น และการหล่อ

การปั้นและการหล่อพระพุทธรูปเป็นงานที่ต่อเนื่องกัน หากทำด้วยช่างคนเดียวกันจึงจะดี เพราะช่างคนเดียวเป็นผู้เริ่มปั้นหุ่นชั้นใน วาดพระพักตร์ และส่วนต่างๆของพระพุทธรูป ตลอดจนการเทตกแต่งหลังจากการหล่อผลงานที่ปรากฎก็จะสมบูรณ์แบบ


ขอขอบคุณ
ที่มา :
กทม.สาร ปีที่ 15 ฉบับที่ 165 ประจำเดือนมิถุนายน 2551 โดย พิมพ์นรี ศรีเมือง นักประชาสัมพันธ์ 6 เขต บางกอกน้อย




บ้านช่างหล่อ



     ศิลปกรรมคือเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญก้าวหน้าของชุมชนหรือสังคม การหล่อพระพุทธรูปเป็นงานศิลปกรรมแขนงหนึ่งของชาวไทย ซึ่งมีมาตั้งแต่ดั้งเดิมครั้งโบราณ พระพุทธรูปแต่ละสมัยจะมีเอกลักษณ์และความสวยงามที่แตกต่างกันไป

การสร้างพระพุทธรูปเป็นงานที่มีความยากลำบากและสลับซับซ้อน ผู้สร้างต้องมีความสามารถและมีใจรักทางด้านศิลปะ การหล่อพระพุทธรูปได้เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมของชาวไทยสืบมาจนถึงปัจจุบัน ชุมชนหนึ่งในธนบุรีเป็นชุมชนที่สืบทอดศิลปกรรมในการปั้นหล่อพระพุทธรูปให้แก่กรุงธนบุรีและเกาะรัตนโกสินทร์ คือ “ ชุมชนบ้านช่างหล่อ ” ปัจจุบันภายในชุมชนมีบ้านเรือนหนาแน่น มองหาโรงหล่อไม่มีแล้วแต่ยังพอเห็นเค้าเดิมว่าเคยเป็นสถานที่หล่อพระพุทธรูปคือ ที่บ้านเลขที่ 234 ซอยบ้านช่างหล่อ ของคุณกระสวย พึ่งปรีดา มีป้ายติดที่หน้าบ้านว่า จิตตปฏิมา ผู้หล่อพระพุทธโคดมใหญ่ที่สุดในโลก (วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี)

บ้านช่างหล่อในอดีต

     บรรพบุรุษของชาวบ้านช่างหล่อเป็นชาวกรุงศรีอยุธยา มีอาชีพหล่อพระพุทธรูปมาแต่เดิมภายหลังเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า และได้ย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงธนบุรี ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้อพยพตามมาด้วย และได้ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ในละแวกตรอกบ้านช่างหล่อ ( เขตบางกอกน้อย ) และได้ดำเนินอาชีพปั้น และหล่อพระพุทธรูปสืบมา เดิมชาวบ้านช่างหล่อมีอาชีพเดียวกันหมด และเป็นเครือญาติพี่น้องสืบสกุลต่อเนื่องกันมา อาทิ สกุลพวกช่างปั้น ช่างหล่อ ช่างเททอง ช่างขัด ช่างลงรักปิดทอง ช่างติดกระจก ชาวบ้านช่างหล่อมีความสามัคคีกัน เมื่อบ้านใดรับงานใหญ่ๆ มา บ้านอื่นจะมาร่วมงานช่วยกันทำ จนได้ผลงานที่สวยงาม ช่างแต่ละสกุลร่วมงานกันด้วยดีเพราะต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะด้านร่วมกัน

     อาณาเขตของบ้านช่างหล่อมีพื้นที่ไม่มากนัก ทิศเหนือติดกับ ถนนพรานนก ทิศใต้จรดซอยอิสรภาพ 44 ทิศตะวันออกจรดคลองบ้านขมิ้น ทิศตะวันตกจรดตลาดพรานนก แต่เดิมพื้นที่ภายในบ้านช่างหล่อเป็นสวนเป็นส่วนใหญ่ มีเรือนทรงไทยหลังคาหน้าจั่วเป็นย่อมๆ แต่ละบ้านมีบริเวณกว้าง เพราะต้องใช้พื้นที่มากในการปั้นและหล่อพระพุทธรูป พื้นที่ที่เหลือส่วนใหญ่จึงปลูกไม้ผล หรือเป็นสวนผัก พื้นที่ของชุมชนบ้านช่างหล่อมีคลองทะลุถึงกันหมดไปออกแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงวัดระฆัง การสัญจรไปมาใช้ทางเรือ

     ในชุมชนบ้านช่างหล่อเป็นที่รวมของช่างปั้นและหล่อพระพุทธรูปหลายตระกูล เช่น พระเทพรจนา ( สิน ปฏิมากร ) เจ้ากรมช่างสิบหมู่ ช่างเอกในสมัยรัชกาลที่ 3 ต้นตระกูลปฏิมากร ท่านได้สืบทอดงานปั้นหล่อพระพุทธรูปให้แก่บุตรธิดา และตกทอดมาจนถึงรุ่นหลานคือนายพิมาน มูลประมุข ศิลปินแห่งชาติ สาขาประติมากรรม ( ทัศนศิลป์ ) พ.ศ. 2531 ครูสุข อยู่มั่น นายพร้อม บูรณะธน นายเปลื้อง แจ่มใส นายผัน นางมูล ทรัพย์ปกรณ์ นายฟุ้ง อ้นเจริญ

ในการปั้นหล่อพระพุทธรูป ช่างหล่อของชุมชนบ้านช่างหล่อมีผลงานที่มีชื่อเสียงมาก ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ในยุคต่อ ๆ มาช่างของบ้านช่างหล่อยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวิธีการปั้นและหล่อให้ทันสมัย โดยการนำวิธีการใหม่ ๆ มาผสมผสานกับวิธีการเดิมที่เคยทำในบ้านช่างหล่อ

กรรมวิธีในการหล่อพระพุทธรูปแบบเดิมของบ้านช่างหล่อ

     การหล่อพระพุทธรูปมีกรรมวิธี 2 ขั้นตอน คือ การปั้น และการหล่อ การปั้นและการหล่อพระพุทธรูปเป็นงานที่ต่อเนื่องกัน หากทำด้วยช่างคนเดียวกันจึงจะดี เพราะช่างคนเดียวเป็นผู้เริ่มปั้นหุ่นชั้นใน วาดพระพักตร์ และส่วนต่างๆ ของพระพุทธรูป ควบคุมการเททองตลอดจนการเทตกแต่งหลังการหล่อ ผลงานที่ปรากฏจะสมบูรณ์แบบ



ขั้นตอนของการหล่อพระพุทธรูปโดยสังเขปมีดังนี้ คือ

1. การปั้น

การปั้นพระพุทธรูปตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสมบูรณ์พร้อมที่จะหล่อมี ขั้นตอนโดยละเอียด ดังนี้ คือ

1. การปั้นดินแกนหรือดินหุ่น

2. การหุ้มขี้ผึ้ง

3. การใส่ทอย

4. การติดสายชนวนขี้ผึ้ง

5. การทับดินนวล

6. การทับด้วยดินอ่อน

7. การพอกทับด้วยดินแก่

8. การเข้าลวดหรือรัดปลอก

9. การพอกดินแก่ทับอีกชั้นหนึ่ง

10. การทำปากจอบ

2. การหล่อพระ

การหล่อพระพุทธรูปนิยมเรียกว่า “ การเททอง ” ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ คือ

1. การเผาแม่พิมพ์

2. การหลอมทองให้ละลาย

3. การทำนั่งร้าน

4. การเททอง

บ้านช่างหล่อในปัจจุบัน

     ชุมชนบ้านช่างหล่อแต่เดิมทีเป็นเรือกสวน มีบ้านทรงไทยหลังคาหน้าจั่วเป็นหย่อมๆ แต่ละบ้านมีบริเวณกว้าง สำหรับปั้นและหล่อ พระพุทธรูป บ้านแต่ละหลังไม่มีรั้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นเครือญาติสภาพดังกล่าวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อมีการตัดถนนสายต่าง ๆ คูคลอง ที่เคยใช้สัญจรไปมาหมดความสำคัญ

     ที่ตั้งของชุมชนบ้านช่างหล่ออยู่ในทำเลที่ดีใกล้โรงพยาบาลศิริราช ใกล้ท่าเรือพรานนก วังหลัง) ที่สามารถข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปฝั่งท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่สำคัญมีมหาวิทยาลัย สถานที่ราชการมากมาย ดังนั้นจึงมีคนอพยพมาอยู่ในชุมชนบ้านช่างหล่อเพิ่มขึ้นทุกที บ้านช่างหล่ออยู่ในเขตที่มีการคมนาคมสะดวก พื้นที่มีอยู่จำนวนมาก ถูกนำมาแบ่งขาย หรือให้เช่า หรือ ทำเป็นหอพัก บ้านเรือนจึงเริ่มแออัดมากขึ้น เมื่อผู้คนมากขึ้นมีผลกระทบถึง โรงหล่อพระพุทธรูป เพราะเมื่ออาชีพเผาหุ่น

     การหล่อ การเททอง จะมีขี้เถ้าและเปลวไฟจากโรงหล่อกระเด็นไปตกในบ้านเรือนผู้อื่น ต่อมามีการออกกฎหมายให้พื้นที่บริเวณบ้านช่างหล่อเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ห้ามทำโรงงานอุตสาหกรรม หรือหากทำต้องก่อกำแพงให้มิดชิด ซึ่งต้องลงทุนมาก ทำให้โรงหล่อต่าง ๆ ในชุมชนบ้านช่างหล่อต้องปิดกิจการ หรือย้ายไปอยู่บริเวณอื่น ๆ ปัจจุบัน ไม่มีโรงหล่อเหลืออยู่ในชุมชนบ้านช่างหล่อเลย โรงหล่อเดิมจึงเป็นเพียงสำนักงานเพื่อติดต่องาน ปัจจุบันชุมชนบ้านช่างหล่อจึงเหลือแต่เพียงชื่อเท่านั้น

ขอขอบคุณ
ที่มา :
BANGKOKNOI

H O M E



Create Date : 06 กรกฎาคม 2551
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 21:02:56 น. 8 comments
Counter : 10770 Pageviews.

 
ข้อมูล บ้านช่างหล่อ คือ ข้อมูลที่สำคัญมากๆ เพราะต้องใช้ทำรายงานส่งอาจารย์ค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆค่ะ


โดย: puyo IP: 58.9.227.36 วันที่: 17 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:57:46 น.  

 
อยากได้ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษครับทำการบ้านเหมือนกันครับมีไหมครับ


โดย: Di IP: 202.91.19.194 วันที่: 1 กันยายน 2552 เวลา:19:55:12 น.  

 
บ้านช่างหล่อยังมีผู้อนุรักษ์ การหล่อแบบโบราณ เชิงวิชาการ พร้อมสาธิต วิธีการตามขั้นตอนของโบราณ แต่ถูกมองข้าม จากผู้บริหารชุมชน ซึ่งขาดความภูมิใจในอาชีพบรรพบุรุษช่างหล่อ ของเขาเอง ยังไม่สายไปที่จะกอบกู้ ให้ชนรุ่นหลังได้รู้จัก และภูมิใจ ช่างหล่อ และบ้านช่างหล่อมากขึ้น ช่วยกันอนุรักษ์.....tox26@windowslive.com


โดย: ศักดิ์ IP: 58.64.55.200 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:08:57 น.  

 
ดีจัยมากที่มีชุมชนนี้ให้หนูทามรายงาน


โดย: นิก IP: 61.90.77.182 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:16:09:17 น.  

 
พี่หมูสบายดีหรือเปล่าค่ะภรรยากับลูกคิดถึง


โดย: คนรักจริง IP: 124.121.141.118 วันที่: 28 มิถุนายน 2555 เวลา:14:06:05 น.  

 
พี่หมูสบายดีหรือเปล่าค่ะภรรยากับลูกคิดถึง


โดย: คนรักจริง IP: 124.121.141.118 วันที่: 28 มิถุนายน 2555 เวลา:14:07:04 น.  

 
พี่หมูสบายดีหรือเปล่าค่ะภรรยากับลูกคิดถึง


โดย: คนรักจริง IP: 124.121.141.118 วันที่: 28 มิถุนายน 2555 เวลา:14:07:24 น.  

 
น่าเศร้าและเสียดายมากที่ย่านบ้านช่างหล่อไม่เหลือโรงหล่อเลย ไม่สมกับต.บ้านช่างหล่อเลยครับ


โดย: เอนก IP: 101.108.143.159 วันที่: 5 ตุลาคม 2559 เวลา:23:20:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.