Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
19 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ท่อง 3 ตลาดเก่ากลางกรุง อดีตที่ยังมีลมหายใจ

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง



     หนึ่งในปัจจัยสี่ที่เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดฉันว่าก็คือเรื่อง "อาหาร" คนเราหากเกิดอาการหิวขึ้นมาเมื่อไร เรื่องอื่นก็ต้องพักไว้ ต้องหาอะไรใส่ปากใส่ท้องให้อิ่มเสียก่อนถึงจะทำการงานอย่างอื่นต่อไปได้ และหากไม่มีอาหารตกถึงท้องเกิน 7 วันก็เตรียมม่องเท่งได้เลย เรื่องอาหารการกินจึงเป็นเรื่องแรกๆที่คนให้ความสำคัญ

     ท้องหิวขึ้นมาเมื่อไรสถานที่แรกๆที่ฉันคิดถึงเป็นที่แรกก็ต้องเป็น "ตลาด" ซึ่งเป็นแหล่งรวมของอาหารสดแห้งและขนมของกินอร่อยๆหลายชนิด แหม...พูดขึ้นมาแล้วก็ท้องก็ร้องจ๊อกๆ ทันทีเลยเชียว เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า ไปเป็นพระยาน้อยชมตลาดด้วยกันดีกว่า เดี๋ยวฉันจะพาไปชมตลาดที่น่าสนใจ 3 แห่งด้วยกัน ซึ่งถือเป็นตลาดเก่าในกรุงเทพฯ แต่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป ที่แน่ๆ ของกินเพียบเหมือนกัน


     เริ่มชมตลาดกันที่ "ตลาดวัดทอง" หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "ตลาดสุวรรณาราม" อยู่หลังสำนักงานเขตบางกอกน้อยใกล้กับวัดสุวรรณาราม ตลาดแห่งนี้มีอายุกว่าร้อยปีเลยทีเดียว และยังเป็นศูนย์กลางการค้าขายของชุมชนบ้านบุ ชุมชนใกล้กับวัดสุวรรณารามมาเป็นเวลานานแล้วด้วย แต่เดิมตัวตลาดตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อย แต่ต่อมาในปีพ.ศ.2467 ก็มีการย้ายพื้นที่มาตั้งอยู่ในบริเวณที่เห็นอย่างในปัจจุบัน

     ภายในตลาดวัดทองก็มีพ่อค้าแม่ขายขายของทั่วๆไปอย่างผักสดผลไม้สด เนื้อสัตว์ต่างๆ แถมยังมีขนมและอาหารสำเร็จรูปให้เลือกซื้อกัน แม้อาหารอาจจะดูธรรมดา แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาต้องดูที่รูปแบบสถาปัตยกรรมของตัวตลาดที่สร้างด้วยไม้ เป็นอาคารโถงขนาดใหญ่ มีเพียงเสารอบและโครงหลังคาไม้รองรับน้ำหนัก โดยที่ไม่ต้องอาศัยคานและเสากลาง บางคนจึงเรียกตลาดแห่งนี้อีกชื่อหนึ่งว่า "ตลาดไร้คาน"


     ฉันลองเงยหน้าแหงนมองโครงหลังคาของตลาดก็พบว่าไร้คานจริงๆด้วย มีเพียงขื่อทรงโค้งวางขวางตัวอาคารจากหัวเสาด้านหนึ่งไปยึดกับหัวเสาอีกด้าน หนึ่ง ซึ่งขื่อที่เห็นนี้เกิดจากการนำไม้ท่อนสั้นๆมาประกอบกันด้วยหมุดเหล็ก มองเห็นเป็นแถวโค้งไปตลอดความยาวของตัวตลาด ซึ่งการที่ไม่มีคานและเสากลางนี้ก็ทำให้ภายในตลาดดูโล่งโปร่งและดูมีพื้นที่ กว้างขวางขึ้นกว่าเดิม อันนี้ต้องนับถือฝีมือคนสร้างจริงๆ

     หากได้ไปชมตลาดแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะไปเยือนวัดสุวรรณาราม เข้าไปกราบหลวงพ่อศาสดา พระประธานสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย และชมจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถที่ถือว่าสมบูรณ์ที่สุดในยุคต้นรัตน โกสินทร์ และต้องไปชมวิถีชีวิตของชาวชุมชนบ้านบุ ชุมชนเก่าแก่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ที่มีการสืบทอดอาชีพการทำขันลงหินมาจาก สมัยอยุธยามาจนปัจจุบัน จะขอชมกรรมวิธีการผลิตหรือจะซื้อขันลงหินกลับบ้านไปด้วยก็ได้


     ตลาดเก่าแห่งที่สอง ไปดูกันที่ "ตลาดนางเลิ้ง" ตลาดเก่าแก่อายุร้อยกว่าปีอีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยเปิดเป็นตลาดให้ชาวบ้านจับจ่ายซื้อของกันตั้งแต่ปี พ.ศ.2442

     ภายในตลาดนางเลิ้งนอกจากจะเป็นตลาดสดขายอาหารสดต่างๆแล้ว ก็ยังมีร้านอาหารและขนมของกินสารพัดเปิดขายในรูปแบบของโรงอาหารอีกด้วย ซึ่งร้านอาหารขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อยและความเก่าแก่ของนางเลิ้งก็มี อยู่หลายร้านด้วยกัน ทั้งบะหมี่เกี๊ยว ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ขนมเบื้องและขนมไทยชนิดต่างๆ เรียกว่าถ้ามาที่ตลาดนางเลิ้งแล้วไม่มีหิวหรือท้องว่างกลับไปเด็ดขาด

     นอกจากในเรื่องของกินที่โดดเด่นแล้ว เสน่ห์ของตลาดนางเลิ้งอีกอย่างหนึ่งก็อยู่ที่ตึกแถวเก่าแก่ที่เป็นอาคารของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงไม่มีการสร้างต่อเติมให้ผิดแผกไป แถมในตอนนี้ตึกแถวเหล่านั้นยังถูกทาด้วยสีโอลด์โรสสดใสเป็นแบบเดียวกันหมด สร้างความสวยงามให้กับย่านนางเลิ้งได้มากเลยทีเดียว


     สิ่งที่น่าสนใจหากได้มาเยือนที่ตลาดนางเลิ้งแล้วไม่ควรพลาดก็คือ "ศาลเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์" ที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาด เป็นที่เคารพกราบไหว้ของชาวตลาดที่นั่น เหตุที่มีศาลของพระองค์อยู่ก็เนื่องจากในที่ดินบริเวณชุนชมริมคลองผดุงกรุง เกษมใกล้กับบริเวณที่เป็นย่านค้าขายตุ่มนางเลิ้ง เป็นที่ตั้งของ "วังนางเลิ้ง" วังของพระองค์ แต่ปัจจุบันพื้นที่ตั้งของวังนี้ได้ใช้เป็นสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพณิชยการพระนคร

     อีกทั้งยังมีโรงหนังเก่าแก่อย่าง "โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมธานี" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "โรงหนังนางเลิ้ง" เป็นอาคารไม้สองชั้นอายุเกือบๆร้อยปีแล้วเช่นกัน แต่ในวันนี้ที่ไม่มีการฉายหนังอีกต่อไป โรงหนังจึงกลายเป็นโกดังเก็บของเท่านั้น


     มากันที่ตลาดเก่าแห่งสุดท้าย "ตลาดเก่าเยาวราช" ที่อาตี๋อาหมวยอาม่าอาอึ้มต้องรู้จักกันดี เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่ชาวเยาวราชไปจับจ่ายหาซื้อสินค้ากันมานาน ตลาดเก่านี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ริมถนนเยาวราชทางฝั่งสำเพ็ง หรือบริเวณซอยมังกรไปจนถึงถนนเยาวพานิช ที่ตลาดนี้จะขายสินค้าประเภทอาหารทะเล อย่างปลาสดๆ ปูเป็นๆ รวมไปถึงของแห้งอย่างปลาเค็ม นอกจากนั้นก็ยังมีพวกอาหารแห้งที่นำเข้าจากประเทศจีน เช่น กระเพาะปลาแห้ง เม็ดบัว เครื่องยาจีนต่างๆ โดยเมื่อก่อนนี้ตลาดเก่าจะเปิดขายเกือบทั้งวัน แต่ในปัจจุบันช่วงเที่ยงๆตลาดก็จะวายแล้ว

     ในบริเวณตลาดเก่านี้ยังมีศาลเจ้าแห่งสำคัญคือ "ศาลเจ้าพ่อกวนอู" ศาลเจ้าเก่าแก่เกือบร้อยปี ภายในประดิษฐานองค์เทพเจ้ากวนอูและยังมีเจ้าพ่อแส้ม้าซึ่งเป็นที่เคารพของคน ในย่านนั้นมานาน ส่วนมากคนจะไปขอพรในเรื่องเกี่ยวกับบริวารหรือลูกน้องให้เชื่อฟังอยู่ใน โอวาท

     เมื่อมีตลาดเก่าแล้วก็ต้องมี "ตลาดใหม่" ซึ่งก็มีความเก่าไม่แพ้กัน (เอ๊ะ...ยังไง) ตลาดใหม่ที่ว่านี้ตั้งอยู่ระหว่างถนนเจริญกรุงกับถนนเยาวราช หรือในตรอกอิสรานุภาพ ตลาดนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เช่นกัน แต่สร้างทีหลังตลาดเก่า คนส่วนใหญ่จะเรียกตลาดใหม่นี้อีกชื่อหนึ่งว่า "ตลาดเล่งบ๊วยเอี้ย" เพราะมีศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี้ยะ ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในเยาวราชอยู่ในบริเวณตลาดด้วย


     ข้าวของในตลาดใหม่นี้ก็คล้ายกับตลาดเก่า คือมีของแห้งนำเข้าจากประเทศจีน แต่จะพิเศษกว่าตรงที่มีร้านอาหารให้เลือกกินมากมายหลายร้านไม่ว่าจะเป็นร้าน ติ่มซำ บะหมี่เป็ด หมูกรอบ ฯลฯ และที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของร้านเครื่องเทศชื่อดังอย่างร้านง่วงสูน ที่ทุกคนรู้จักกันดี

ในช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลกินเจ ทั้งตลาดเก่าและตลาดใหม่นี้ก็จะเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายหาซื้อของสด ของแห้งไว้ทำอาหารจนตลาดแน่นแทบไม่มีที่เดินกันเลยทีเดียว

     เดินตลาดเก่ามา 3 ตลาดแล้วรู้สึกว่าท้องยังพอมีที่ว่างเหลือ เพราะฉะนั้นอาทิตย์หน้าเราไปเดินตลาดกันต่อ แต่เปลี่ยนบรรยากาศเป็นตลาดใหม่ไฮโซกว่าเดิมบ้างดีกว่า




"ตลาดวัดทอง" ตั้งอยู่หลังสำนักงานเขตบางกอกน้อย ใกล้กับวัดสุวรรณาราม มีรถประจำทางสาย 40, 42, 57, 68, 79, 80, 108, 146 ผ่านบริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 32 ต้องเดินเท้าเข้ามาอีกประมาณ 500 เมตรเข้ามาถึงวัด และสามารถเดินต่อมายังตัวตลาดได้

"ตลาดนางเลิ้ง" ตั้งอยู่ที่ ถนนนครสวรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย มีรถประจำทางสาย 2, 5, 8, 10 ผ่าน

"ตลาดเก่าเยาวราช" ตั้งอยู่ในซอยมังกร ริมถนนเยาวราช ส่วน "ตลาดใหม่" ตั้งอยู่ในตรอกอิสรานุภาพ ระหว่างถนนเจริญกรุงและถนนเยาวราช มีรถประจำทางสาย 1, 4, 7, 25, 35, 40, 53, 73, 507 ผ่าน

สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ผู้จัดการออนไลน์ 18 พฤศจิกายน 2551

H O M E



Create Date : 19 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2551 23:09:04 น. 0 comments
Counter : 2659 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.