Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

กรุงเทพเมืองน่าอยู่จริงหรือ??


     เรื่องราวความเลวร้ายต่างๆ ที่เป็นเรื่องการสร้างภาพหลอกลวงของผู้บริหารจากฝ่ายข้าราชการประจำที่บริหาร กทม.แก่นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทุกยุคทุกสมัย โดยอาศัยความไม่รู้ การมึนๆงงๆต่อปัญหาภายนอกที่รุมเร้าจนไม่มีโอกาสหันมามองดูการบริหารภายในกทม. คนภายนอก ความปลิ้นปล้อนหลอกลวง ฟอนเฟะ หมักหมม การเล่นพรรคเล่นพวก การข่มเหงรังแก ผู้ที่ไม่ใช่คนภายในของตน ซุกซ่อนอยู่ภายใน กทม. มีอยู่มากมาย

ภายนอกดูเสมือนไม่แตกต่างกันกับผู้ดี นักบริหารที่ีเอาใจใส่ประชาชน ขยัน โดยที่ประชาชนยังไม่รู้ หรือ ไม่ได้สนใจ

ดูได้จากปัญหาต่างๆที่เป็นนโยบายหลักๆ นโยบายสำคัญๆ อันเป็นปัญหาพื้นฐานของกทม.ที่จะทำให้ กทม.น่าอยู่ ไม่สำเร็จสักเรื่องเดียว เช่นปัญหาเรื่องสุนัขจรจัด ปัญหาหาบเร่แผงลอย ปัญหาขยะตามที่ว่างริมทางต่างๆ ปัญหาวัชพืชลอยในคลองต่างๆทั่วกทม. และในลำน้ำเจ้าพระยา

ปัญหาชุมชนแออัด ปัญหาการจราจรของประชาชนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตามถนนหนทาง ตามตรอก ซอยทั้งที่เป็นซอยเอกชน หรือซอยสาธารณะ ปัญหาคอรัปชั่น เรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ปัญหาเรื่องการลดปริมาณขยะที่เคยประกาศปาวๆ เดี๋ยวนี้เงียบหายไปไหน

เหล่านี้ และอีกมากมาย ที่ยังไม่รวมปัญหาเรื่องน้ำท่วมน้ำขัง ที่อยู่ชั่วนาตาปี ในกทม.ปัญหาเรื่องการคอรัปชั่น ของตั้งแต่หัวยันหาง โดยผู้บริหารทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้ไม่ชี้ (ไม่มีหลักฐานปรากฏ) แต่เมื่อมีการร้องเรียนหรือมีการกลั่นแกล้งร้องเรียน ก็โยนความผิดไปให้เจ้าหน้าที่ อย่างกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้ผิดแผกแตกต่างกัน

เพียงแต่ว่า ที่กทม.เป็นเสมือนเมืองลับแล ที่เขาทำกันอย่างเหนียวแน่น ถามว่าทำไมนักการเมืองที่เข้ามาบริหารกทม.ถึงไม่เคยมียุคใดสมัยใด สามารถเข้ามาจัดการแก้ไขสิ่งเหล่านี้ได้เลย เสมือนหนึ่งไม่รู้ไม่เห็น ?

     คำตอบ..ว่างๆ ในช่วงวันปีใหม่ หรือวันเกิดของผู้บริหาร ท่านลองเข้าไปแวะดูที่หน้าห้องผู้ว่าฯ ปลัด กทม. และรองต่างๆ ดูเอาเองเถิด ของขวัญ ของฝากเพียบ ไม่ต้องพูดถึงราคาค่างวด รับรองว่าเกินกว่า 4 พันแน่นอน

ถามว่า เมื่อเป็นแบบนี้ ผู้ว่าฯ และผู้บริหารต่างๆที่เข้ามาบริหารกทม.จะไม่ลืม หรือแกล้งลืมสัญญาที่เคยประกาศต่อสาธารณะชน ประกาศหาเสียงกับประชาชนหรือพี่น้องชาวกทม.ที่ยังคงหัวปักหัวปำ กับปัญหารถติด ทางเท้าสกปรก เกะกะกีดขวาง รกรุงรังด้วยหาบเร่แผงลอย ตามตรอก ซอย ชุมชน หมู่บ้านต่างๆทั่วทั้งกทม. จะเต็มไปด้วยสุนัข เห่าหอนเสียงอื้ออึง ยามราตรี ที่แสนจะหนวกหู น่ารำคาญ ส่วนช่วงเช้า ช่วงเย็น ก็คอยไล่เห่าไล่กัด คนที่กำลังวิ่งออกกำลังกาย ขี่จักรยานที่ผ่านไปมา ตามนโยบายของ กทม. มิหนำซ้ำยังคุ้ยเขี่ยขยะที่ฃาวบ้านบรรจงทิ้งอย่างดีในถังขยะหน้าบ้าน ริมถนน แม้แต่ริมทางก็เต็มไปด้วย ขยะ เศษวัสดุ ก่อสร้างที่มีการลักลอบทิ้ง เกลื่อนกลาดไปหมด แทรกสอดด้วยเสียงจากรถขายของเคลื่อนที่ วิ่งโฆษณา ขายของแข่งกันส่งเสียงดังกันทั้งวัน ตามตรอก ซอย หมู่บ้าน อย่างอิสระเสรีเหนืออื่นใด

     นี่คือกรุงเทพฯ คือเมืองสวรรค์ น่าอยู่จริงๆ ท่านผู้ว่าฯ เมื่อไรจะแอบเสด็จจากหอคอยงาช้างที่แวดล้อมด้วยข้าราชการขี้เหม็นที่รายงานเท็จทูลพร้อมกับของฝากกำนัลที่มีราคาเกินกว่า 4 พัน (แน่อยู่แล้ว)

(www.sanamluang.bloggang.com)




การเมือง"กะล่อน"ในกทม. เลยมีแต่"ซ่อง"ไม่มีพิพิธภัณฑ์

คอลัมน์ สยามประเทศไทย

โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ


*"ใน กทม. มีพิพิธภัณฑ์เด็ก ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นความคิดริเริ่มของเอกชน กทม. ใช้วิธีจ้างเหมาบริษัทเอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งบริษัทนั้นก็ทำได้ดีตลอดมา แต่ประสบการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก กทม."

อาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนข้อความที่ยกมานี้ในมติชน บทความเรื่องเทศบาลเมืองยะลา (วันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2552 หน้า 6) เพื่อยกย่องเทศบาลเมืองยะลาที่บริหารจัดการงานวัฒนธรรมให้ชุมชนชาวเมืองยะลาในเขตเทศบาลได้ดีจนสมควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ แล้วย้ำเรื่องพิพิธภัณฑ์เด็กของ กทม.ต่อไปอีกว่า

"ไม่ว่าพิพิธภัณฑ์เด็ก กทม.จะมีคุณภาพอย่างไร ก็ไม่เกี่ยวกับ กทม.มากไปกว่าชื่อและเครื่องมือหาเสียงของนักการเมืองที่แข่งขันกันชิงตำแหน่งที่มีอำนาจบริหารเงินงบประมาณเป็นพันๆ ล้านเท่านั้น"

     นักการเมืองของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกเข้ามาบริหาร กทม. เมื่อสมัยที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ นอกจากจะใช้พิพิธภัณฑ์เด็กเป็นเครื่องมือหาเสียงด้วยวิธีน่ารังเกียจคือ กะล่อน, หลอกล่อ, ดีแต่พูด good but mouth แต่ไม่ทำอะไร รับปากพล่อยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย แล้วยังใช้โครงการอื่นๆเป็นเครื่องมืออีก เช่น ห้องสมุดประชาชน, กรุงเทพฯศึกษา, พิพิธภัณฑ์กรุงเทพฯ, ฯลฯ แต่ไม่ได้ทำประวัติศาสตร์ท้องถิ่นกรุงเทพฯตามที่โฆษณาไว้ เนื่องเพราะงานประเภทนี้หาเปอร์เซ็นต์ใต้โต๊ะจากบริษัทออแกไนเซอร์ลำบาก เพราะไม่ใช่งานอีเวนต์ที่ละลายเงินงบประมาณคราวละหลายสิบล้าน เช่น ปลูกเรือนไทยบ้าๆ บอๆ ในสวนสราญรมย์ให้รกสวน แล้วใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ ฯลฯ โชคดีที่ข้าราชการผู้ใหญ่กล้าหาญ ตัดสินใจยกเลิกบริษัทออแกไนเซอร์ทำงานสมโภชเสาชิงช้า มิฉะนั้นคงวอดอีกหลายล้าน


*รูรั่วขนาดใหญ่ใน กทม. มีประจักษ์พยานอีกมาก ดังที่มีผู้รวบรวมรายการโกงใน กทม.ไว้ในบทความเรื่อง "ปราบโกง" กทม. !!! พิสูจน์น้ำยา---สุขุมพันธุ์ โดย ราม ปั้นสนธิ (ไทยโพสต์ ฉบับวันอังคารที่ 13 มกราคม 2552 หน้า 2) สรุปว่า ตามธรรมเนียมของ กทม. โครงการต่างๆต้องมีจัดซื้อ จัดจ้าง ด้วยกลวิธีเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้อง แล้วยังมีกินตามน้ำในรูปแบบจ่ายเงินใต้โต๊ะ และค่าน้ำร้อนน้ำชาเพื่อให้ได้งานอันเป็นที่รู้กันทั้งโลก

ถ้าเทียบผู้บริหาร กทม.กับเทศบาลเมืองยะลาที่อาจารย์นิธิเขียนไว้ จะเห็นว่ามีแนวทางต่างกันไกลมาก เริ่มจากเทศบาลเมืองยะลาจัดวงฟีลฮาร์โมนิคขนาดใหญ่ของเยาวชน แสดงให้ประชาชนรื่นรมย์ แล้วยังสร้างห้องสมุดเยาวชนที่มีแนวทางถูกต้องอีกต่างหาก

     กทม. เป็นหน่วยงานท้องถิ่นแห่งแรกที่จัดตั้งวงออเคสตรากับวงดนตรีไทย ตั้งแต่สมัยคุณชำนาญ ยุวบูรณ์ (สวนสามพราน) เป็นนายกเทศมนตรี หลายสิบปีมาแล้ว ตามแบบวงฟีลฮาร์โมนิคของเทศบาลในประเทศทางยุโรปและอเมริกา แต่นักการเมืองที่ช่วงชิงอำนาจบริหารงบฯหมื่นๆ ล้านของ กทม. ไม่เคยสนใจเรื่องอย่างนี้ เลยไม่มีวงฟีลฮาร์โมนิคเหมือนเทศบาลเมืองยะลา เพราะไม่มีส่วนเกินใต้โต๊ะ รวมทั้งไม่อัจฉริยะ

ทุนนิยมตะกละตะกลามของบางพรรคการเมือง ก็อีหรอบเดียวกับทุนนิยมสามานย์ของอีกบางกลุ่มการเมืองที่แล้วมา ที่โหยหาแต่กำไรที่ได้จากการเอาเปรียบคนอื่น เบียดเบียนคนอื่น ด้วยการบังคับให้คนกรุงเทพฯต้องจำทนเข้าห้างสรรพสินค้า เพราะผู้บริหาร กทม. ในทุนนิยมตะกละตะกลามไม่เคยลงมือทำพิพิธภัณฑ์, มิวสิคฮอลล์, ห้องสมุดมีชีวิต, ฯลฯ กลับทุ่มเทให้เสน่ห์กรุงเทพฯ ที่มีเซ็กซ์และซ่อง สำคัญกว่าหอศิลป์วัฒนธรรมกรุงเทพฯ

ผมชอบและเคารพความคิดเริ่มแรกของวังสวนผักกาด ที่ถนนศรีอยุธยา ใน กทม. กับชอบวังตะไคร้ ที่นครนายก แต่ไม่เชื่อว่า กทม.จะมีพิพิธภัณฑ์กรุงเทพฯ และสวนสาธารณะ อันเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างรื่นรมย์ เหมือนวังสวนผักกาดและวังตะไคร้แม้สักเท่ากระผีกริ้น

เหตุที่ไม่เชื่อก็เพราะเข็ดหลาบจับจิตกับความกะล่อนหน้าซื่อตาใสของนักการเมืองบางพวกในพรรคนี้


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552 หน้า 20


สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E




 

Create Date : 09 มกราคม 2553
1 comments
Last Update : 9 มกราคม 2553 12:04:20 น.
Counter : 2124 Pageviews.

 

ใครๆก็อยากเห็นพิพิธภัณฑ์ใหญ่โตใน กทม. มีคนแย่งกันเข้าคิวเพื่อชมพิพิธภัณฑ์ เราคงเคยชินกับการอบรมอย่างตะวันตก และคิดฝันว่าจะมีอย่างเขา ลืมไปว่าชาติพันธุ์มีความเป็นมาแตกต่างกัน ดูอย่างปัจจุบันมีใครบ้างอยากไปพิพิธภัณฑ์ อีกอย่างประเทศเราไม่ใช่ประเทศล่าอาณานิคม ข้าวของจะให้ชมก็มีไม่มากนัก

ผมคิดว่าเราน่าจะภูมิใจที่เรามีพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตมากมายใน กทม. อย่างชุมชนเก่าแก่ต่างๆ แม้แต่"ตลาดคลองถม" ผมก็ถือว่าเป็นของล้ำค่าเทียบเท่าพิพิธภัณฑ์ที่พวกนักวิชาการชอบยกย่องกัน

 

โดย: Insignia_Museum 9 มกราคม 2553 19:25:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.