Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
ย้อนรอยอดีตของอาคารไปรษณีย์กลาง




รับเสียงวิจารณ์กัน "ขรม" ไปทั่วเมือง แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเดินหน้าต่อหรือถอยหลังกับการนำอาคารไปรษณีย์กลางบางรัก ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ "รัชกาลที่ 7" มาดัดแปลงเป็นโรงแรมเพื่อหารายได้ให้กับไปรษณีย์ไทย วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ ขอพาไปซึมซับความเก่าแก่และเสน่ห์ด้วยการย้อนรอยอดีตของอาคารไปรษณีย์กลางกันแบบเต็มอิ่ม...



การไปรษณีย์ในประเทศไทยได้เริ่มจัดให้มีขึ้นโดยกงสุลอังกฤษที่ทำการแห่งแรกได้ตั้งขึ้น ณ สถานกงสุลอังกฤษ ตำบลบางรัก จังหวัดพระนคร จนกระทั่งพ.ศ. 2424 รัฐบาลไทยเห็นเป็นการจำเป็นที่จะต้องเข้าควบคุม จึงเริ่มดำริเป็นขั้นเตรียมการตั้งแต่ปีนั้น จนถึงวันที่ 4 ส.ค. 2426 จึงได้เปิดที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขในพระนคร อันเป็นของรัฐบาลไทยขึ้นเป็นปฐมฤกษ์ โดยใช้อาคารซึ่งตั้งอยู่ริมลำน้ำเจ้าพระยาตอนปากคลองโอ่งอ่างเป็นสถานที่บัญชาการ



ต่อมาพ.ศ. 2428 จึงได้ขยายกิจการไปรษณีย์โทรเลขไปถึงตามหัวเมือง จนกล่าวได้ว่าการสื่อสารภายในประเทศดำเนินไปด้วยดี จนถึง พ.ศ. 2430 รัฐบาลไทยได้มีโอกาสเข้าสัญญาสากลไปรษณีย์โทรเลขขยายการติดต่อกับนานาประเทศทั่วไป

การไปรษณีย์โทรเลข มีความมั่นคงและเจริญขึ้นโดยลำดับ จนถึง พ.ศ. 2470 ซึ่งคิดเวลาตั้งแต่เริ่มงานไปรษณีย์โทรเลขมาได้ 44 ปี รู้สึกว่าสถานที่ทำงานที่ปากคลองโอ่งอ่างไม่เหมาะสม จึงได้หาทางเจรจาเพื่อทำสถานที่ทำการใหม่ ในที่สุดก็ตกลงได้สถานที่ที่สถานทูตอังกฤษเดิมคือที่บางรัก โดยสถานทูตอังกฤษย้ายไปอยู่ที่เพลินจิต เป็นอันว่ากรมไปรษณีย์โทรเลขได้ย้ายมาอยู่ ณ แหล่งกำเนิดเดิมนั่นเอง ในเวลาต่อมา รัฐบาลเล็งเห็นว่า สถานทูตอังกฤษเดิม ไม่ได้สร้างขึ้นสำหรับเป็นที่ทำการ จึงไม่เหมาะสมทั้งทางอนามัยและความสะดวกในการปฏิบัติงานอันเป็นสาธารณูปโภค



เมื่อเป็นเช่นนี้ โครงการสร้างตึกที่ทำการกรมไปรษณีย์โทรเลขใหม่จึงได้เริ่มดำริขึ้นเป็นครั้งแรก โดยพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม เมื่อ พ.ศ. 2471 แต่ไม่บรรลุเป็นผลสำเร็จบังเอิญรัฐบาลต้องกระทบกระเทือนทางเศรษฐกิจจึงเป็น อันระงับไป จนถึง พ.ศ. 2477 ในสมัยที่หลวงโกวิทอภัยวงศ์ รัฐมนตรีดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข ก็ได้รื้อฟื้นโครงการสร้างตึกที่ทำการกรมไปรษณีย์โทรเลขขึ้นพิจารณาอีกเป็นคำรบที่สาม และได้รายงานขออนุมัติให้กระทรวงเศรษฐการตั้งกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง ให้มีหน้าที่เร่งรัดและพิจารณาโครงการสร้างตึกที่ทำการกรมไปรษณีย์โทรเลขให้สำเร็จลงโดยรวดเร็วอย่างจริงจัง

เมื่อคณะกรรมการได้ตกลงในเรื่อง แบบแผนผังตลอดจนรายละเอียดต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้เลือกพระสาโรชรัตนนิมมานก์ หัวหน้ากองสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร เป็นสถาปนิก และพระสาโรชรัตนนิมมานก์ เลือกนายหมิว อภัยวงศ์ เป็นผู้ช่วยสถาปนิก กับเลือกนายเอ็ช เฮอรมัน เป็นวิศวกร เริ่มงานก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2478 แล้วเสร็จส่งงานเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2481 รวมเป็นเวลาก่อสร้าง 3 ปี 5 เดือนเศษ



กรมศิลปากร ได้มีหนังสือที่ วธ.0407/1480 ลงวันที่ 9 เม.ย. 2547 แจ้งว่าปัจจุบันอาคาร ปณก. ถือเป็นโบราณสถาน ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535) แต่กรมศิลปากรยังมิได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน

ตัวอาคารเป็นรูปตัว ที (T) สูง 4 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้น ส่วนหน้ากว้าง 103.80 เมตร ลึก 38.52 เมตร ส่วนหลัง กว้าง 22 เมตร ลึก 96 เมตร ตัวอาคารด้านหน้ามีการแบ่งความยาวออกเป็น 5 ส่วน โดยเน้นความสำคัญของตำแหน่งศูนย์กลาง โดยให้มุขหน้าบริเวณกึ่งกลางของอาคารมีขนาดใหญ่ที่สุดและมีการประดับด้วยปูนปั้นรูปครุฑ ที่บริเวณมุมหน้าทั้ง 2 ด้านของมุขหน้า ซึ่งเป็นเครื่องประดับอาคาร ที่ได้รับความนิยมในงานสถาปัตยกรรมในยุคนั้นก่อสร้างแล้วเสร็จและทำพิธีเปิด เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2483 ปัจจุบันมีอายุการใช้งานประมาณ 70 ปี



เป็นอาคารแบบสากลสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น (Modern Architecture) ตามแนวทางของศิลปะในยุค Neo-Classicism ผสม Functionalism เน้นการออกแบบที่มีความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา ลดทอนการประดับประดา โดยใช้เส้นตรงและระนาบเข้ามาประกอบ



ประติมากรผู้ออกแบบปูนปั้นประดับอาคาร ปณก. คือ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ศิลปินผู้บุกเบิกงานประติมากรรมแบบสากลในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 8 ซึ่งมีคติการออกแบบสถาปัตยกรรมยุคนั้นจะต้องมีรูปปูนปั้นประกอบเสมอ เช่น ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สนามกีฬาแห่งชาติ



รูปปูนปั้น ที่อาคารไปรษณีย์กลาง แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 คือ ครุฑ ประดับที่มุมอาคารด้านหน้าทั้งสองข้างขนาดสูงกว่า 2 เท่าของคนจริง






การใช้อาคาร

ในยุคแรก ชั้นล่างส่วนหน้าเป็นที่รับฝากไปรษณีย์และโทรเลข ส่วนหลังเป็นที่ทำการคัดแยก ปิดถุงไปรษณีย์ส่งต่อแลกเปลี่ยนทั้งในและต่างประเทศชั้น 2 ด้านหลังเป็นห้องปฏิบัติการโทรเลข ชั้นอื่นๆ ใช้เป็นหน่วยงานของกรมไปรษณีย์โทรเลข

ห้องโถงประชาชน นอกจากจะใช้ในการรับฝากไปรษณียภัณฑ์ในสมัยก่อน จะมีการใช้ห้องโถง ปณก. สำหรับจัดงานสัปดาห์การเขียนจดหมาย โดยจัดนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์ให้ประชาชนเข้าชม แต่ในภายหลังได้ย้ายไปจัดสถานที่อื่นๆ แทนเนื่องจากสถานที่ไม่เพียงพอ



จอมพลสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงมีคุณูปการกับการไปรษณีย์ไทยอย่างล้นเหลือ จึงได้มีการสร้างพระอนุสาวรีย์เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ ณ บริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์กลาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกรมไปรษณีย์โทรเลขเดิม โดยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เคยสังกัดกรมไปรษณีย์โทรเลข คือ ธนาคารออมสิน องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย และการสื่อสารแห่งประเทศไทย โดยกรมไปรษณีย์โทรเลข ได้ขอให้กรมศิลปากรเป็นผู้ออกแบบพระอนุสาวรีย์



การออกแบบเป็นท่าประทับนั่งใกล้โต๊ะกลมมีหนังสือวางอยู่บนโต๊ะ เนื่องจากทรงโปรดหนังสือและตำราต่างๆ โดยออกแบบให้พระรูปจำลองอยู่บนเนินสูงเพื่อความสง่างาม สอดคล้องกับจารีตธรรมเนียมของคนไทย ที่มักจะเทิดทูนสิ่งที่เคารพไว้ในที่สูง รอบเนินมีต้นไม้เป็นส่วนประกอบ ขนาดพระรูปใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย

งบประมาณค่าก่อสร้าง กำหนดไว้ 600,000 บาท เป็นค่าจัดทำองค์พระอนุสาวรีย์ 360,000 บาท ระยะเวลาก่อสร้าง 24 เดือน โดยมีคำจารึกพระนามที่แท่นฐานพระอนุสาวรีย์ "สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช" อธิบดีผู้สำเร็จราชการกรมไปรษณีย์โทรเลขพระองค์แรก พ.ศ.2426 – 2433"



พิธีเปิดพระอนุสาวรีย์ มีขึ้นในวันที่ 4 ส.ค. 2526 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 100 ปีการไปรษณีย์ไทย โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นผู้แทนพระองค์ ทรงเปิดพระอนุสาวรีย์

เกร็ดไปรษณีย์กลาง บางรัก

"มีผู้ถามนายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรี ในการแสดงปาฐกถา เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2506 ว่า ในสมัยที่มีการ "คอรัปชัน" การก่อสร้าง ที่เรียกกันล้อๆ ว่า "กินหินกินปูน" คือ ขณะที่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏว่ากรุงเทพฯ โดนทิ้งระเบิดสถานที่สำคัญหลายแห่ง แต่กรมไปรษณีย์โทรเลข ที่เรียกกันว่า ไปรษณีย์กลาง ซึ่งเป็นตึกใหญ่โตสูงตระหง่านที่สุดในย่านสุรวงศ์สี่พระยานั้นฝ่ายสัมพันธ มิตรจงใจทิ้งระเบิดลงมาหลายครั้ง แต่ไม่ถูกเลย พลาดไปบ้าง ระเบิดด้านบ้าง ลูกหนึ่งตกลงไปฝังด้านหน้าก็ปรากฏว่าด้านไม่ระเบิด ถึงบางคนเล่าลือว่ามีคนเห็นครุฑ 2 ตัวหน้าตึกบินขึ้นไปปัดระเบิด จึงมีผู้ไปถามนายควง อภัยวงศ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างขึ้น (สมัยเป็นอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข ปี 2478–2484) ว่าลงของดีอะไรไว้หรือไม่อย่างไร นายควงฯ ก็ตอบ (ลงในหนังสือพิมพ์) ว่า มีซีคุณของดี เมื่อเวลาสร้างตึกนี้ ไม่มีใครไปกินกำไรสักสตางค์ แล้วนั่นไม่ใช่ของดีหรือ”

(ที่มา: สกุลไทยรายสัปดาห์, เวียงวัง จุลลดา ภักดีภูมินทร์)
เรียบเรียงข้อมูลจาก ไปรษณีย์ไทย


Credit : ไทยรัฐออนไลน์ 1 กรกฎาคม 2553

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 13:45:36 น. 0 comments
Counter : 2683 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.