Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
31 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
ปาหี่..รถเมล์ฟรี คนจนได้ไม่ทั่วฟ้า

*ในที่สุดก็เผยไต๋ให้เห็นกันโต้งๆ ที่ว่า รู้ลึกรู้จริงเรื่องขนส่งคมนาคม...ไม่สมราคาอวดตัว

     แค่เรื่องให้คนจนได้ขึ้นรถเมล์ฟรี อันเป็น 1 ใน 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ส.ค.นี้ เห็นชัดว่ารู้ไม่จริง

แถมยังฟ้องให้เห็นอีกว่า เป็นมาตรการที่ไม่ได้ทำเพื่อคนจนทุกคน จริง...หากแต่เป็นมาตรการประชานิยม เอาตัวรอดทางการเมืองไปวันๆ โดยไม่คิดวางแผนเตรียมการล่วงหน้าเหมือนคนรู้ลึกรู้จริง

“มาตรการรถเมล์ร้อนฟรี 800 คัน วิ่งสลับกับไม่ฟรี 800 คัน เป็นเวลา 6 เดือนหรือ 180 วัน รัฐบาลต้องควักเงินอุดหนุนมากถึง 1,244 ล้านบาท เป็นการลงทุนได้ผลไม่คุ้มค่า เพราะจ่ายแพงเกินจริงเกือบเท่าตัว”

นายบรรยงค์ อัมพรตระกูล ประธานชมรมรถร่วม ขสมก.ให้ ข้อสังเกต

เหตุที่แพงเกินจริง ก็เพราะว่า เงินภาษีที่รัฐบาลเอามาจ่ายชดเชยให้กับ ขสมก. 1,244 ล้านบาท เป็นค่ารถวิ่งฟรี 800 คัน 180 วัน

เมื่อเอามาคิดหารเฉลี่ย...ได้ผลลัพธ์ตัวเลขออกมาว่า รัฐบาลจ่ายเงินอุดหนุนให้กับ ขสมก.คันละ 8,639 บาท ต่อวัน

ตัวเลขนี่แหละฟ้อง...จ่ายแพงเกินจริง

“ทุกวันนี้ รถเมล์ร้อน ขสมก.นั้น รถเมล์ร้อนครีมแดง ที่เก็บค่าโดยสาร 7 บาทตลอดสาย วันหนึ่งมีสถิติเฉลี่ยแล้วขายตั๋วได้ 603 ใบต่อคัน รวมมีรายได้คันละ 4,291 บาทต่อวัน

     รถเมล์ร้อนขาว-เขียว ที่เก็บค่าโดยสาร 8 บาทตลอดสาย วันหนึ่งมีสถิติเฉลี่ยขายตั๋วได้ 572 ใบต่อคัน รวมแล้วมีรายได้เฉลี่ยคันละ 4,576 บาท

คิดเฉลี่ยแบบง่ายๆ ตัวเลขกลมๆ ทุกวันนี้รถเมล์ร้อนของ ขสมก. ที่จะเอามาวิ่งฟรีนั้นมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 4,400 บาทต่อคัน”


แต่รัฐบาลกลับเอาเงินภาษีไปชดเชยให้ ขสมก.ได้ยังไงถึงคันละ 8,639 บาทต่อวัน

แพงเวอร์เกินจริงไปถึงเกือบเท่าตัว!!!

จ่ายให้ ขสมก.แพงมากขนาดนี้ อย่าว่าแต่วิ่งฟรีแค่ 800 คันเลย... เอารถเมล์ร้อนของ ขสมก.ที่มีอยู่ 1,600 คัน มาวิ่งฟรีทั้งหมดก็ยังได้เลย

เพราะที่จ่ายไป 1,244 ล้านบาทนั้น สามารถเหมาให้ ขสมก.วิ่งฟรี 6 เดือน ได้ถึง 1,570 คัน เลยทีเดียว

     รัฐบาลจ่ายแพงเวอร์เกินจริงไปเพื่ออะไร เป็นเพราะรู้ไม่จริงรู้ไม่ทัน หรือมีการรั่วไหลไปตรงไหนหรือเปล่า

เป็นปุจฉาปริศนาให้คาดเดาไปเรื่อยเปื่อย อย่างไร้หลักฐานให้ พิสูจน์ทราบ

แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าจ่ายเงินเวอร์แพงเกินจริงไปแล้ว ไม่สามารถทำให้คนจนได้ใช้บริการรถเมล์อย่างทั่วถึง เหมือนที่คุยไว้ในสโลแกน...6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน

     ข้อพิสูจน์ในประเด็นนี้ ที่ว่ากันว่า รถเมล์ฟรีคนแย่งกันขึ้นเต็มตั้งแต่ต้นสาย คนจนที่อยู่กลางทางขึ้นไม่ได้ หมดโอกาสขึ้นรถฟรี ต้องเสียเงินอย่างเดียว...จะไม่ขอพูดถึง

เพราะเป็นเรื่องของการคาดเดา เหตุการณ์จริงยังมาไม่ถึง...

อาจจะเกิดก็ได้ ไม่เกิดก็ได้

*แต่ที่มีหลักฐานว่า คนจน...จนแบบต้องพึ่งรถร้อนอย่างเดียว เพราะเป็นรถโดยสารสาธารณะที่มีค่าตั๋วถูกที่สุด จะไม่ได้ใช้บริการนี้อย่างทั่วถึง

นั่นก็คือ...ทุกวันนี้ รถโดยสารสาธารณะที่วิ่งรับ-ส่งผู้โดยสาร ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้นมีทั้งหมด 453 เส้นทาง

ถ้าตัดจำนวนสายรถมินิบัส รถสองแถวเล็กในซอย และรถตู้ ปรับอากาศออกไป

     จะเหลือเส้นทางให้รถเมล์ขนาดใหญ่รับส่งผู้โดยสาร ตั้งแต่สาย 1 (ถนนตก-ท่าเตียน) ไปจนถึง สาย 559 (ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต-สนามบินสุวรรณภูมิ)...อยู่ทั้งหมด 227 เส้นทาง

เป็นของ ขสมก. 108 เส้นทาง...รถเอกชนร่วมบริการ 119 เส้นทาง

แต่มาตรการรถเมล์ฟรี 800 คัน...กลับให้ขึ้นได้ฟรีเฉพาะ ขสมก. แค่ 73 เส้นทางเท่านั้นเอง

ฝนตกไม่ทั่วฟ้า คนจนได้ใช้บริการรถเมล์ฟรีไม่ทั่วถึง

มองแค่ตัวเลขนี้ อาจจะไม่เป็นธรรมกับรัฐบาล เพราะ 227 เส้นทางรถเมล์นั้น รวมทั้งรถร้อนและรถ ปอ.

     มาตรการที่ออกมา รัฐบาลแถลงชัดเจนต้องการช่วยคนจน ที่พึ่งรถเมล์ร้อน...คนขึ้นรถปรับอากาศมีฐานะ ไม่ควรได้ใช้บริการรถฟรี

มองเฉพาะเส้นทางสายรถเมล์ร้อนอย่างเดียว รายงานของ ขสมก. ณ เดือนมกราคม 2551 ระบุว่า มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 161 สายเส้นทาง

เป็นของ ขสมก. 82 เส้นทาง มีรถวิ่งรับส่งผู้โดยสาร 1,674 คัน

เป็นของรถเอกชนร่วมบริการ 79 เส้นทาง แต่มีรถให้บริการ 2,559 คัน

ที่รัฐบาลมีนโยบายให้ขึ้นฟรี ได้แค่ 73 เส้นทาง...แสดงว่า คนจนที่พึ่งรถเมล์มากกว่าครึ่งหนึ่ง หมดโอกาสที่จะได้ใช้บริการรถเมล์ฟรีตามที่รัฐบาลได้แถลงไว้

เฉพาะของ ขสมก.อย่างเดียว ก็ยังฟรีไม่ครอบคลุมเส้นทางทั้งหมด

     จะปล่อยให้คนจนที่อยู่นอกเส้นทางวิ่งอีก 88 สาย ไม่มีสิทธิได้ขึ้นรถเมล์ฟรีหรืออย่างไร

คนจนที่จำต้องขึ้นรถเมล์ร้อนของเอกชน ไม่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ

ผิดเพราะดันไปมีบ้านอยู่ในเส้นทางที่ ขสมก.ขายสัมปทานไปให้เอกชนอย่างนั้นหรือ

ที่สำคัญ รายงานของ ขสมก. ในเรื่องที่เกี่ยวกับการโครงการเช่ารถเมล์ 6,000 คัน ที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นผ่านตา ก็ระบุไว้ชัดเจน ในหน้าที่ 5 ว่า...

รถโดยสารที่อยู่ในระบบ ไม่รวมรถเถื่อน...วันหนึ่งมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 2.7 ล้านคน มีคนใช้บริการรถของ ขสมก. 3,535 คัน แค่ 0.7 ล้านคน หรือประมาณ 25% เท่านั้นเอง

ที่เหลืออีก 75% ใช้บริการรถเอกชนสารพัดชนิด

     และเฉพาะรถเอกชนร่วมบริการ ที่เป็นรถเมล์คันใหญ่ 3,491 คัน มีผู้โดยสารใช้บริการ 1.1 ล้านคน หรือประมาณ 40%

ตัวเลขของ ขสมก. แสดงให้เห็นชัดเจน คนส่วนใหญ่ใช้บริการรถร่วมฯ มากกว่ารถ ขสมก.เกือบเท่าตัว

แต่มาตรการกลับให้ขึ้นฟรีแค่รถ ขสมก.เท่านั้น...ทั้งที่ให้บริการไม่ ครอบคลุมทุกเส้นทาง และมีคนใช้บริการน้อยกว่า

แค่นั้นไม่พอ ถ้าจะอ้างว่าช่วยคนจนขึ้นเฉพาะรถเมล์ร้อนอย่างเดียว... ผู้ที่อ้างตัวรู้ลึกรู้จริงเรื่องคมนาคม รู้หรือเปล่าว่า ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลทุกวันนี้นั้น

มีเส้นทางรถเมล์ ที่มีแต่รถ ปอ.วิ่งอย่างเดียว โดยไม่มีรถเมล์ ร้อนวิ่งเลย ประมาณ 62 สาย

     ยิ่งเส้นทางสายใหม่ๆ สาย 500 ขึ้นไปนั่นนะ...ขสมก.วิ่งเอง ไม่มีรถเมล์ร้อนให้คนจนได้ขึ้นใช้บริการเลย

โดยเฉพาะสายที่วิ่งจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปดูได้เลย...มีแต่รถเมล์ปรับอากาศ ขสมก.

แถวนั้นไม่มีคนจนอยู่เลยหรืออย่างไร...ถึงไม่ได้รับการช่วยเหลือ.


ขอขอบคุณ
ที่มา :
สกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐ 31 กรกฎาคม 2551


H O M E




Create Date : 31 กรกฎาคม 2551
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 16:23:55 น. 2 comments
Counter : 1336 Pageviews.

 
ขนาดรถเมล์เก็บตังค์ ยังวิ่งไม่ค่อยจอดป้าย ..
แล้วถ้าไม่เก็บตังค์...จะจอดรับผู้โดยสารรึคะ?


โดย: VICT วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:58:47 น.  

 
มีหลายคนบอกว่า รัฐ งี่เง่า
มีอีกหลายคนแสดงความเห็นว่า ทำไมไม่เพิ่มรายได้
รัฐ จะได้ไม่ต้อง อุดหนุนเงินให้ หน่วยงานอื่น

ผมว่า.......... รัฐ ทำดีแล้ว

คนจน มีเงินเหลือใช้จากการที่ต้องจ่าย รายวัน อาจเพิ่มแกงถุงในมื้อเย็นได้สักถุง ก็กินกันได้ทั้งบ้าน 3 คนสบาย

คนรวย เจ้าของทุน ไม่มีข้ออ้างว่าต้องเพิ่มค่าครองชีพ ปรับค่าจ้าง ขึ้นเงินเดิอน .........ของไม่แพงขึ้นทุกตัว อ้างไม่ได้
ให้ที่ได้อยู่ตอนนี้ ก็เพิ่งปรับให้ มิใช่หรือ

ข้อดี ข้อเสีย คนดีเห็นชอบ คนไม่ชอบ ก็บอกว่าไม่ดี



โดย: I am (the last เอ-กา ) วันที่: 5 สิงหาคม 2551 เวลา:9:37:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.