Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

เย็นยะเยียบหย่อมหญ้าป่าช้าผี

โดย นรา


*มีเรื่องต้องชี้แจงเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะเล่าถึงวัดสุวรรณาราม เป็นการสลับฉากเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วจึงค่อยวกกลับมาพูดคุยเรื่องภาพวาดของครูทองอยู่และครูคงแป๊ะ (รวมถึงผลงานชิ้นเยี่ยมในวัดอื่นๆ อีกหลายแห่ง) ในโอกาสต่อไป

ในบทความเรื่อง "อวิชาการว่าด้วยจิตรกรรมฝาผนัง" ท่านผู้อ่านได้ทักท้วงมาว่า คำบรรยายภาพวาดผลงานของครูทองอยู่ ซึ่งผมสะกดเป็น "เนมีราชชาดก" นั้น ไม่มีอยู่ในทศชาติ ที่ถูกต้องควรจะเป็น "เนมิราชชาดก"

สิ่งที่ทำให้ผมร้อนใจไม่เป็นสุขก็คือ ข้อความที่ว่า "น่าจะแก้ไขข้อมูลหน่อยนะครับ...ประเดี๋ยวจะผิดกันไปใหญ่นะ"

     ขออธิบายอย่างนี้ครับ จากตำรับตำราหลายเล่มที่ผมอ่านก่อนลงมือเขียน ชื่อชาดกแต่ละชาตินั้น สะกดแตกต่างไม่ตรงกัน เฉพาะเนมิราชชาดกเรื่องเดียว มีทั้ง "เนมิราชชาดก", "เนมีราชชาดก" และ "เนมียชาดก"

รวมถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่งสะกดไม่ตรงกับที่ท่านผู้อ่านแย้งมา เช่น เตมีย์ชาดก (เตมิยชาดก-นอกวงเล็บเป็นชื่อที่ท่านผู้อ่านชี้แจง ส่วนในวงเล็บสะกดตามข้อมูลที่ผมมีอยู่), ชนกชาดก (มหาชนกชาดก), ภูริทัตชาดก (ภูริทัตตชาดกและภูริทัตต์ชาดก), จันทชาดก (จันทกุมารชาดก), นารทชาดก (นารถชาดก, มหานารทชาดก) วิทูรชาดก (วิธุรชาดก,วิธูรชาดกและวิธุรบัณฑิตชาดก) ฯ

     สรุปก็คือ การสะกดชื่อทศชาดกในเอกสารหลายฉบับ มักไม่ลงรอยกันเสียทั้งหมด ผมเองก็รู้น้อยจำกัดเกินกว่าจะวินิจฉัยด้วยตนเองได้ว่า คำใดควรจะถูกต้องมากสุด เมื่อถึงตอนลงมือเขียน ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า จะเลือกเชื่อตำราใด

ผมใช้ "เนมีราชชาดก" ด้วยสองเหตุผล อันดับแรกคือ ผ่านตาบ่อยๆ จากบทความของท่านครู น. ณ ปากน้ำ ซึ่งมีคุณูปการเปิดโลกให้ผมหันมาสนใจหลงใหลศิลปะไทย ผมจึงยึดท่านเป็นแหล่งอ้างอิง เพื่อแสดงความคารวะต่อ "อาจารย์นอกชั้นเรียน"

ถัดมาคือ ผมไปเจอข้อมูลการสะกดชื่อใน "มหานิบาตชาดกฉบับชินวร" ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ทรงนิพนธ์ไว้ แล้วเกิดถูกอกถูกใจ

     ท่านสะกดชื่อพระโพธิสัตว์ในชาติภพต่างๆ ค่อนข้างแปลกตา ผิดจากที่อื่นๆ แต่ก็ขจัดปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือ เห็นรูปตัวอักษรแล้วไม่แน่ใจว่า ควรจะอ่านออกเสียงอย่างไร เช่น นารทชาดก (ซึ่งอ่านได้ทั้ง "นาท" และ "นา-รท") มหานิบาตชาดกฉบับชินวรสะกดไว้ว่า "นารทะ" เพียงเท่านี้ก็กระจ่างแจ้งสิ้นข้อสงสัย หรือ วิธุรบัณฑิตชาดก ซึ่งมักจะอ่านออกเสียงตามความเคยชินจนคลาดเคลื่อนเป็น "วิ-ทูน" ก็กลับกลายเป็นเข้ารูปเข้ารอยอันถูกต้องเมื่อสะกดว่า "วิธุระ"

เพราะความที่จะต้องเขียนถึงและสะกดชื่อเหล่านี้อีกบ่อยครั้ง ผมจึงคิดว่าน่าจะยึดตำราเพียงหนึ่งเดียว เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพไม่ลักลั่น ท้ายสุดผมเลยตัดสินใจอาศัย "มหานิบาตชาดกฉบับชินวร" เป็นหลักในการอ้างอิง

เนมิราชชาดกจึงกลายเป็นเนมีราชชาดก ด้วยเหตุผลตามนี้

อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณจากใจจริงสำหรับคำท้วงติง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องการมาก เพื่อความถูกต้องถ่องแท้ และนำไปสู่การแลกเปลี่ยนต่อยอดความรู้เพิ่มขึ้น หากมีตรงไหนที่ใดพบว่า ผม "ปล่อยไก่" ท่านใดจะช่วยเมตตาชี้แนะก็ถือเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

กลับสู่เนื้อหาของบทความ ซึ่งมีชื่อเรื่องที่ฟังดูกุ๊ก กุ๊ก กรู๋ แฝงกลิ่นอายเรื่องผี ค่อนข้างน่ากลัวอยู่สักหน่อย แต่ก็เกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาในอดีตของวัดสุวรรณาราม

     ชื่อดังกล่าว มาจากนิราศพระประธม ผลงานของท่านกวีเอกสุนทรภู่ เขียนไว้เมื่อพ.ศ. 2385 ขณะเรือแล่นผ่านหน้าวัดสุวรรณาราม ริมคลองบางกอกน้อย เนื้อความเต็มมีอยู่ว่า

"ถึงวัดทองหมองเศร้าให้เหงาเงียบ
เย็นยะเยียบหย่อมหญ้าป่าช้าผี
สงสารฉิมนิ่มน้องสองนารี
มาปลงที่เมรุทองทั้งสองคน"


     วัดทองคือชื่อเก่าดั้งเดิม เชื่อกันว่ามีมาแต่ครั้งสมัยอยุธยา ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระอุโบสถสิ่งก่อสร้างต่างๆ ทรุดโทรมผุพังเกินจะบูรณะปฏิสังขรณ์ จึงโปรดให้รื้อทิ้ง แล้วสถาปนาใหม่ทั่วทั้งพระอาราม สร้างพระอุโบสถ เก๋งด้านหน้า วิหาร กำแพงแก้ว และอื่นๆ เมื่อแล้วเสร็จจึงพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสุวรรณาราม

สภาพเดิมก่อนรื้อทิ้งเพื่อสร้างใหม่ น่าจะเป็นวัดร้าง เนื่องจากย้อนหลังไปอีกแค่ไม่กี่ปี ที่นี่เคยมีประวัติถูกใช้เป็นแดนประหาร ในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

     เหตุการณ์บันทึกไว้ในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เล่มที่ 2 เล่าว่า คราวพม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิษณุโลก พระเจ้าตากสินจะยกกองทัพไปช่วย จึงโปรดให้ถามเชลยศึกพม่าที่จับได้จากค่ายบางนางแก้ว ว่าจะสมัครใจไปช่วยรบพม่าด้วยหรือไม่ แต่ได้รับคำตอบปฏิเสธ

ถึงตรงนี้ พระราชพงศาวดารบันทึกว่า "มันไม่ภักดีแก่เราโดยแท้ ยังนับถือเจ้านายมันอยู่ และเราจะยกไปทำสงครามผู้คนอยู่รักษาบ้านเมืองน้อย พวกมันมาก จะแหกคุกออกไปทำแก่จราจลข้างหลัง จะเอาไว้มิได้ จึงดำรัสให้เอาไปประหารชีวิตเสีย ณ วัดทอง คลองบางกอกน้อย ทั้งสิ้น"

     คำว่า "พวกมันมาก" ที่ปรากฏอยู่ในพระราชพงศาวดาร แผ่นป้ายบริเวณทางเข้าด้านหน้าของวัด ประมาณจำนวนเอาไว้ว่า ราวๆ หนึ่งพันกว่าคน

ช่วงเวลาที่มีการประหารชีวิตเชลยพม่า บทความชิ้นหนึ่งของพลตรีถวิล อยู่เย็นในหนังสือ "ธนบุรีถิ่นของเรา" ได้ระบุว่า ปีที่เกิดเหตุการณ์นี้ตรงกับเดือนมกราคม พ.ศ. 2318

     ปัจจุบันบริเวณโรงเรียนที่อยู่ใกล้วัดก็ยังปรากฎศาลพระภูมิ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงดวงวิญญาณชาวพม่าที่เสียชีวิตในอดีต และมีเรื่องเฮี้ยนๆ ร่ำลือกันเยอะแยะมากมาย (ข้ามตรงนี้ไปดีกว่านะครับ ผมกลัวผี)

เมื่อวัดสุวรรณารามสร้างใหม่จนแล้วเสร็จ "พระอาจารย์นาค" จิตรกรเอกฝีมือระดับบรมครูสมัยรัชกาลที่ 1 ได้ย้ายมาพำนักประจำที่วัดนี้ (เดิมท่านอยู่วัดทองเพลง) และเชื่อว่าท่านน่าจะวาดภาพในผนังพระอุโบสถทั้งหมด

     พระอาจารย์นาคเป็นครูช่างมาแต่ครั้งอยุธยาก่อนเสียกรุง และมีส่วนสำคัญยิ่งในการสร้างบ้านแปงเมือง มีผลงานมากมายในขณะนั้น ภาพวาดฝีมือของท่านเป็นที่เลื่องลือเหลือเกินว่า สวยงาม เด็ดขาด ทรงพลัง เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ดูแล้วให้ความรู้สึกคึกคักฮึกเหิม สอดคล้องกับยุคสมัยเพิ่งผ่านพ้นศึกสงครามมาได้ไม่นาน

น่าเสียดายที่ปัจจุบัน ผลงานของพระอาจารย์นาค ชำรุดเสียหายไปเกือบหมด หลงเหลือแน่ชัดและได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี อยู่เพียงแห่งเดียว คือที่หอไตรวัดระฆังโฆษิตาราม

     แม้กระทั่งที่วัดสุวรรณาราม เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ภาพวาดฝีมือพระอาจารย์นาคในพระอุโบสถก็โดนความชื้นจากใต้พื้นดิน และน้ำฝนจากหลังคารั่ว ทำให้เลือนหายไม่หลงเหลือเค้าเดิม ต้องระดมครูช่างฝีมือดีหลายท่านมาเขียนขึ้นใหม่ จนเกิดเป็นตำนานวาดภาพประชันกันระหว่างครูทองอยู่กับครูคงแป๊ะ (เป็นโชคดีมากนะครับที่สมัยนั้น ยังหลากไปด้วยช่างฝีมือยอดเยี่ยมเทียบเท่ากับครูรุ่นก่อนๆ)

     หลังจากที่วัดสุวรรณารามสร้างใหม่และซ่อมแซมของเก่าบางส่วนจนแล้วเสร็จ สมเด็จพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างเครื่องป่าช้าขึ้น ประกอบไปด้วยเมรุ สำสร้าง (บางทีก็เขียนว่า "สำซ่าง" หมายถึงโรงขนาดเล็กมียกพื้นข้างใน สำหรับพระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรม อยู่ 4 มุมเมรุ) หอสวด หอทิ้งทาน โรงโขน โรงหุ่น ระทาและพลับพลา โรงครัว จนครบครัน เพื่อถวายเป็นสมบัติในพระบรมมหาราชวังสำหรับเป็นที่พระราชทานเพลิงศพ

     วัดทองหรือวัดสุวรรณาราม จึงกลายเป็นวัดที่ใช้ประกอบพิธีปลงศพ ทั้งพระศพเจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่ ณ บริเวณนอกกำแพงพระนคร ในสมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลต่อมาอยู่เนืองๆ ควบคู่ไปกับวัดอรุณราชวราราม (ต่อเมื่อถึงรัชกาลที่ 3 มีถนนหนทางสะดวกขึ้น จึงโปรดให้สร้างเมรุขึ้นที่วัดสระเกศอีกแห่ง)

จนมีคำบอกเล่าสืบทอดกันมาถึงคนรุ่นหลังว่า "โขนวัดทอง ใบตองไม่แห้ง"

     ความหมายก็คือ ในงานศพมักจะมีมหรสพสมโภช เช่น โขน หุ่น หรือการละเล่นต่างๆ เพราะความที่วัดทองนั้นมีงานศพบ่อย ส่งผลให้ใบตองที่ใส่ของกินในงานซึ่งทิ้งไปนั้น ยังไม่ทันแห้งเหี่ยวก็มีงานศพอื่นมาอีก ตามพื้นในบริเวณวัด จึงมีใบตองเขียวสดอยู่ตลอดเวลา

หลักฐานสนับสนุนอีกอย่างก็คือ เคยมีสะพานไม้ (ปัจจุบันเป็นคอนกรีต) ตรงศาลาการเปรียญ ทอดเชื่อมไปยังที่ว่าการเขตบางกอกน้อย เรียกว่า "สะพานโรงโขน"

     บทบาทสำคัญของวัดสุวรรณรามในเรื่องของพิธีกรรมปลงศพ จึงปรากฎสะท้อนอยู่ในนิราศพระประธม ส่วนหนึ่งเพราะทางวัดขึ้นชื่อทางด้านนี้ อีกส่วนหนึ่งสืบเนื่องจากการระลึกถึงบุคคลที่ท่านสุนทรภู่ผูกพัน คือ ฉิมและนิ่ม ทั้งคู่เป็นน้องสาวต่างบิดา

เนื้อความในนิราศตรงนี้ จึงจับใจและสะเทือนอารมณ์มากเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้พรรณาสาธยายความคิดถึงหญิงคนรัก (ซึ่งพลัดพรากห่างไกลกัน) แต่เป็นการรำลึกหวนหาญาติมิตรผู้ล่วงลับตายจาก

     อย่างไรก็ตาม บทกวีที่พาดพิงถึงวัดทองหรือวัดสุวรรณาราม ก็ไม่ได้มีเฉพาะด้านหม่นเศร้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น ยังปรากฎเนื้อเพลงฉ่อยที่เกี้ยวพาราสีสาวย่านบ้านบุ ซึ่งจดจำเล่าสู่กันฟังแบบปากต่อปากมาดังนี้

"บางกอกน้อยคลองคด
พี่พายเรือเหื่อหยดจนน้ำลายเหนียว
ในย่านนี้วัดทอง
พี่รักน้องคนเดียว"


     ทุกวันนี้วัดสุวรรณาราม ยังสืบทอดมีประเพณีเฉพาะถิ่นที่น่าสนใจ และต่างจากแหล่งย่านอื่น นั่นคือ งานเวียนกระทง และวิ่งม้าแก้บน (รวมทั้งเรื่องราววิถีชีวิตของชุมชนบ้านบุ)

     อย่างแรกนั้นมีเป็นประจำในคืนวันลอยกระทง ชาวบ้านจะนำกระทงของตนมาที่วัดตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เพื่อทำพิธีสวดมนต์บูชา โดยจะมีพระสงฆ์นำสวดที่พระอุโบสถ เสร็จแล้วจึงเดินถือกระทงเวียนรอบพระอุโบสถ 3 รอบ เพื่อเป็นการบูชาพระจุฬามณี (สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในปรัมปราคติ เป็นพระเจดีย์แก้วอินทนิลสีเขียว อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครดาวดึงส์ มีกำแพงทองล้อมรอบ ประดับธงปฎาก ธงชัย กลด ชุมสายประดับแก้ว เงิน ทอง สีต่าง ๆ ภายในบรรจุพระเกศธาตุ พระเวฎฐนพัสตร์ และพระทักขิณาฒฐาตุของพระพุทธเจ้า)

     ในขบวนเวียนกระทงนั้นก็จะมีการควงกระบองไฟเดินนำ มีขบวนกลองยาว มีชาวบ้านมาร่ายรำเพื่อสร้างความครึกครื้น เมื่อเวียนครบแล้วจึงนำกระทงไปลอยในคลอง

เนื้อที่หมด แต่ยังจบไม่ลง เรื่องวิ่งม้าแก้บนจึงต้องยกยอดไปกล่าวถึงในคราวหน้านะครับ


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 มกราคม 2552

H O M E




 

Create Date : 13 มกราคม 2552
1 comments
Last Update : 13 มกราคม 2552 20:00:19 น.
Counter : 1169 Pageviews.

 

whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him

 

โดย: da IP: 124.122.247.144 18 เมษายน 2553 23:10:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.