ไปจังหวัดน่าน3ครั้งแล้ว
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4
แต่ยังไม่เคยไปบ้านสะปัน ที่อ.บ่อเกลือ จ.น่่าน
ดังนั้นตายายก็ตั้งเข็มทิศ ไปกันเลย
ออกจากอช.ดอยภูคา ตอนสายๆ
ผ่านจุดชมวิว 1715 แวะถ่ายรูปแป๊บ




ขับไปเรื่อยๆ ทางแคบๆ เราไม่รีบ
เอ้า...นั่นตัวอะไรนอนอยู่บนถนน
เจ้าใกล้ ก็ยังไม่ลุกหนี  อ๋อ...แพะ น่าจะท้องแก่ด้วย
สมกับที่ตรงนี้คือ บ้านน้ำแพะ อ.บ่อเกลือ
เสียวๆอยู่ว่า รถจะชนเอา



ผ่านทางคดโค้ง ขับเรื่อยๆ เพราะอยากชมวิว
ไม่มีรถตามหลัง ก็ไม่ต้องรีบ



ผ่านอช.ขุนน่าน  แวะเข้าไปดูหน่อย
เพราะไม่เคยแวะเลย




แวะที่จุดชมวิว มุมสวย






ด้านใน อช.ขุนน่าน มีจุดกางเต๊นท์ไม่มาก 
ไม่มีวิวริมผา มีแต่วิวพื้น ใกล้ๆที่ทำการอุทยาน
เราไม่ชอบแบบนี้ ขอผ่านก่อน



ออกจาก อช.ขุนน่าน เดินทางต่อ



ถึงสามแยกขว่าไปบ่อเกลือสินเธาว์
เราไปทางซ้ายมือ บ้านสะปัน ทางแคบๆ
ต้องระวังรถสวน อย่าซิ่งเป็นดีที่สุดค่ะ
เสียดายไม่ได้ถ่ายข้างทางมา

เข้าเขตหมู่บ้านสะปัน มีจุดคัดกรอง
เลยเข้าไปในหมู่บ้าน เจอร้านขายผัก ขายของ
ต้นไม้ดอกไม้สวยๆ ก็ลงไปเก็บภาพไว้
ตรงจุดนี้ได้ฟักหอม ข้าวโพด มะนาว ผัก
โน่นนี่นั่น มาหลายอย่างค่ะ
ดอกไม้สีม่วงพาสเทลนี่ สวยมาก
เจ้าของบอกว่าชื่อ นิออน








เกือบเที่ยง เริ่มหิว มองหาที่กินข้าว
เจอที่นี่เลยค่ะ บ้านครูผึ้ง



เดินเข้าไปนิดกนึ่งเอ ทำไมเงียบๆ
เดินต่อไปอีก จึงพบว่ามีด้านในติดริมลำธาร
อย่างสวยเลย







ในลำธารมีปลาแยะมาก ว่ายทวนน้ำเกล็ดกระทบแสงอยู่แวววาว
ตัวใหญ่ๆด้วย






กินก๋วยเตี๋ยวต้มยำกันคนละชาม 
ต่อด้วยไอศกรีม แล้วเราไปขับรถเที่ยวหาจุดกางเต๊นท์กันต่อ
แวะขึ้นไปไหว้พระที่วัดสะปัน
โบสถ์กำลังถูกบูรณะ เลยเข้าไม่ได้
ถ่ายรูปลงไปที่ทุ่งนา จากเนินบนวัด วิวสวยเลย
ที่จริงบนวัดนี้ เคยมีจุดให้กางเต๊นท์ได้
แต่มีป้ายปักว่าห้ามกางเต๊นท์บริเวณนี้
ซึ่งมีร้านกาแฟ หยุดเวลาอยู่ด้านข้างที่เห็นหลังคามุงแฝกนั่นไงคะ






ร้านกาแฟ..หยุดเวลา.. ปิด ไม่มีคน
จะเข้าไปชิมกาแฟ ก็อด
งั้นขับรถต่อ ขึ้นไปด้านบนเรื่อยๆ
เอ๊ะ....ถนนเริ่มแคบๆๆลง ตาบอกอย่าไปต่อเลย
กลับไปหาจุดกางเต๊นท์ดีกว่า
ตกลงก็ขับย้อนกลับ ไปวนเป็นวงกลม
ทั้งสองฝั่งลำธาร









บ้านฟางตรงกลางนานั่น ดูฟินมากๆ
หากข้าวเขียวสะพรั่ง




เวียนจนมาพบ รีสอร์ตริมธาร
ชื่อ ขุนเขาธารา เปป็นแนวที่เราชอบ
เพราะชอบน้ำไหล
มีเต๊นท์ให้พัก ราคาหลังละ1200บาท
เราไม่สน เพราะเรามีเต๊นท์ติดหลังคารถมาแล้ว
แค่อยากได้ที่จอดใกล้ๆริมลำธาร ก็พอใจแล้ว



คนดูแลบอกว่า ตรงข้างเต๊นท์นี้ สามารถจอดรถได้
เรามาดูที่ แล้ว โอเค สบายเลย
เพราะเต๊นท์นี้เหมือนยังไม่พร้อมให้บริการ
จึงไม่น่าจะมีแขกมาพักตรงนี้
คนดูแลเห็นเราเตรียมกางเต๊นท์บนหลังคา
ยกโน่นนี่ลง ก็แบกสายไฟเส้นเบ้อเร้อมาให้ม้วนใหญ่
บอกว่าที่มีอยู่เดิมสายมันเล็ก ไม่น่าโอเค
โห...มีน้ำใจสุดๆ ยืนคุยอยู่สักพัก ก็ไป
ค่ากางเต๊นท์ คิดราคาคนละ150บาท
มีห้องน้ำ น้ำอุ่นให้อาบ สะดวกสบายมากๆ
ได้เตาอั้งโล่มาใช้อีก 1 ใบ เลยไม่ต้องงัดเตาของเราออกมา
ไม่เปลืองแก้สด้วย มีที่นั่งไม้ไผ่ เก้าอี้พลาสติกให้ใช้
ไม่ต้องยกโต๊ะเก้าอี้ ลงจากหลังคารถ สบายเราเลย








กางเต๊นท์เสร็จ มีเวลาสำรวจพื้นที่
ด้านล่าง ที่ลงไปลำธาร มีต้นดอกปืนนกไส้บานเต็มอยู่
แหม...ชอบล่ะซิ ก็สักภาพสองภาพเถอะค่ะ









น้ำใสไหลเย็น บางช่วงลึกด้วยนะคะ
คนดูแลรีสอร์ต บอกว่าน้ำสะอาดอาบได้
มีกฎห้ามชาวไร่ใช้
สารเคมีฆ่าหญ้า ฆ่าศัตรูพืช
เพราะอาจจะไหลลงลำธารได้
เพราะมีการใช้น้ำในลำธาร ให้สัตว์ ลงกิน และอุปโภค
คุณเขาก็เลยขอลงเล่นสักหน่อยตอนแดดดีๆอยู่
สนุกเลย ข้อเท้าได้แช่น้ำเย็นๆ คลายเจ็บไปได้อีก 






เย็นเตรียมอาหารเย็นกัน
อากาศเริ่มเย็น แต่ไม่ถึงขั้นหนาว
เย็นนี้มีลูกชิ้นปิ้ง หมูปิ้ง ผักต้มผักสด ผลไม้
2คนตายาย กินไม่แยะ ปิ้งข้าวโพดกินด้วย



เย็นๆเริ่มมีรถลูกค้าของรีสอร์ตเข้ามาเรื่อยๆ 
จนถึงข้างๆเต๊นท์สุดท้าย ที่ยังทำไม่เสร็จ
มีคู่สามีภรรยา พร้อมหมาตัวหนึ่ง มากางเต๊นท์
ถัดขึ้นไปจากรถเรา หมาเห่าโฮ่งๆ เวลาเราเดินผ่านไปห้องน้ำ

กินเย็นเสร็จล้างเก็บของ นั่งคุยกันแป๊บนึง
ก็ขึ้นบนเต๊นท์ดีกว่า 
อากาศ 15-17องศา กำลังนอนสบายๆมาก



มื้อเช้า มีต้มมาม่า ใส่ผัก ไข่ หมู ลูกชิ้น
มีกาแฟร้อนๆ และผลไม้ อิ่มสบายค่ะ











หลังมื้อเช้า เก็บของ อาบน้ำอาบท่าเสร็จ
ลงไปเก็บภาพริมน้ำกันอีกนิด ก่อนออกเดินทางต่อ


















ลาก่อน บ้านสะปัน 
คงมีโอกาสมาเยือนอีกครั้ง


ขอเน้นว่า แค่เป็นบล็อคบันทึกการท่องเที่ยว
โดยมิได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการแนะนำสถานที่เท่าที่ควรค่ะ

สวัสดี