ข่าวพีคส่งท้ายปี 60 เยอะจัด เงิบจริง


ปี 60 นี้... เรารู้สึกว่า มีแต่ข่าวที่พากันเงิบทั้งประเทศแบบยกเข่งเลยทีเดียว
ต้องออกตัวก่อนว่า เราเป็นคนไม่ค่อยตามข่าวเท่าไหร่นะ
ตามแต่เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ จากต่างประเทศล้วนๆ
ส่วนข่าวที่เห็นเยอะๆ จะมาจากฟีตข่าวในวงเพื่อนๆ ใน Social Network

1. ข่าวแรกที่ขึ้นฟีตเรา คือ ข่าว ครูแกะจ้างแพะ
เราว่าข่าวนี้ เป็นข่าวที่ตอกหน้าสังคมออนไลน์ได้เป็นอย่างดี
เรื่อง "การมีวิจารณญาณ" ในการเสพข้อมูลออนไลน์
ทุกคนต่างหลงเชื่อครูกันหมด
ส่วนตัวเรา เราไม่ทราบข้อเท็จจริง เราไม่กล้าฟันธงอะไรใดๆ
แต่พอลองไปอ่านคำพิพากษาดู ก็เข้าใจสถานการณ์

เดิมทีหลักฐานมันฟันธงชัดเจน ว่า รถครู ชนจริงๆ
แต่ 8 กว่าปีให้หลัง (เปลี่ยนอะไหล่เสร็จ) ก็เอาไปตรวจใหม่
ปรากฏว่า...ไม่เคยมีการชน
และนอกจากนี้ยัง ปรากฏการขอแผ่นป้ายทะเบียนใหม่ อีก
เท่านี้มันก็ชี้ชัดแล้วว่า เป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ขึ้นใหม่

ส่วนพยานที่เห็นเหตุการณ์ 8 ปีก่อน (นับ 8 ปีตอนขอรื้อคดี)
แจ้งเลขทะเบียนรถ ยี่ห้อ ลักษณะรถไว้แล้ว
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปขอตรวจสอบทะเบียน
ผ่านมา 8 ปีให้หลัง จากเลขทะเบียน ยี่ห้อที่เคยจำได้
กลายเป็นจำไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น "มีกลิ่นแรง" เลยทีเดียว

ส่วนผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือครู คือ ถึงจะบอกว่า "เพื่อนสนิท"
แต่ภาพที่เห็น มันเหมือนไม่ใช่ เพื่อน ช่วย เพื่อนเลย
พยายามจ้างคนโน้นคนนี้มารับผิดแทน?????????

จากข่าวนี้ เราก็มีคำถามในใจเรานะ
"คนเป็นครูเนี่ย ทำความผิดไม่ได้เลยหรอ? ผิดไม่เป็นเลยหรอ?
ครูต้องถูกเสมอเลยหรอ?"
ซึ่ง ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น ทุกคนผิดพลาดกันได้
อยู่ที่ว่าจะยอมรับความเป็นจริงข้อนั้นได้หรือไม่ ก็เท่านั้น

เรื่องแรกที่ครูในประเทศเรา สอนกันผิดๆ ที่ชัดเจนก็คือ
เรื่องทฤษฎีกรุ๊ปเลือดที่ว่า พ่อ A แม่ B แล้วลูกต้อง AB
อะไรพวกนี้ คือมันไม่ใช่นะ
พ่อแม่กรุ๊ปเลือดอะไรก็แล้วแต่ ลูกออกได้หมดทุกกรุ๊ป
มันเหมือนเราเอาเลือดของ 2 ฝ่าย ซึ่งมันผ่านมาหลาย Gen
มาลง pool แล้วสุ่มเลือกขึ้นมาว่า จะเป็นกรุ๊ปอะไรในตัวตนคนๆ นี้
ซึ่งต่อให้เรากรุ๊ป A เราอาจจะมีกรุ๊ป O อยู่ด้วยเช่น
AO + BO = AB, AO, BO, OO
คือมันออกได้หมด เท่าที่จำได้เป็นทฤษฎี BOMBAY
ซึ่งในยุคที่เราเรียน ม.ปลายเนี่ย ไม่ได้สอนเรื่องนี้
ถ้าปัจจุบันสอนเรื่องนี้แล้วหรือไม่ เราไม่ทราบ

และอีกเรื่องที่น่าตกใจสำหรับใครหลายๆ คนเรื่อง Chimera
เป็นเรื่องที่บางคนเคยตรวจ DNA กับพ่อแม่ DNA ตรงกับพ่อ
แต่ส่วนของแม่ คล้ายแค่ส่วนเดียว แต่แม่เป็นคนคลอดเอง
งงไหม? ตามธรรมดา มันอาจจะดูประหลาด
แต่ความเป็นจริงมันมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งสิ้น เพราะอะไร?
โอกาสการเกิด Chimera จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเด็กในครรภ์เป็นแฝด
ซึ่งแฝดคนหนึ่งอาจจะไม่มีโอกาสโตแล้ว จึงแฝงไปกับแฝดอีกคน
ทำให้ตัวคนที่เป็นแม่มี DNA ของฝาแฝดปนอยู่ด้วยบางส่วน
อย่างตัวอย่างข้างต้นเป็นของเด็กไทยเรานี่แหละ
ที่ตรวจ DNA แล้วตรงพ่อ ไม่ตรงแม่ แต่คล้ายแม่
ดันตรวจพบว่า ส่วนของรังไข่ของแม่ เป็นของพี่ฝาแฝดในครรภ์
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ เพราะไม่ได้มีใครนอกใจใคร
แต่เป็นปรากฎการธรรมชาติ (เรื่องนี้เราสนใจเพราะดู CSI
แล้วมีเคสที่ผลตรวจ DNA ของคนร้ายไม่ตรงกับ DNA ของผู้ต้องสงสัย
ซึ่งสุดท้ายสรุปว่า คนนี้เป็น Chimera เป็นคนที่มี DNA 2 แบบในคนเดียว)
ซึ่งตั้งแต่เรียนมาเรื่อง Chimera เป็นเรื่องที่เราไม่เคยรู้
ไม่มีการเรียนการสอนมาก่อน แต่เป็นเรื่องที่สามารถ
ทำให้คนสองคนหย่ากันได้เลยทีเดียว

และมีอีกหลายๆ เรื่องในประสบการณ์ชีวิตเรา ที่รู้ว่า
ครูก็ผิดเป็น แต่อยู่ที่เขาจะยอมรับและปรับปรุงตัวหรือไม่?

สมัยเรียน มีครูคนหนึ่งที่สอนฟิสิกส์เรา สอนไม่เก่ง
สอนแล้วยิ่งงงหนักกว่าเดิม คือ เราไม่รู้ว่า เขาจะมาสอนทำไม
ยิ่งสอนยิ่ง งง ไม่เข้าใจมากขึ้นทุกวัน ไม่พัฒนาการสอนเลย
จนเรามาเข้าใจฟิสิกส์หลายๆ เรื่องตอนเข้ามหาลัยแล้ว
เพราะอาจารย์มหาลัยสอนดีกว่ามากๆ
เราก็เลยมามองย้อนไปว่า ในอดีตเนี่ยครูคนนี้รอดมาสอนได้อย่างไร
ปรากฏว่า เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับแม่เรา และเรียนซ้ำชั้นมากว่า 3 ปี
แม่เรา...ไม่ต้องพูดถึง 100 เต็มเกือบทุกวิชา
ซึ่งในรุ่นของแม่ เป็นรุ่นเร่งผลิตครูแบบเร่งรัด
"เรียนจบ มศ.5 ให้เป็นครูเลย"
ความรู้ความสามารถก็ตามๆ นั้น แต่พอดี
แม่เราเป็นประเภทใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลาไง
แม่เรายังได้ไปเรียนต่อที่จังหวัดอื่นเพิ่มจนจบปริญญาตรี
แล้วก็กลับมาสอนเพิ่มเติม แต่ส่วนเพื่อนแม่...
เรียกง่ายๆ ก็คือ คนที่หมดหนทางจะเยียวยาจริงๆ
ซึ่งสุดท้ายเราก็รู้ว่าครูเขายอมรับตัวเองดี พัฒนาสุดๆ แล้วเขาก็ได้เท่านี้
เราได้แต่ "คนประเภทนี้" มาสอนคนรุ่นเรา
นี่ก็คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครอยากเป็นครู
เห็นครูแล้วมันไม่เท่ มันไม่เก๋ มันไม่ดูน่าเป็น idol ไรแบบนั้น

จะว่าไปเรื่อง ครู นี่ก็ปัญหาใหญ่เหมือนกันนะ
เพราะอะไรรู้ไหม? ตอนเราเรียนมหาลัย
เพื่อนๆ ครูติดเหล้า ติดเที่ยวผับมากกว่าคณะที่ดื่มเหล้าดุ
อย่างคณะเราอีก แถมรุ่นเรา ยังมีนักศึกษาครูที่คลิปหลุด
หลุดแบบมีแต่คนว่า ผู้หญิงเชี่ยวชาญ ผู้ชายไก่อ่อน
คืออะไร? สังคมมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง?
พอเรามามองย้อนกลับไปดู... ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมครู
เราก็พอจะเก็ทนะ เอาจริงๆ ครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติมากๆ
ต่างประเทศเนี่ย ใครจะเป็นครูได้ คุณต้องเก่งมากๆๆ
ต้องมีศีลธรรม จรรยาบรรณของคนเป็นครู
เงินเดือนก็สูงตามหน้าที่นั่นแหละ แต่ทำไมประเทศเรา?

คนเก่งรุ่นเรา หัวกะทิรุ่นเรา ไม่มีคนเลือกครูแม้แต่คนเดียว
หรือแม้แต่เรา ที่ควรเลือก ครู แต่เราก็ไม่เลือก เพราะ?
ส่วนตัวเรา เราสอนได้ เราสามารถสอนคนได้ทุกระดับแม้ไม่ได้เรียนครู
เรารู้ว่าเราจะสอนคนแต่ละระดับยังไง อธิบายยังไงให้คนระดับนี้ๆ
เข้าใจในเรื่องนี้ๆ ได้อย่างไร แต่เพราะเราเบื่อ
เพื่อนที่มาให้เราสอน เขาก็เรียนพิเศษซึ่งเราไม่เรียน
แต่...ก็ยังไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่ใส่ใจตั้งแต่แรก
เรียนตามกระแสเท่านั้น ผลาญเงินพ่อแม่เท่านั้น
เราเห็นแล้วเราก็เอือมระอากับเด็กกลุ่มนี้ คนกลุ่มนี้
เราเลยพาลไม่ชอบที่จะสอน ก็เท่านั้น

นอกจากนี้ อาชีพครูในบ้านเมืองเรา ต่ำต้อยกว่า อาชีพหมอ
ที่ต้องอยู่กับสิ่งสกปรกต่างต่างนานาเสียอีก

หมอ: เป็นคนที่อยู่กับคนเจ็บ คนป่วย อยู่กับโรค อยู่กับการรักษา
ครู: เป็นคนที่อยู่กับผ้าขาว อยู่กับเด็ก อยู่กับอนาคตของชาติ

มองเห็นอะไรไหมคะ? ที่ทุกวันนี้เด็กเรามีคุณภาพลดลงเรื่อยๆ
มันเป็นเพราะสังคมเราให้ความสำคัญกับอาชีพใดเพียงอาชีพเดียว
และนับหน้าถือตาคนที่มีอำนาจ คนที่มีเงิน เท่านั้น

ตรงนี้ เราแก้ปัญหากันไม่ได้แน่ๆ เพราะรากของปัญหา
มันฝังลึก มันอยู่ในสังคมของเรามานาน อย่าว่าแต่อาชีพเลย
แค่ต่างสถาบันก็เขม่นกันจะแย่อยู่แล้ว

ถ้าลดศักดิ์ศรีของสถาบันลงสักนิด ถ้าเคารพและให้เกียรติ
กับทุกอาชีพมากขึ้นอีกหน่อย เราเชื่อว่า สังคมเราดีขึ้นได้
และเราจะมีคนทุกอาชีพ ที่ดีใจและภูมิใจในหน้าที่ของตนเอง
เราจะมีคนเก่งที่พร้อมเป็นครูมากขึ้น ถ้าเราใส่ใจแก้ปัญหาให้ตรงจุด
"จบจากไหน? ก็ไม่สำคัญเท่า ทำหน้าที่ของตนเองในวันนี้
ดีพอหรือยัง?"

2. ข่าวการเสียชีวิตของน้องนักเรียนเตรียมทหาร
ข่าวนี้ ไม่ใช่ข่าวแรกในเรื่องของการเสียชีวิตจากการซ่อมของรุ่นพี่
ยังมีอีกหลายๆ คนที่เสียชีวิตผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เรื่องไม่คืบหน้า
เพราะอะไรก็รู้ๆ กันอยู่
เรื่องของน้องเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ด้วยจิตวิญญาณของเขา
เขาคือชายชาติทหารตัวจริง ใจเขาเป็นทหาร ร่างกายก็เช่นกัน
แต่มาเสียชีวิตเพราะโรคหัวใจ ฟังแล้วตลก

คนที่เป็นโรคหัวใจเนี่ย เขาก็ไม่ให้สมัครอยู่แล้วไหม?

เรานับถือคนที่เป็นพี่สาวมาก ฉลาดในการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน
เพื่อค้นหาความจริง พิสูจน์ความจริง หรือเรียกง่ายๆ ว่า แก้เกม
ภาพที่เราเห็นคือ ครอบครัวหนู กำลังสู้กับราชสีห์
นึกแล้วก็เสียดาย คนพี่ยังฉลาดขนาดนี้ แล้วคนน้องจะขนาดไหน?
เหมือนกองทัพกำลังเสียอนาคต "ขงเบ้ง" ของชาติไปเลย
วันข้างหน้ามีโอกาสเกิดสงครามแน่ๆ อยู่แล้ว
ขนาดสงครามยังไม่เกิด ยังฆ่ากันเองจนตาย จากคำสั่งขนาดนี้
เรามองไม่เห็นชัยชนะอะไรเลย ในสังคมยุคใหม่

เราเองก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าสุดท้ายแล้วเนี่ย มันจะจบแบบไหน
เราได้แต่ภาวนา ขอให้เรื่องนี้ เป็นเรื่องจุดชนวนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ลดศักดิ์ศรีของสถาบัน ของอาชีพของตัวเองลง แล้วให้เกียรติ
กับทุกชีวิต เสมอๆ เท่าเทียมกัน

สิ่งที่เราเห็น คือ ทหารกำลังเอาผักชี มาแปะๆ ตัว Mamenchisaurus
ที่นอนตายอยู่อ่ะ แล้วบอกว่า ไม่มีอะไรตายทั้งนั้น
เรื่องบางเรื่องปิดยังไงก็ไม่มิดหรอก
หลายอย่างทำโดยพลการ ผิดกฎหมายอีก
ยิ่งผลตรวจออกมาเรื่อยๆ ทั้งซีโครงหัก รอยโดนบีบคออย่างรุนแรง
ม้ามและตับช้ำเลือด มันคือการโดนซ้อมและฆาตกรรมชัดๆ

ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง ตัดสินใจยังไง ถึงให้เด็กอายุ 18 มาออกคำสั่ง
เราบอกเลยนะ จากการที่เคยคลุกคลีกับเด็กอายุเท่านี้
เขาตัดสินกันด้วยกำลัง ด้วยอารมณ์
ร้อยละ 70-80 ของเด็กอายุเท่านี้เป็นแบบนี้
ไม่ตัดสินใจอะไรด้วยสติสัมปชัญญะหรอก
การให้เด็กปกครองกันเองเท่าที่ฟังนักวิชาการมา
มันคือระบบ SOTUS ซึ่งในมหาลัยใช้กัน
และมีแต่ที่ประเทศไทยเท่านั้นที่ยังคงชูคอใช้ระบบเก่าๆ แบบนี้

เมื่อลองอ่านบทความของอดีตนายทหารท่านหนึ่ง
เขียนอธิบายโครงสร้างของโรงเรียนเตรียมทหารให้ดู
เราก็เลยเข้าใจว่า เมื่อก่อนที่ไม่สูญเสีย ไม่มีใครตาย
เพราะคนที่ดูแลเด็ก เป็นนายทหาร ไม่ใช่เด็ก 18
และคนที่จะดูแลควบคุม ออกคำสั่งได้นั้น
จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 23 ปีและผ่านการคัดกรองมาอย่างดีแล้วเท่านั้น
มันเลยเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ระบบทุกวันนี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความสบายของผู้ดูแลโรงเรียน
กลับนำมาซึ่งการสูญเสียอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด

ถ้าอยากมองเรื่องนี้ให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คือ
การเอาลูกกวาด ลูกอม ไปให้เด็กอนุบาลถือ
แล้วบอกเขาว่า ห้ามกินนะ คิดว่าลูกอมจะเหลือไหมละคะ?

และจากบทความของนายทหารที่ไปศึกษาดูงานในต่างประเทศ
เขาก็ประกาศชัดเจนเลย ว่า ไม่มีระบบ "ซ่อม" ที่โหดร้ายและทารุณ
แบบในประเทศไทย ไม่มีการซ่อมใดๆ ทั้งสิ้น
นั่นหมายถึงว่า ระบบของเราเนี่ย ล้าหลัง? ไม่พัฒนา? หรือไม่?
"วิทยาศาสตร์การกีฬา" ถูกพัฒนามาถึงไหนแล้ว?
ทำไมถึงไม่ไปศึกษา ทำไมถึงไม่เอามาประยุกต์ใช้ในกองทัพ
เราว่ามันจะมีประโยชน์ต่อกองทัพมากกว่า การซ่อมไร้สาระ เสียอีก
และอีกอย่างที่สำคัญเลย "นักจิตวิทยา" "จิตแพทย์"
ต่างชาติเขามี เขานำมาสัมภาษณ์ พูดคุยกับนักเรียน
คนไหนไม่ผ่าน กองทัพเขาคัดออก มันเลยไม่มีการสูญเสียใดๆ
เขาคัดกรองเอาพวกโหดร้ายทารุณอำมหิตออกจากกองทัพ
เพื่อไม่ให้มาฆ่ากันเองยามเกิดศึกสงคราม
"มันคือการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม"

แต่สิ่งที่เรากำลังทำๆ กันอยู่เนี่ย มันเป็นการปล่อยคนดีตายไปเปล่าๆ
โยนเอาทุกความผิดให้กับคนตาย แล้วปล่อยให้คนที่โหดร้าย
ทารุณอำมหิตมีชีวิตอยู่ต่อภายใต้รั้วของโรงเรียนทหาร
เรากำลังฝากอนาคตของกองกำลังดูแลประเทศ ไว้กับใครกันแน่?
ใจเรา เราอยากให้กองทัพกลับไปคิดทบทวนดูดีๆ
คนทุกคนสามารถวิจารณ์คุณได้ เพื่อให้คุณหาแนวทางพัฒนาองค์กรคุณ
ให้มันก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน พร้อมกับได้คนที่ดี มีจิตวิญญาณที่ดี
เพื่อปกป้อง ดูแลรักษาลูกหลานชาวไทยในรุ่นต่อๆ ไป
เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีของกองทัพไทย
เราอยากเห็นอนาคตของรั้วของชาติที่เข้มแข็งและ
สามารถฝากชีวิตลูกหลานของคนไทยทุกคนให้ท่านดูแลสืบไป

3. รถตู้ซิ่ง
คือคนตายเพราะรถตู้ซิ่ง มีตลอด ติดเครื่อง GPS ไว้ทุกคัน
แต่ไม่เคยแก้ปัญหาได้ แล้วเราจะติดเครื่องพวกนี้ไว้ทำไม?
คือประเทศเราเป็นอะไรที่มันประหลาด เป็นกับทุกที่ ทุกองค์กร
เราไปรับเอาทฤษฎี เอาแนวคิดที่มีประโยชน์มาใช้
ใช่ค่ะ เราใช้ แต่เราใช้ไม่หมด เราใช้แค่ฉากบังหน้า
แล้วแอบอ้างว่า เราใช้ทฤษฎี แนวคิด วิธีปฏิบัตินี้ๆๆ ในองค์กรเรานะ
แต่เราทำไม่เคยสุด หรือประยุกต์ใช้ไม่ถูกวิธี

เครื่องมืออะไรต่อมิอะไรก็ตามที่ติดตามรถตู้ จะไม่มีประโยชน์เลย
ถ้าคุณไม่ใช้ประโยชน์จากมัน
คุณจะตามเช็กก็ต่อเมื่อ "มีคนตาย" เท่านั้น ตามความรู้สึกเรา
เอาจริงๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรที่จะดูแลกำกับให้มากกว่านี้
"บันทึกสิ" บันทึกความเร็วรถตู้โดยสารทุกคันทุกวัน
คันไหนมีความเร็วเกินครั้งแรก ตักเตือน
หากตักเตือนแล้วยังขับเร็วเกินกำหนด คุณควรถอดถอนใบอนุญาติขับขี่ทิ้ง
เขาไม่เหมาะกับการขับรถตู้โดยสาร
ความผิดครั้งแรก มันถือว่า เผลอกันได้ ประมาทกันได้
แต่ความผิดครั้งต่อๆ มา มันไม่เรียกว่าเผลอ หรือประมาท
มันเรียกว่า "สันดาร" ค่ะ มัน "เยียวยาไม่ได้" "แก้ไขไม่ได้"

เราบอกเลย เรานั่งรถตู้บ่อย บ่อยจนไม่รู้ว่าจะตายวันไหน
รถตู้เป็นอะไรที่ประหลาด ใครแซงไม่ได้ โดนแซงแล้วหงุดหงิด
ต้องแซงคืน มันเป็นแบบนี้ประจำเวลาเรานั่ง
ไม่รู้ว่า ควบคุม กันได้จริงไหม? แต่ที่ตาเราเห็นอ่ะ
ความเร็วรถมันปาไป 130 กม./ชม.
จนทุกวันนี้ เราไม่นั่งรถตู้อีกแล้ว เพราะไม่ไว้ใจ
เราต้องดูแลพ่อแม่เรา เราฝากชีวิตไว้กับรถพวกนี้ไม่ไหว
เรามีคนที่เราต้องดูแล ต้องกลับไปหาทุกๆ เดือน

เราพูดจากใจเราเลยนะ ถ้าควบคุมไม่ได้ ก็ต้องตัดทิ้งทั้งหมด
ไม่อย่างนั้นเราก็สูญเสียแบบไม่มีจุดสิ้นสุด เพราะความใจร้อน
ความประมาทเลินเล่ออย่างต่อเนื่อง

ไม่ใช่แค่รถตู้ที่เร็วนะ รถ 10 ล้อ รถบรรทุกเนี่ยตัวดียิ่งกว่า
แว๊นกว่ารถตู้อีก บอกเลย เห็นกี่คัน เป็นเหมือนกันทุกคัน
เห็นบ่อยจนต้องขับห่างๆ ไกลๆ จะได้ไม่โดนลูกหลง
เวลาเกิดอุบัติเหตุ

3 ประเด็นหลัก ถึงจะมีเรื่องพีคๆ เรื่องอื่นตามมาอีกไม่เว้นวัน
แต่ 3 เรื่องหลักประเด็นดราม่าสังคมที่เราติดตามก็มีเท่านี้
หวังว่ามุมมองของเราจะสามารถส่งต่อไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง
ในแต่ละเรื่องในสักวันหนึ่ง และเป็นเครื่องฉุกคิดให้เขาได้
ลองมองพิจารณาตัวเองใหม่ แล้วนำสิ่งใหม่ๆ ที่มีประโยชน์
เข้ามาปรับปรุง เข้ามาปรับใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
ต่อองค์กรของเขาเอง


...หวังว่านะ...



Create Date : 28 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2560 12:56:22 น.
Counter : 816 Pageviews.

2 comments
  
พี่ก๋าไม่ค่อยได้ตามข้าวเลยครับ
ทั้งสามข่าวเลยไม่ค่อยรู้รายละเอียด
แต่ชอบที่น้องเขียนไว้ในเรื่องครูนะครับ
เป็นด้วยเลย

ปัญหาของครู
กลายเป็นปัญหาระดับชาติไปแล้ว

ครูไม่ดี ไม่มีคุณภาพ
จะผลิตเด็กที่มีคุณภาพออกมาได้อย่างไร

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:20:20:14 น.
  

สวัสดียามเช้าครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:6:42:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
พฤศจิกายน 2560

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
29
 
 
All Blog