สังคมคนใจบุญ สังคมแห่งนักฉวยโอกาส


พื้นฐานของคนไทยตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ เป็นคนใจบุญ
คนรุ่นทวด ปู่ย่าตายาย รวมถึงพ่อแม่ชอบการทำบุญสุนทาน 
ส่งต่อการทำบุญทำทาน การเข้าวัดเข้าวาจากรุ่นสู่รุ่นมาเรื่อยๆ
ทำให้เราติดภาพลักษณ์การเป็นคนชอบให้มาแต่เล็กแต่น้อย
เมื่อโลกนี้ยังไม่พัฒนาไปไกล การทำบุญจิตใจย่อมผ่องใส

แต่เมื่อมีความเจริญรุ่งเรืองเข้ามาสู่สังคมแห่งคนใจบุญ
การแปรเปลี่ยนของผู้คนในสังคมก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย
เราไม่อาจต้านทานความเปลี่ยนแปลงและความเจริญ
ทางด้านวัตถุ การล้าหลัง หรือ ล้าสมัยย่อมทำให้ผู้คน
เกิดความไม่พออกพอใจกับประเทศที่อยู่อาศัยไม่มากก็น้อย

เมื่อความเจริญทางด้านวัตถุก้าวนำความเจริญทางด้านจิตใจ
จากการทำบุญที่จิตใจผ่องใส แช่มชื่นแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง
การพบเห็นคนที่เราเคยทำทานให้ เอาเงินไปใช้เสวยสุขอย่างสำราญ
ทำให้เรารู้สึกไม่ชอบใจ ไม่พอใจ เสมือนว่าเราโดนหลอกเต็มๆ
จึงเกิดความแค้น และเริ่มตามล่าหาตัวคนที่ทำให้ใจเศร้าหมอง
อยากที่จะเข้าไปทำร้าย อยากที่จะเข้าไปเรียกร้องเอาคืน
แต่คุณลืมไปหรือไม่? ว่าการให้ก็คือการให้ มันเป็นการให้ด้วย
เสน่หา คุณอยากให้ คุณก็ให้เขาอย่างเต็มใจ เขาจะเอาไปใช้
ในด้านในก็เรื่องของเขา เขาจะไปกินหรูอยู่แพง ก็สิทธิเขา

แน่นอนว่า ด้วยสภาพสังคมของคนใจบุญ ที่มีแต่คนรักการทำทาน
อย่างไม่ลืมหูลืมตา ก็ย่อมส่งเสริมการสร้างสังคมแห่งนักฉวยโอกาสขึ้น
คนใจดีมีมาก คนอยากฉวยโอกาสก็พุ่งทะยานขึ้นตามไปด้วย

เงินที่ได้มาง่ายๆ จากการงอมืองอเท้า มานั่งเป็นขอทานไปวันๆ
ย่อมทำให้ผู้คนอยากที่จะเลียนแบบ อยากทำตาม เพราะ รักสบาย
งานง่ายๆ ไม่ต้องใช้แรงกาย ไม่ต้องใช้สมอง แค่มีแก้วน้ำ 1 ใบ
กับเสื้อผ้าโทรมๆ วิกผมที่ดูสกปรก และยกมือไว้ขอความเมตตา
ทำอย่างนี้ทุกวัน เดือนๆ หนึ่งได้เศษเงินจากคนใจบุญเป็นล้านๆ
จากคนพิการเที่ยวขอเงิน เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นคนขี้เกียจทำมาหากิน
ก็มานั่งเป็นขอทานแทนที่คนพิการ แล้วคนพิการเขาทำอะไร?

เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ในอดีตตัวเราเองก็เป็นคนชอบหยอดเหรียญ
ขอทานเหมือนกัน แต่ปัจจุบันเราเลิกทำไปนานมากๆๆ แล้ว
เพราะเราไม่อยากส่งเสริมให้คนกลุ่มนี้งอมืองอเท้าไปวันๆ
ไม่ทำงานทำการอะไรก็มีเงินมาใช้ได้ตลอด ตัวเราทำงานแทบตาย
ตัวเขาไม่ทำอะไรเดินวนไปมา นั่งวนไปมา ได้เงินเยอะกว่าเสียอีก
คนรักสบาย นักฉวยโอกาสผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดที่ออกยามฝนตก
แต่...อย่าลืมว่า การทำบุญ ทำทานกับใครก็ตาม ผลบุญนั้นต่างกัน
ตั้งแต่เราศึกษาธรรมะมาพอสมควร เราถึงเข้าใจว่า จริงๆ แล้ว
เราไม่ควรที่จะทำบุญทำทานเรี่ยราด ทำทานกับคนใจคด
เราก็ไม่ใช่ว่าจะได้บุญเสมอไป เหมือนเราไปส่งเสริมให้เขาทำผิด
พอเราเห็นเขา เราก็รู้สึกผิดบาปตามไปด้วย ไม่ได้ผ่องใสเลย

แล้วทำอย่างไรถึงจะดีต่อจิตใจของเราเอง? แฟนเราสอนเรามา
เขาสอนเรื่องการให้โอกาสคนที่เราควรให้โอกาส เพราะได้บุญ
มากกว่าการทำทานเรี่ยราดตามข้างถนน ให้โอกาสคนทำงาน
ให้โอกาสคนที่กำลังตั้งตัว ให้โอกาสแก่คนที่ตั้งใจทำงานเต็มที่
เราเลิกให้เงินขอทานตั้งแต่ได้ทำวิจัย...เราได้พูดคุยกับคนพิการ
ตัวเขาพิการตาบอดทั้งสองข้าง แต่เขาเป็นเจ้าของกิจการนวด
โดยมีคนพิการตาบอดกลุ่มหนึ่งรวมตัวกัน เพื่อมาทำงานนวด
ด้วยกัน เราเคยให้เงินเขาเพื่อตอบแทนที่เขาให้เราสัมภาษณ์
แต่สิ่งที่เขาทำ กลับทำให้เราเห็นคุณค่าของเขามากขึ้นไปอีก
เขาปฏิเสธเงินของเรา และเขาขอนวดให้เราจ่ายเงินค่าแรง
ให้เขาแทน แต่พอดีว่า เราไม่ชอบนวดมากๆ มันระทมมาก
ทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้หาคนไปนวดแทนเราเลย 5555555555+

ใจจริงก็อยากพาใครซักคนไปนวดเหมือนกัน แต่รอบข้างเรา
แต่ละคนเข็ดกับการนวดพอๆ กับเรา ก็เลยไม่มีใครไปเลย
เผื่อมีคนที่อยู่ในเชียงใหม่ คนไหนที่ได้อ่านผ่านตาก็ฝากไปทีค่ะ
สมาคมนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพโดยคนตาบอดจังหวัดเชียงใหม่
เรากล้าพูดเลยว่า เขาดีมาก เขาซื่อสัตย์มาก และเขารักงาน
เขามีศักดิ์ศรีมากๆๆ ถึงแม้ว่าตัวเขาจะพิการ แต่ใจของเขาไม่พิการ
เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะเรียน แต่เขาก็ทำมาหากินสุุจริตมากๆ
เราเห็นเราก็อยากส่งเสริมเขามากๆ ค่ะ ถ้าไม่ติดว่าเข็ดมากๆ
เราก็คงนวดที่ร้านเขาไปนานแล้วค่ะ

ที่เรายกตัวอย่างมา คือ สิ่งที่เราเห็นมาเอง เราได้พูดคุยกับเขา
เราได้รับฟังเขา เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะเรียนหนังสือให้จบ
แต่เขาก็ยังขวนขวายที่จะทำอาชีพสุจริต ไม่แบมือของเงิน
เหมือนขอทานในทุกวันนี้ เราเห็นแล้วเราก็คิดเลย ว่า นี่แหละ
คนที่เราควรส่งเสริมเขา คนที่ไม่งอมืองอเท้าแม้ร่างจะพิการ
ร่างเขาพิการ แต่จิตใจเขาสูงส่งมากๆ นะ ทำบุญทำทาน
กับคนที่จิตใจสูงแบบนี้ ได้บุญมากกว่าคนจิตใจต่ำอยู่แล้ว
การทำบุญกับคน จะได้บุญมาก ก็อยู่ที่จิตใจของผู้รับ 
ว่าเขาเป็นแบบใด ข้อหนึ่งที่เห็นชัดจากการให้ทานคือ
การให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง 
๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ 
แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

นี่เราแค่ตัดมาส่วนเดียวจากทั้งหมดเท่านั้น นั่นหมายถึงว่า
จริงๆ แล้ว การทำทานนอกจากจะต้องพิจารณาให้ดีแล้ว
เราก็ไม่ควรให้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า ให้ทาน ให้โอกาสแก่
คนที่สมควรให้โอกาส นั่นแหละ คือ การทำทานที่แท้จริง
อยากฝากให้หลายๆ คนได้คิดพิจารณาเรื่องการทำทานใหม่
ทำทานเรี่ยราด แล้วภายหลังมาเสียใจ จิตใจก็เศร้าหมอง
เสียเปล่าๆ ค่ะ อยากทำทานแล้วจิตใจผ่องใส ให้ทาน
แก่ผู้ที่คู่ควรแก่การให้ จิตใจผ่องใสทั้งผู้ให้และผู้รับ
ดีต่อทั้งสองฝ่ายมากกว่าจริงๆ ค่ะ ^^



Create Date : 11 กันยายน 2561
Last Update : 11 กันยายน 2561 11:14:05 น.
Counter : 600 Pageviews.

3 comments
  
เดี๋ยวนี้ที่เห็นหลอกกันเยอะที่สุด
จะเป็นเรื่องการทำบุญกับสัตว์
เปิดให้โอนเงินเข้าบัญชี
แล้วก็หลอกลวงกันนะครับ

ขอทานในเชียงใหม่พี่ก๋าไม่ค่อยเป็นแล้ว
แต่ตอนไปอินเดีย
อันนี้เห็นเยอะมากจนงงครับ เดินไปไหนก็มีแต่ขอทานจริงๆ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กันยายน 2561 เวลา:11:53:14 น.
  
เรื่องเล่าเกี่ยวกับวัวมีเยอะมากจริงๆครับ
ตอนนั่งรถบัสไป เวลาเจอวัวเค้าจะรอจนวัวข้ามถนนเสร็จ รถถึงเคลื่อนที่ต่อ
กินข้าวทุกมื้อไม่มีเมนูที่ทำจากเนื้อเลยครับ

ทริปที่พี่ก๋าไปดีหน่อย
หัวหน้าทัวร์เตรียมน้ำพริก พริกน้ำปลาไปด้วย
บางมื้อก็มีอาหารไทยสลับ
ถ้าอาหารอินเดียล้วนๆ
กินยากมากครับ 5555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กันยายน 2561 เวลา:22:05:38 น.
  

สวัสดียามเช้าครับน้องเหม่ง

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กันยายน 2561 เวลา:6:50:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
กันยายน 2561

 
 
 
 
 
 
1
3
6
10
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog