รักสุขภาพ นับแคล กินคลีน...แต่ก็ต้องรักตัวเอง
ช่วงนี้เห็นกระแสรักสุขภาพมาแรงมาก กินคลีน กินแต่ผัก งดเนื้อนมไข่
กันเต็มไปหมด จนไม่รู้ว่า ชีวิตนี้ จะกินอะไรได้อีกไหม?

ก็พาลทำให้เรานึกถึงกระทู้นึงที่เคยอ่านที่มีคนแชร์ประสบการณ์
ป่วยจากการรักสุขภาพ กระทู้นี้

บวกกับที่ฟังแฟนเล่าเรื่องที่ อาจารย์ผู้สอน บ่นในห้องเรียนว่า
"เนี่ย ผมก็กินคลีนนะคุณ แต่ น้ำหนักผมเพิ่มมาเกือบ 10 กิโลแล้ว"
คุยกันไปๆ มาๆ ก็คิดว่า การกินคลีน ไม่ได้ทำให้สุขภาพดีหรอก
กินคลีนจริง ทำไมมันอ้วนขึ้นขนาดนั้นได้

ทราบว่า อาจารย์ สั่งอาหารคลีน รับประทานเป็นกล่องข้าว
แบบผูกปิ่นโตทุกมื้อ กับ เจ้าประจำในย่านใกล้ๆ มหาวิทยาลัย
ก็บอกแค่ว่า มันก็อร่อยดี แล้วเราก็เลือกได้ว่าจะกินอะไรด้วย
มันจริงอยู่ว่า ของที่กินรสชาติดี และนับแคลแล้วน้อยดี
แต่กินไปกินมา ก็น้ำหนักเพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ

แล้วแฟนก็พูดถึงเรื่องที่เคยคุยกับหมอ เรื่องพวกนี้แหละ
หมอก็บอกว่า "เอาตรงๆ นะ อยากแดกอะไรก็แดกไปเถอะ
เกิดมา ยังไงก็ต้องตาย ไม่ใช่จะอยู่ได้ตลอดไปอยู่แล้ว
ไม่ตายเพราะมะเร็ง ก็ต้องตายเพราะอย่างอื่นอยู่ดี"
ฟังแล้วก็แบบ โอ้ยยยยย 5555555555555555555555
เอออออออออ จริงของหมอ

ก็มาคิดถึงกระแสสังคมทุกวันนี้ ที่รักสุขภาพกันมากๆๆๆ
กินคลีนมั่ง ชวนกันมาทานมังสวิรัตมั่ง บางคนก็กินเจ
เจแบบหลอกๆ เนื้อหมูหลอกๆ อะไรต่อมิอะไรหลอกๆ
กินแต่ของหลอกๆ จนป่วยเป็นภูมิแพ้ตัวเองกันแบบเจ้าของกระทู้
ที่เราเคยอ่าน เราไม่แปลกใจเลย ทำไมคนถึงเป็น
ภูมิแพ้ตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

เพราะมัวแต่รักในสิ่งที่ตัวเองอยากจะรัก แต่ไม่รักตัวเองจริงๆ
คือ ไม่สังเกต ไม่รักร่างกายของตัวเอง ไม่รู้ว่าร่างกายไหว
ไม่ไหว จนทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายค่อยๆ พังอย่างช้าๆ
คนเราร่างกายแต่ละคนแตกต่างกันมาก ระบบย่อยต่างๆ
ก็ต่างกันขึ้นกับแต่ละบุคคล บางคนย่อยเนื้อได้ดี กรดสูง
แต่ดันกินแต่ผัก กินแต่ถั่ว กินมันจนป่วยนั่นแหละ

ทุกวันนี้ เราออกกำลังกายโยคะเกือบทุกวัน มีวันพัก
แล้วก็ body workout ด้วย ทานอาหารทุกอย่างที่อยากทาน
แต่ไม่มากเกินไป มีเนื้อ มีผัก เราทานผักแค่ให้ตัวเอง
ขับถ่ายสะดวก ไม่เป็นรวงสีดิ๊ดอีก ส่วนเนื้อเราก็ทานปกติ
ข้าว ขนมปัง นม ไข่ คือ ทานทุกอย่างปกติทั้งหมด
ร่างกายเราก็แข็งแรงกว่าแต่ก่อนมากๆ มีกล้ามขึ้นใต้ชั้นไขมัน
ร่างกายกระชับเป็นสัดส่วนขึ้นมากๆๆ เรากินอะไรเราก็ไม่นับแคล

ซึ่งไม่รู้จะนับแคลไปทำไม ในเมื่อมันเป็นค่าที่เกิดจากการ
นำสิ่งนั่นๆ ไปเผา แล้วดูจำนวนแคลที่เกิดขึ้น ถ้าเทียบกับที่
ร่างกายคนเราดูดซึมได้ มันก็ไม่มีทางได้เท่าที่แคลที่นับๆ หรอก
นับแคลมากเกินไป ก็ขาดสารอาหาร สารอาหารไม่เพียงพอ
ร่างกายก็จะผิดปกติอีก ป่วยที่ละเล็กๆ น้อยๆ ไม่รู้ตัว
มารู้ตัวอีกที คือ เจ็บจนใกล้ตายแล้วอะไรแบบนั้น
เราเป็น PCOS เราจะขาดสารอาหารมากไม่ได้ เราเลยไม่นับแคล

เราคิดแล้ว เราก็ไม่เอาหรอกแบบนั้น เรากินอาหารไม่ซ้ำ
เราทั้งทำอาหารทานเอง ทั้งไปทานตามร้านต่างๆ
เปลี่ยนบ่อยๆ ไปเจ้าโน้นมั่ง เจ้านี้มั่ง สลับๆ ไปทุกวัน
แต่มื้อเย็นส่วนมาก ถ้าอยู่คนเดียวเราก็กินสลัดทำเอง
เพราะต้องออกกำลังกายแล้วต้องรีบอาบน้ำเลย
ไม่อย่างนั้นสิวจะขึ้นเต็มไปหมด เพราะต้องอาบน้ำ
เราก็ไม่อยากออกไปทานข้างนอก มื้อเย็นส่วนมาก
เลยทำกินเองตลอด นอกจากอยู่กับแฟน แฟนจะพาไป
ทานที่อื่นบ้าง แต่ไม่บ่อย

เมื่อก่อนตอนไปปฏิบัติธรรมกินเจ แต่มีปัญหาสุขภาพ
เราทานถั่วมากไม่ได้ มันจะมีแต่แก๊สในกระเพาะอาหาร
แล้วก็ต้องตดตลอด ทั้งเสียงดังแล้วก็เหม็นมากด้วย
บอกตรงๆ รับสภาพแบบนั้นไม่ไหวจริงๆ มันทุเรศตัวเอง
เราก็เลยกินมันทุกอย่างที่ตัวเองกินได้นี่แหละ ถั่วเราเว้นๆ
ดื่มนม ก็ดื่มแบบที่ไม่มีแลคโตส ยี่ห้อ mMilk มันเป็นนมสด
มันไม่ใช่นมผงแบบยี่ห้ออื่น ซึ่งกินแล้วเหนียวคอมาก
นมไม่หอมด้วย เคยกินนมสดแล้วถึงรู้ว่า นมสดจริงๆ
เป็นแบบไหน ในตลาดที่กินแล้วโอเคสุด ก็ยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียว

ส่วนผักเราก็เลือกซื้อจากร้านโครงการหลวงเอาเลยอ่ะ
ถามว่าพ่นยาไหม พ่นนะ คนปลูกจะเห็นแต่กระบวนการที่พ่น
(แต่ไม่รู้ว่า กระบวนการหลังจากนั้น เขาทำยังไงต่อ)
แต่เขาก็มีกรอบกำหนดรอบระยะเวลาที่จะเก็บ ซึ่งยาที่พ่น
เป็นยาที่อายุสั้น ย่อยสลายเร็ว พอถึงกำหนดเก็บเกี่ยว
เขาก็เก็บแล้วนำผักไปส่งที่โรงคัดแยก ในโรงคัดแยก
เขาก็จะตรวจสอบคุณภาพและวัดปริมาณสารตกค้าง
ถ้าผ่านก็ถึงเอาออกมาจำหน่าย ถ้าไม่ผ่านเอาไปรอทำปุ๋ย
ถามว่าทำไมรู้ คือ ก็เคยตามเพื่อนไป เพื่อนชวนไปดู
แปลงผักทดลอง เพื่อนเราก็ทำวิจัยพันธุ์ผักในนั้นอยู่อ่ะ
เราเลยเห็นกระบวนการทั้งหมดกับตาตัวเองทั้งหมด
ส่วนเจ้าอื่น เราไม่ทราบอะไรเลยจริงๆ เลยไม่ขอพูดถึง

เราเคยเห็นที่คนมาแนะนำให้ออกกำลังกายแบบโน้นแบบนี้ดี
บอกให้เราวิ่ง วิ่งดีนะ โน่นนี่นั่น เราวิ่งมา 3 ปี พุงเรายังไม่ลดเลย
แล้วหุ่นเราก็แผละมาก ย้วยมาก มีแต่ไขมันห้อยย้อยสุดๆ
พอมาโยคะพร้อม body workout ทุกอย่างค่อยๆ ลด หุ่นกระชับขึ้น
ในไม่กี่เดือน ไม่ต้องเข้าคอร์สอะไรด้วย ดูยูทูปอย่างเดียวเลย
แนะนำให้กินแต่โน่น กินแต่นี่ อันนี้ดี อันนี้ไม่ดี งานวิจัยรองรับ
บ้างอะไรบ้าง ซึ่งงานวิจัยเป็นของต่างประเทศ ในเนื้องาน
เขาก็ระบุชัดเจน ผลงานวิจัยนี้ มีความสัมพันธ์เฉพาะกับ
กลุ่มคนในโซนทวีปนั้นๆ เชื้อชาตินั้นๆ ส่วนคนนอกเชื้อชาติ
ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ เราก็เลยเข้าใจว่า งานวิจัยต่างๆ
ถ้าไม่ได้มาจากคนในแถบทวีปเรา แม่งใช้ไม่ได้ซักอย่าง
แถมงานวิจัยหลายอย่าง มาจากกลุ่มทุนอยู่ข้างหลังอีก
เพื่อที่จะขายของๆ ตัวเองได้ ก็ต้องทำงานวิจัยให้มีผล
ออกมารองรับกับของที่ตัวเองอยากขาย ก็กลายเป็นว่า
คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็จับทุกอย่างประเคนให้คนไม่รู้กว่าฟัง

ที่อยากจะบอกก็คือ ใครจะมาอ้างงานวิจัยจากต่างประเทศ
คุณก็ต้องฟังหูไว้หู เพราะมันใช้ไม่ได้จริงกับคนในเชื้อชาติเรา
คุณจะนับแคล ไม่นับแคลเป็นสิทธิของคุณ แต่ไม่ควรชักชวน
แซะหรือกดดันให้คนอื่นทำตามคุณ เพราะร่างกายของเขา
ไม่เหมือนกับคุณ ถ้าคิดว่านับแคลดีจริง ก็ย้อนไปอ่านกระทู้
ที่เราแปะลิ้งไว้ ไปอ่านดูว่าคนที่เขานับแคลแล้วออกกำลังกาย
อย่างหนัก สุดท้ายมันก็กลายเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างรุนแรง

รักตัวเองให้ถูกทาง รักอย่างถูกวิธี บริโภคอาหารให้ได้สารอาหาร
อย่างครบถ้วนในแต่ละวัน เลี่ยงอาหารที่หลอกๆ เนื้อหมูเทียม
เนื้อสัตว์เทียมต่างๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเถอะ ของพวกนี้ไม่ได้มี
ประโยชน์ขนาดนั้น มันทดแทนกับของจริงไม่ได้ ไม่กินคุณอยู่ได้
แต่อยู่ได้แบบคนขาดสารอาหารไปทั้งชีวิตนั่นก็สิทธิของคุณ
เราไม่ได้บอกให้คุณทำตามเรา แต่เราเตือนไม่ให้คุณเอา
แนวคิดใดๆ ของคุณไปยัดเยียดให้คนอื่นเขาทำตามคุณ
เพราะคนทุกคนมีร่างกายที่แตกต่างกัน ต้องการสารอาหารต่างกัน
ออกกำลังกายได้ ไม่ได้ต่างกัน เราเห็นข้อนี้จากแม่ของเราเอง
เคยชวนแม่วิ่ง แต่หมอสั่งห้ามไม่ให้แม่เราวิ่ง เนื่องจากกระดูกพรุน
วิ่งไปก็คงได้นั่งรถเข็นไปนานแล้ว หาวิธีออกกำลังกายในแบบของคุณ
บริโภคอาหารในแบบของคุณ ที่ไม่ทำร้ายร่างกายของตัวเอง
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

สำหรับคนรักสุขภาพสายบุญ (ถ้าไม่ใช่แนว ไม่ต้องอ่านก็ได้)
ถามว่า ไม่กินเจ กินเนื้อ มันก็บาปน่ะสิ ข้อนี้เราเคยสนทนา
กับพระอาจารย์ของเราแล้ว ท่านบอกว่า "คนเรากินทุกวันนี้
ก็เพื่อรักษาให้สังขารมันมีอยู่แค่เท่านั้น จะกินอะไรมันก็
ไม่บาปมากน้อยไปกว่ากันหรอก คิดแบบนี้แล้วจะกินอะไร
ก็สบายใจนะ อยู่ได้ ไม่ทุกข์กับทุกอย่างในชีวิต แม้กระทั่ง
เรื่องกิน" ซึ่งจริงๆ แล้วบาปบุญ มันขึ้นกับการกระทำของเรา
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า เราจะกินไม่กินอะไรทั้งนั้นแหละ

คุณไปฆ่าคน ฆ่าสัตว์ใหญ่ ไปขโมยของคนอื่น ไปลักลอบเป็นชู้
กับคนที่เขามีเจ้าของ ไปโกหกหลอกลวงผู้คนเป็นร้อยเป็นพัน
ไปเสพสิ่งมึนเมาจนขาดสติ นั่นต่างหากที่จะทำให้คุณก่อบาป
บาปที่ติดตัวคุณไปจนวันที่คุณตาย แล้วเกิดใหม่ในภพที่ต่ำลงเรื่อยๆ
หรือเกิดใหม่ในตระกูลที่ต่ำลงเรื่อยๆ ความดีทำยาก ความชั่วทำง่าย
จิตของคนเรามักไหลลงต่ำ ทุกคนเคยชินกับการกระทำผิดบาป
และมักจะทำมันง่ายๆ เสียด้วย คนที่ดี เขาทำดีง่าย ทำเลวยาก
ทำเลวแล้วลำบากใจ ไม่มีข้ออ้างให้กับการทำความเลวใดๆ
แต่คนที่เลว มักจะหาข้ออ้างเพื่อกระทำความเลวต่างๆ ให้ดู
เป็นสิ่งที่ถูกที่ควรสำหรับตัวเอง อ้างเพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่ผิดบาป
ทั้งที่มันบาปไปตั้งแต่เริ่มกระทำแล้ว

พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้เรากินเจ กินมังสวิรัตินิ เจมันมาทีหลัง
พุทธแท้ไม่มีนิกายใดๆ ทั้งนั้น เราเชื่อในคำสอนของพระอาจารย์ของเรา
เราเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า เราศรัทธาในพุทธแท้ที่ไม่มีนิกาย
สิ่งที่เกิดทีหลังไม่ใช่พุทธแท้ทั้งนั้น มีแต่เสริมในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี เข้าไป
จนคำสอนมันผิดเพี้ยนไปหมด พระอาจารย์เราบอกมาแบบนี้ ซึ่งจริง
ผิดไปแม้กระทั่ง ทำบุญเยอะๆ จะได้ขึ้นสวรรค์ เป็นต้น เพี้ยนไปมาก
เราศึกษาทุกอย่างเอง หาอ่านเอง ยังไม่มีส่วนไหนบอกว่า ให้ใช้เงินซื้อบุญได้
มันไม่มี ศาสนาก็เพี้ยน คำสอนก็เพี้ยน คนก็เลยเพี้ยนตามๆ กัน



Create Date : 14 มิถุนายน 2562
Last Update : 14 มิถุนายน 2562 20:28:30 น.
Counter : 562 Pageviews.

3 comments
  
พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้กินเจ หรือกินมังสวิรัติ์.. นั่นน่าจะจริง
เพราะพระอาจารย์หลายท่าน เคยพูดไว้

ปกติเมื่อก่อนสรรหาของกิน ไม่อ้วน..แต่พออีกสักพัก กินน้อยลงแต่
พุงออก หุ หุ...

ปัจจุบันกิน แต่ไม่มากเท่าใดกินพออิ่มก็พอ ไม่ได้กลัวอ้วนเท่าใด
กลัวโรคถามหามากกว่า

ส่วนการทำบุญมาก ๆ จะได้ขึ้นสวรรค์เฉย ๆ ยิ่งให้ทำบุญสิ่งที่ใหญ่
ที่สุดในโลกนี้ ได้แต่หัวเราะ หุ หุ.. เดินหนีครับ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 14 มิถุนายน 2562 เวลา:21:10:41 น.
  
พี่ก๋ากินปกติเลยครับ
แต่ลดเค็ม ลดหวาน ลดมัน
ถ้ากินข้าวบ้านได้ก็กิน
กินข้าวนอกบ้านน้อยหน่อย

ออกกำลังกายวันละ 1 ชั่วโมง
อาทิตย์ละ 4-5 วัน

สุขภาพโดยรวมก็โอเคครับ
ผอมลงนิดหน่อย
มีพุงอยู่ 555


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มิถุนายน 2562 เวลา:23:02:54 น.
  

สวัสดียามเช้าครับน้องเหม่ง


พุงไม่ลด
แต่ห้ามพุงหลามกว่าเดิมเป็นใช้ได้ครับ 555
จริงๆน้ำหนักพี่ก๋าลดลงไป 5-6 กิโลแล้วนะ

ตอนนี้มาดามช่วยให้ทำเวทเทรนนิ่งไปด้วย
ก็ช่วยเยอะเลย
แต่เหนื่อยครับ จริงๆพี่ก๋าชอบเดินมากกว่า
เล่นบอดี้เวทแล้วเหมือนแรงจะหมด
สลบเหมือดทุกทีเลย 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 มิถุนายน 2562 เวลา:6:26:08 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
มิถุนายน 2562

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog