ธันวาคม 2561

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ลำนำราตรี จื่อเวยหลิวเหนียน เขียน



สวัสดีปีใหม่ 2562 ค่า Smiley




ลำนำราตรี (2 เล่มจบ)
จื่อเวยหลิวเหนียน เขียน
อัญชลี เตยะธิติกุล แปล
สำนักพิมพ์อรุณ  ในเครืออมรินทร์
760 บาท  868 หน้า


หลังปก


เด็กหญิงผู้ซุกซนสดใส ต้องพลัดพรากจากครอบครัวที่รัก ถูกจับตัวมาอยู่ในลัทธิมาร เติบโตท่ามกลางความทรงจำดำมืด ต่อสู้ดิ้นรน พิสูจน์ฝีมือกระทั่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสังหาร นางฝึกศาสตร์วิชาลับถึงขั้นทำลายตนเอง ชีวิตนี้เป็นหรือตาย มีรักหรือไร้รัก ล้วนไม่ไยดี ทั้งหมดเพื่อการแก้แค้น

เด็กหนุ่มวัยสิบห้าถูกจับตัวเข้าลัทธิมาร เจ็ดปีที่สาบสูญ ถูกเคี่ยวกรำให้เป็นมือสังหาร กระทั่งเป็นผู้คุ้มกันเงาของนาง ยอมทำตามบัญชา คร่าชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน ชีวิตนี้ต้องอยู่รอดเพื่อรอคอยโอกาสหลบหนี หวนคืนมาตุภูมิ

สองดวงใจมาผูกพันด้วยปณิธานที่แตกต่าง… หนึ่งผลักไส หนึ่งไล่ตาม นางยอมแลกทั้งชีวิตเพื่อหนี้เลือดที่รอการสะสาง เขายอมแลกทั้งหัวใจเพื่อแบกรับทุกอย่างแทนนาง เพื่อดึงนางออกมาจากอนธการแห่งเงาอดีตและพานางกลับมาด้วยกัน…กับเขา


คุยกันหลังอ่าน

แค่เปิดหน้าแรกอ่านจิตใจก็สั่นระรัว ระริกระรี้อยากแวะมากรี๊ดกับทุกคนก่อน แต่กลัวว่าอ่าน ๆ ไปแล้วช่วงหลังจะผิดหวัง ยัง เราจะอดทนไว้จนกว่าจะอ่านจบ

เป็นกลิ่นอายที่โอถวิลหามานาน ลักษณะประมาณนี้ ตัวละครประมาณนี้ ความดุดันของเนื้อเรื่องประมาณนี้ 

เรื่องเริ่มต้นด้วยการเล่าถึงลัทธิมาร ลัทธิมืดที่ป่าเถื่อน จับเด็กมากมายมาขัง ฝึกเคี่ยวกรำเฆี่ยนตี คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด พระเอกก็เป็นหนึ่งในเด็กที่อยู่ในนั้น

แรกเริ่มเนื้อเรื่องยังไม่เปิดเผยที่มาของพระเอกนัก บอกแค่ว่าเขาเป็นชาวจงหยวน ถูกจับมาเพราะความไร้เดียงสาต่อโลก คิดเพียงว่าตอนนั้นตนเก่งแล้ว แท้จริงยังมีผู้ที่มีความสามารถเหนือกว่ามากจนไม่อาจเทียบ เป็นคนเงียบ ๆ ไม่วิงวอนโชคชะตา คิดเพียงว่าเพราะตอนนั้นตนอ่อนแอเองจะโทษใครได้ ได้แต่กัดฟันอดทน ยึดมั่นให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะสามารถอยู่ต่อไปได้

กัดฟันอยู่หนึ่งปี ค่ายเชลยก็ต้องการคัดเลือกคน จากสามร้อยขอเพียงสามคนที่สามารถมีชีวิตรอดไปได้ ให้เวลาหกวัน พระเอกสามารถยืนหยัดมีชีวิตอยู่ และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาได้เพื่อนตายหนึ่งคน ตอนนั้นพวกเขาอายุสิบห้าปี

รอดจากด่านคัดตัวค่ายเชลย จึงได้รับชื่อจากเจ้าลัทธิ พระเอกชื่อ ซูอิ่ง เพื่อนของเขาชื่อ จิ่วเวย เจ้าลัทธิมอบซูอิ่งให้เป็นผู้คุ้มกันเงาของจยาเยี่ย นางเอก หนึ่งในเจ็ดสังหาร ซึ่งเป็นเพียงเด็กสาวอายุเพียงสิบสองสิบสามปีเท่านั้น

เจ็ดสังหารลัทธิมารเป็นมือสังหารที่มีฝีมือโดดเด่น มีบทบาทสำคัญต่อลัทธิ และได้รับมอบหมายแต่งานสำคัญ จยาเยี่ยเองแม้จะดูเด็ก แต่อุปนิสัยเย็นชา เข้าถึงยาก มักทำอะไรเพียงคนเดียว แม้จะได้ซูอิ่งมาเป็นผู้ช่วย แต่ก็มีปฏิสัมพันธ์กับเขาน้อยมาก

จย่าเยี่ยเปรียบเหมือนหัวหน้าของซูอิ่ง นางสามารถสั่งเขาได้ เปรียบเหมือนเจ้าชีวิต นางอยู่เขาอยู่ นางตาย เขาไม่รอด เปรียบเหมือนอาจารย์ มือสังหารไม่ใช่แค่การฆ่าคนเพื่ออยู่รอด แต่คือการปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วง และสามารถถอนตัวอย่างปลอดภัย ในค่ายเชลย ซูอิ่งใช้ความสามารถและความอดทนเอาตัวรอด แต่ในฐานะมือสังหาร มีรายละเอียดปลีกย่อยที่เขาต้องเรียนรู้มากมาย การสืบเสาะ แฝงตัว การค้นหาเป้าหมาย การคิดวิธี การใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ แต่ที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือจิตใจ จยาเยี่ยรู้มาตลอดว่าซูอิ่งไม่เหมาะกับการเป็นมือสังหาร เขาไม่ใช่คนในโลกมืดเช่นนางหรือคนอื่น ๆ หลักการที่เขายึดถือจะทำให้เขาตาย ดังนั้นจยาเยี่ยจึงให้ทางเลือกแก่ซูอิ่ง ในที่สุดซูอิ่งก็ตกลงทั้งกายและใจ ยอมเป็นมือสังหาร ทิ้งหลักการที่เคยยึดมั่น ซูอิ่งจึงกลายเป็นมือขวาคนสำคัญของจยาเยี่ยนับแต่นั้น

เหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในลัทธิมาร ร่วมมือกันเพื่อวัตถุประสงค์ ขัดขากันเพราะวัตถุประสงค์ ขั้วอำนาจเปลี่ยนมือ พริบตาผ่านไปหลายปี ซูอิ่งและจยาเยี่ยออกจากลัทธิมาร

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นอย่างไม่ชัดเจน อยู่ร่วมกันหลายปีจนกลายเป็นความผูกพัน จยาเยี่ยทั้งเฉยชา ใช้ประโยชน์ ให้ประโยชน์ ช่วยเหลือ และยังคงเป็นปริศนาสำหรับซูอิ่งเสมอ แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี จยาเยี่ยยังคงมีรูปลักษณ์เป็นเด็กสิบสองสิบสามปีเหมือนครั้งแรกที่พบ

จากลัทธิมาร แดนตะวันตกป่าเถื่อน สู่จงหยวน ดินแดนแห่งอารยธรรม มืดสู่สว่าง หลงทางสู่มาตุภูมิ ไร้สถานะ กลับคืนสู่สถานะ

แต่ชีวิตยังคงสับสน ต้องดิ้นรนดังเดิม


+++


ตอนที่โออ่าน 'เกี่ยวกับผู้เขียน' หน้าสุดท้ายในเล่มหนึ่ง มีคำอธิบายตัวผู้เขียนเองไว้ว่า 'แนวที่เขียนมีความละเอียดลออ นิสัยตัวละครแปลกใหม่' โอเลิกคิ้วนิด ๆ แต่พออ่านจบเล่มสอง เจอ 'เกี่ยวกับผู้เขียน' ท้ายเล่มอีกครั้ง โอพบว่าคำนิยามนี้ใช้ได้กับงานของผู้เขียนจริง ๆ 

ถ้าส่วนแรกเป็นความดุเดือดของการดิ้นรนเอาชีวิตรอด ส่วนที่สองคือการขับเคี่ยวชิงไหวชิงพริบ ส่วนที่สามคือการต่อสู้ทางความคิดและอารมณ์ ส่วนสุดท้ายกลับเหมือนเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าริมฝั่งทราย คลายเกลียว ไหลซึมเข้าแผ่นดิน โอเตือนก่อนสำหรับคนที่คิดว่าเรื่องนี้จะเลือดพล่านทั้งเรื่อง นี่ไม่ใช่เรื่องที่มีการขับเคี่ยวต่อสู้กันแบบนั้นค่ะ

โอคิดว่าแก่นเรื่องของนิยายเรื่องนี้เรียบง่ายสมถะมาก มันคือการดำรงอยู่ของแต่ละบุคคล การมีชีวิต การใช้ชีวิต ความสัมพันธ์ที่เมื่อเกิดกับบุคคลใดแล้วย่อมก่อให้เกิดผลกระทบ คนมากกว่าหนึ่งคนอยู่ร่วมกันแล้วย่อมเกิดสังคม สังคมกับคนไม่สามารถแยกตัดขาดกันได้อย่างสิ้นเชิง คนจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสังคมให้ได้

ความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครมาพร้อมกับการตัดสินใจ ซึ่งนำไปสู่ทางแยกของการตัดสินใจ ต่างคนต่างตัวตน ต่างที่มา ต่างความคิด ต่างตั้งอยู่ในความรับผิดชอบที่ต่างกัน และการตัดสินใจที่ต่างกันก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน

นอกจากประเด็นเรื่องของคน ที่เน้นในเรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องของครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่อาจตัดความสัมพันธ์ได้ขาด

ซึ่งมันเป็นหัวข้อที่ง่าย แต่ลึก และยากที่จะเขียนถึงมาก แต่ผู้เขียนก็ทำได้ดีมาก 

โอชอบบทสนทนาของตัวละครหลาย ๆ ครั้งเลย เป็นแนวคิดของผู้เขียนที่ใช้ตัวละครส่งผ่านมาให้ผู้อ่าน

ตัวละครของเรื่องนี้ค่อนข้างแปลกจริง ๆ แปลกในแบบที่มีตัวตนในชีวิตจริงอย่างคาดไม่ถึงเลย อย่างตัวละครบ้านพระเอก โดยปกติบ้านพระเอกจะเป็นตัวละครฝั่งดี หรือสีออกค่อนข้างขาวเป็นหลัก แต่เรื่องนี้เราไม่สามารถแยกแยะได้ พวกเขาเป็นคนดีนะคะ แต่ก็มีความเป็นมนุษย์ปุถุชนมาก ๆ มีความเห็นแก่ตัว ไม่ได้สมบูรณ์พร้อม อย่างตัวละครพี่ใหญ่กับพี่รองของพระเอกจะเห็นชัดมาก พี่ใหญ่เป็นพี่ชายที่ดี เคร่งครัด นึกถึงตระกูลเป็นหลัก แต่เขาเป็นคนเดียวในบ้านที่แต่งอนุ หรือพี่รอง คู่ครองของเขาเป็นคนที่ปากคอร้าย เอาแต่ใจ แต่พี่รองก็เกรงใจภรรยา แม้จะมีคนรักอื่น ก็ไม่กล้าแต่งให้เป็นอนุ แต่ในบทบาทของการเป็นพี่ชาย เขาทำได้ดีมาก รักพี่น้อง ยอมช่วยเหลือตามคำขอพระเอกทุกอย่าง นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่จะทำให้เราเห็นภาพชัดว่าเขาเล่นเรื่องประเด็นของครอบครัว บทบาท และตัวตนไว้มาก

พูดถึงตัวละครพระนางบ้าง

เริ่มที่พระเอกก่อน พระเอกเป็นคนหน้าตาดี โดดเด่นเลยค่ะ สมัยที่อยู่ลัทธิมาร เพื่อนยังเคยเตือนเลยว่าอย่ายิ้ม จะเป็นภัยต่อตัว เป็นตัวละครที่สมบูรณ์แบบในเรื่องของการรักมั่นต่อคนรัก เขารักปักใจต่อนางเองเพียงคนเดียว โดยพื้นฐานเป็นคนจิตใจดีหวังผดุงคุณธรรม ซึ่งดันไปขัดกับหลักปฏิบัติในลัทธิมารเข้า เพื่ออยู่รอดจึงต้องทิ้งหลักการเดิม หลังออกจากลัทธิมา บางครั้งเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่ต้องการ เขาก็ยังมีความเย็นชาเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจติดมาด้วยค่ะ

เรื่องนี้จะแปลกอีกตรงที่ ในนิยายเรื่องอื่น เรามักจะรู้จักพระเอกน้อยกว่านางเอก แต่เรื่องนี้ตรงกันข้าม เราโตมากับพระเอก อยู่กับความคิดพระเอกเป็นหลัก ตอนเขาอ่อนแอ สับสน เราสงสาร ตอนเขาหมดทาง เราเห็นอยู่ ตอนเขาดิ้นรน เราเอาใจช่วย เราจะเห็นทุก ๆ อารมณ์ของเขา ซึ่งทำให้พระเอกมีความเป็นมนุษย์มาก ๆ 

ส่วนนางเอก จะตรงกันข้ามกับพระเอกเลย นางเป็นตัวละครลึกลับที่คนอ่านอย่างเรารู้จักน้อยมากในช่วงแรก แสดงออกทางอารมณ์น้อยมาก เป็นคนที่ไม่แยแสคนอื่น ไม่แยแสแม้กระทั่งตนเอง เป็นคนที่คนอ่านอย่างเราจะอึดอัดกับนางมาก ๆ แต่ก็จะเข้าใจนางด้วย

โอว่าผู้เขียนเขียนตัวละครนางเอกดีนะ ถ้าเขาให้เหตุผลไม่ดีพอ ตัวละครนางเอกจะเป็นตัวละครที่น่ารำคาญมาก แต่ในเรื่องนี้เราอาจจะหงุดหงิด แต่เราจะเข้าใจนาง เมื่อเราหงุดหงิด ผู้เขียนคลายปมบางอย่างออกมา เราเข้าใจ เราเริ่มหงุดหงิดใหม่ ผู้เขียนเฉลยปมใหม่เข้ามาอีก เป็นอย่างนี้เรื่อย ๆ 

ความรักของคู่นี้เป็นความรักหวานอมขม รักกัน แต่มีอุปสรรคมากมาย กว่าจะผ่านแต่ละครั้ง แต่ละเงื่อนไขนี่ สะบักสะบอมเลย ตอนแรกโออึดอัดกับเหตุการณ์ที่เหมือนวนในอ่าง หาทางออกไม่เจอ พระเอกยึดจับ นางเอกหาทางสะบัดออก แต่พอมาคิด ๆ ดู เหตุการณ์ดูเหมือนวน แต่ความรู้สึกไม่วนนะ ทุก ๆ ครั้งจะมีเรื่องใหม่เกิดขึ้น เกิดความเข้าใจใหม่ขึ้น และเกิดเงื่อนไขใหม่ขึ้น ที่สำคัญบทสนทนาที่เขาใส่มามันอธิบายและให้อะไรเราหลาย ๆ อย่างเลย

พูดถึงเหตุการณ์ในเรื่องบ้าง โอว่าผู้เขียนเล่าค่อนข้างละเอียดเลยนะ ถ้าอ่านใกล้ ๆ อาจดูเหมือนยาก ดูเยอะยิบย่อยไปหมด แต่ถ้าถอยออกมามองภาพรวม เรื่องนี้เข้าใจไม่ยากเลยค่ะ หลายอย่างสามารถเดาได้ด้วยซ้ำ แต่แม้จะเดาได้ เนื้อเรื่องก็ยังสนุกอยู่ดี และถึงแม้บางครั้งจะเดาได้ แต่หลายครั้งก็มีอะไรให้เราอึ้ง โอชอบเบื้องหลังของแต่ละตัวละคร และปริศนาที่ค่อย ๆ คลี่คลายออกมา

โอชอบที่แม้พระนางจะเก่งกาจ แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายเลยนะคะ วางแผนแต่ละครั้งเกิดเรื่องพลิกผันได้ตลอดเวลา พระนางนี่เรียกได้ว่ารากเลือดจนโอสงสารเลย และความเก่งอย่างเดียวไม่ได้รับประกันว่าจะรอดเสมอไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ด้วย โอว่าสิ่งที่ผู้เขียนกำลังบอกเราเป็นนัย ๆ ว่าถึงจะเก่ง แต่อย่าทะนงตน โลกนี้ยังมีคนเก่งกว่าเราเสมอ ความเก่งกาจก็ยังสู้การเรียนรู้ เข้าใจ และเตรียมพร้อมรับมือศัตรูไม่ได้ โอว่าตัวละครเหล่านี้กำลังสอนเราให้รู้จักสังเกต วิเคราะห์ แยกแยะ

โอชอบตัวละครจิ่วเวย เพื่อนพระเอกด้วย ท่ามกลางความสิ้นหวัง เขาเป็นเพื่อนที่ทำให้พระเอกยังสามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้ตรง ๆ  สำหรับจิ่วเวยเองก็เช่นกัน เสียดายที่น่าจะเล่าถึงเขามากกว่านี้

ตัวละครประกอบอื่น ๆ อย่างตัวละครลูกน้องพระเอก สี่ปักษา หรือน้องห้าของพระเอก ก็สร้างสีสันในเรื่องได้ดี ทำให้เรื่องไม่ทึมจนเกินไป 



เป็นเรื่องที่โอชอบตัวละคร ชอบบทสนทนา ชอบสิ่งที่แฝงไว้มาก ๆ โอว่ามันกึ่งจะเป็นปรัชญาด้วยซ้ำ ถ้าใครกำลังเบื่อ ๆ กับนิยาย อยากลองแนวใหม่ ๆ ดู โอแนะนำเรื่องนี้นะ เป็นนิยายแนวที่หาอ่านยาก จับตาผู้เขียนไว้ได้เลย

5 ดาว

















Create Date : 31 ธันวาคม 2561
Last Update : 31 ธันวาคม 2561 19:38:17 น.
Counter : 5125 Pageviews.

5 comments
  
แวะมาหวัดดีปีใหม่คุณโอค่า ขอให้สุขกายสบายใจ เจอหนังสือหนุกๆเยอะๆนะค้า

กบยังไม่ได้เข้าวังวนนิยายจีนสักที เก็บชื่อนิยายหนุกๆลงลิสท์ไว้ยาวเหยียดเลย XDDD
โดย: Froggie วันที่: 1 มกราคม 2562 เวลา:15:26:45 น.
  
5 ดาวเลยยยยยยยยยยยยยย

ซื้อเลยดีกว่า 55555

เสียดาย มาโหวตไม่ทันอ้ะโอ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 2 มกราคม 2562 เวลา:12:56:23 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณโอ

เรื่องนี้มีกระแสชื่นชมมากมาย
เห็นทีจะพลาดไม่ได้สินะคะ...เดี๋ยวค่อยตามไปค่ะ
โดย: แม่ไก่ วันที่: 4 มกราคม 2562 เวลา:15:12:44 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 5 มกราคม 2562 เวลา:13:50:17 น.
  
คุณกบ ต้องลองค่า รีบอ่านนะคะ จะได้ทันขบวนรถ

พี่สาวไกด์ฯ สิ้นปีพอดีใช่ม้า ไม่เป็นไรค่า อ่านแล้วมาคุยกันน้า

คุณแม่ไก่ สวัสดีปีใหม่ค่ะ เดี๋ยวแวะไปเยี่ยมที่บล็อกนะคะ ถ้าอ่านแล้วโอจะแวะไปอ่านรีวิวด้วยค่า

คุณอุ้มสี สวัสดีปีใหม่เช่นกันค่า
โดย: ออโอ วันที่: 10 มกราคม 2562 เวลา:15:41:24 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments