พฤศจิกายน 2558

2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ตราบฟ้าดินมลาย จางหวั่นจือ เขียน
อ่านตัวอย่างแล้วยังไม่ถูกใจนัก แต่ด้วยพล็อต ด้วยเสียงตอบรับ ควักกระเป๋าจนได้ Smiley






ตราบฟ้าดินมลาย (3 เล่มจบ)
จางหวั่นจือ เขียน   
เปรมสินี หยู, ธันย์ วชิรณรงค์, ธนู รุ่งโรจน์เรืองฉาย, วณิดา คารวะคุณ ร่วมแปล
สำนักพิมพ์ Hongsamut
1,035 บาท  1,058 หน้า 


หลังปก


"ท่านอา ข้าไม่อยากให้ท่านเสียใจกับการจากไปของข้า ข้าเพียงปรารถนาให้ท่านจดจำทุกช่วงเวลาในชีวิตเราทั้งสองไว้ ให้ท่านได้รับรู้ว่าท่านสำคัญที่สุดสำหรับข้าเสมอมา และไม่เคยมีใครเสมอเหมือน... ข้าจะไปในที่ที่ไม่มีผู้ใด ติฉินความรักของพวกเราได้...ไม่มี"

"ตงอิง...เจ้าเด็กไร้ความคิด เจ้าลากข้าเข้าไปในความรักอันผิดบาปของเจ้า แต่ตัวเองกลับคิดจะผละจาก ก็เอาสิ...หากเจ้ากล้าตาย ข้าก็กล้าทำลายสิ้นทุกสิ่งอย่าง ข้าจะโปรยเถ้ากระดูกของเจ้าทิ้งเสีย... ทำให้เจ้าสูญสลาย ไร้ผู้ใดจดจำได้ไปตลอดกาล"

นางคือหงส์ฟ้าผู้เก่งกล้าเย่อหยิ่ง เขาคือพญามังกรทีผู้1อาศัยอยู่ใต้ปีกหงส์มานานแสนนาน

เขาเรียกขานนางว่าท่านอา เป็นโอรสสวรรค์ที่นางประคับประคองมาด้วยสองมือ ทั้งสองเคยสัญญากันไว้ว่าจะใช้เวลาสิบปีรวบรวมสรรพอำนาจในใต้หล้า สิบปีต่อมาปกครองแว่นแคว้น สิบปีสุดท้ายโอบอุ้มปวงประชา

จากนั้นก็จะไม่สนใจสิ่งใด ละทิ้งข้อพิพาท วางมือจากกิจการงานแผ่นดิน ใช้ชีวิตที่เหลือท่องเที่ยวไปในยุทธภพด้วยกัน

เมื่อวันนั้นมาถึง นางกลับตระบัดสัตย์... มองว่าความรักของทั้งสองผิดธรรมนองคลองธรรม2

เขาซึ่งรอคอยมาทั้งชีวิต...จะทนได้หรือ?


คำผิดจากปกหลัง 1 ที่หรือผู้ เลือกตัวใดตัวหนึ่ง 2 ทำนองคลองธรรม





คุยกันหลังอ่าน


เรื่องนี้โอใช้เวลาอ่านนานมาก หนึ่งคือเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยเยอะ สองคือเรื่องราบเรียบ อ่านแล้วเบื่อ กลัวว่าจะรอนานกัน เลยทยอยเขียนถึงแต่ละเล่มในเพจให้ไปก่อน ขอรวมมาไว้ในนี้พร้อมเขียนถึงเล่มสุดท้ายด้วยเลยนะคะ


เล่ม 1

เนื้อเรื่องเล่าช่วงวัยเด็กของนางเอกและพระเอก นางเอกอายุ 15 ปี ส่วนพระเอก 12 ปี

ในสมัยที่ขันทีและขุนนางมีอำนาจ ฮ่องเต้เป็นแค่หุ่นเชิด นางเอกและพระเอกเป็นแค่เด็กเชื้อพระวงศ์สองคนที่ไทเฮาเลี้ยงดู วังแบ่งออกเป็นสองฟาก คือฟากที่ไทเฮาอาศัย และฟากที่ฮ่องเต้อาศัย ขุมกำลังและพรรคพวกก็ถูกแบ่งออกจากกัน

วันหนึ่งฮ่องเต้ก็อยากมีอำนาจจริงๆ เข้า เลยออกคำสั่งให้ทหารสร้างความปั่นป่วนโกลาหลไปถึงวังตะวันตกที่นางเอกอยู่ ทั้งนางเอก พระเอก และไทเฮา ก็ต้องใช้ไหวพริบความสามารถเอาตัวรอด ดึงขันทีให้เข้าหาตัวเอง และกันไม่ให้แว้งกัดทีหลังด้วย

สามตัวละครหลักฝั่งนางเอกเหมือนมีอำนาจ แต่ก็เป็นอำนาจที่ไม่แท้จริง พวกเขาจะออกคำสั่งโดยไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้ จะทำอะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ

นางเอกและพระเอกเป็นคนฉลาด แต่อยู่ในระดับธรรมดา และยังเติบโตพัฒนาได้อีก

เนื้อหาดูตื่นเต้น แต่สำนวนคนเขียนเล่าเรื่องเรียบๆ เรื่อยๆ มาก เน้นเหตุการณ์แต่ไม่เน้นบุคคล จากต้นจนจบเล่มหนึ่งรายละเอียดเยอะมาก แต่เนื้อหาหลักเดินน้อยมาก ช่วงเวลาท้ายเล่มห่างจากต้นเล่มนิดเดียว

เล่มหนึ่งครอบคลุมเนื้อหาช่วงเปลี่ยนถ่ายสำคัญในวัง เล่าถึงนางเอกเป็นหลัก นางเอกและพระเอกค่อยๆ เรียนรู้และเติบโตขึ้น 

ดีในเรื่องรายละเอียด แต่ขาดความน่าติดตาม ขาดการดึงอารมณ์ให้ไปอยู่ร่วมในเรื่อง ขาดความรู้สึก รัก ชอบ โกรธ เกลียด ต่อทุกตัวละคร

โออ่านแล้วเบื่อนะ อยากแวบไปหาเรื่องอื่นอ่านคั่นละ

3.5



เล่ม 2

เล่มที่แล้วสถานการณ์ในวังว่าเน่าหนอน ขุนนางและขันทีต่างแสวงหาอำนาจ ฮ่องเต้เป็นแค่หุ่นเชิด เล่มนี้จะเห็นสภาพบ้านเมืองที่ฟอนเฟะ เมื่อผู้นำต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย หัวเมืองย่อยๆ ก็แตกแถว ไม่เคารพราชวงศ์ เอาแต่ตักตวงผลประโยชน์ให้ตนเอง ปล่อยให้ชาวบ้านตกระกำลำบาก รุ่ยหยู่และตงอิงออกมาสร้างขุมกำลังของตัวเอง โดยรุ่ยหยู่เป็นฝ่ายบู๊ ดูแลกองทัพ ตงอิงเป็นฝ่ายบุ๋นดูแลหัวเมืองและราษฏร เมื่อต่างฝ่ายต่างแบ่งแยกหน้าที่กันชัดเจน ทำให้ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันมากนัก แป๊บๆ ตงอิงก็เติบโตจากวัยเด็กเข้าสู่วัยรุ่น อารมณ์ความรู้สึกที่มีแต่รุ่ยหยู่ก็เปลี่ยนไป ยิ่งมีตัวแปรเป็นชายหนุ่มจากโพ้นทะเลที่รุ่ยหยู่ให้ความสำคัญ ตงอิงจึงเผยความรู้สึกที่ตัวเองซ่อนไว้ให้รุ่ยหยู่รู้

เล่าถึงช่วงอายุรุ่ยหยู่สิบห้าปีถึงยี่สิบเอ็ดปี ส่วนตงอิงอายุน้อยกว่ารุ่ยหยู่สามปี ก็ประมาณช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่

ที่เห็นชัดในเล่มนี้คือความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิมของพระนาง ตงอิงเหมือนวัยรุ่นคลั่งรัก เด็กหวงของ เมื่อมีคนทำท่าจะมาแย่งของรักไปก็ตีโพยตีพาย หาวิธีมายึดเหนี่ยวไว้กับตน ส่วนรุ่ยหยู่เมื่อถูกตงอิงเกเรใส่มากเข้าก็ถอยห่าง สับสน โกรธ หวาดกลัว ไม่เข้าใจ ยึดเอาชายหนุ่มที่เป็นตัวแปรเป็นเกราะกำบัง ระหว่างพระนางเล่มนี้เลยมีแต่ความสับสน หลงอยู่ในวังวนที่หาทางออกไม่ได้ 

ขณะที่บทระหว่างพระนางน้อย บทระหว่างนางเอกกับพระรองกลับมีมากกว่า อ่านแล้วรู้สึกอยากเปลี่ยนพระเอก พระรองมีภาษีดีกว่ามากกกค่ะ ไม่ว่ากริยา ท่าทาง การแสดงออก ความฉลาด ความสุขุม การรับมือกับปัญหา หรือกระทั่งความจริงใจ ที่สำคัญนางเอกอยู่ด้วยแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เรียกว่าแค่เปิดปากก็รู้สึกถึงความแตกต่างแล้ว

แต่นั่นแหละค่ะ ชีวิตของพระรอง ก็เป็นได้แค่พระรอง จะแสนดีขนาดไหน ในเมื่อนางเอกไม่ชอบแล้วไซร้ ไยท่านจะได้เป็นพระเอก ไม่นับว่านางเอกส่วนใหญ่ชอบคนเลวน่ะนะ Smiley

ส่วนการดำเนินเรื่อง รู้สึกเหมือนเล่ม 1 เป๊ะ คือเรื่อยๆ เรียบมาก อ่านแล้วไม่มีความรู้สึกร่วม ไม่ว่าอยู่ในเหตุการณ์ใด จะแสดงอำนาจ จะชนะศึก จะโกรธเกรี้ยว หึงหวง อ่านแล้วก็รู้สึกแค่ "อ้อ" แต่ไม่รู้สึกภูมิใจร่วม เสียใจร่วม ตกใจร่วม ไม่มีเลย เรียกว่า มองเห็น แต่สัมผัสไม่ได้ ลงรายละเอียดมากเป็นบางส่วน แต่ละเลยเป็นบางส่วน ซึ่งหลายครั้ง ส่วนที่ใส่มาโอก็ไม่ได้สนใจนัก แต่ส่วนที่ละเลยต่างหากที่โออยากรู้ ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์มากกว่าตัวละคร ใช้ตัวละครเปลืองมาก แต่ที่รู้จักมีแค่ชื่อและตำแหน่ง โอไม่รู้สึกผูกพันกับตัวละครคนใด กลการวางศึกมองเห็นแค่ผล แต่ไม่เห็นการชั้นเชิงการวางแผน ไม่เห็นการแสดงความสามารถ นอกจากการบอกเล่าจากเหตุการณ์หรือตัวละครร่วม 

และนางเอกก็ยังเด่นกว่าพระเอกเหมือนเล่มที่แล้ว มีฉากให้นางเอกได้แสดงความเก่งบ้าง แต่พระเอกนี่เลืองรางเหลือเกิน ที่เห็นในเล่มนี้ชัดแค่การถือเอาอารมณ์เป็นใหญ่และชอบเอาชนะ ส่วนความสามารถในการวางแผนและการบริหารงานยังน้อยมาก ยังมองไม่เห็นวี่แววว่าจะเป็นใหญ่ได้อย่างไร

จากการประเมินสองเล่ม คนที่น่าจะชอบเรื่องนี้คือ ไม่หวั่นรายละเอียด ไม่สนความรักเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก ชอบการดูสารคดี ค่อยๆ พิจารณาเรื่องราว

ว่ามาเหมือนจะแย่ แต่จริงๆ ไม่ได้แย่นะ สำหรับโอเนื้อหาน่าสนใจทีเดียวแหละ เสียแต่มันเรียบเรื่อยมากจนขาดความน่าติดตาม จุดที่น่าจะทำให้เรารู้สึกร่วมได้มีมาก แต่ถูกการดำเนินเรื่องแบบนี้กลบหายไปหมด ซึ่งสำหรับโอ นิยายที่โอชอบต้องมีความน่าติดตามและสร้างให้โอเกิดความรู้สึกร่วมได้ นิยายเรื่องนี้ขาดจุดนี้ ซึ่งเป็นจุดสำคัญเลย

แต่อย่าลืมความน่าติดตามของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ คุณอาจจะรู้สึกไม่เหมือนโอก็ได้

3



เล่ม 3

เหตุการณ์ต่อเนื่องจากเล่มที่แล้ว เนื่องจากผู้นำมีปัญหา คนใต้การปกครองก็เลยแบ่งพรรคแบ่งพวก 

ตงอิงและรุ่ยหยู่ต้องพิชิตใจเมืองที่เอาใจออกห่าง ปราบชนเผ่าภายนอกที่มารุกราน ศึกทั้งในทั้งนอก 

ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง แกว่งอาหารหลอกล่อ สุดท้ายก็มีคนเข้าร่วมมากมาย กลายเป็นเมืองที่ทั้งสองปกครองรุ่งโรจน์ขึ้น ศูนย์กลางการปกครองและผู้นำย้ายจากเมืองหลวงมาสู่ทั้งสองในที่สุด

แต่เพราะพระนางแยกหน้าที่กันชัดเจน ลูกน้องต่างฝ่ายก็อยากให้นายตนเป็นใหญ่ ไม่ก็กลัวอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อ ตอนนี้ก็ต้องวัดใจกันละ ว่าใครอยากมีอำนาจ ใครจะเป็นฝ่ายเสียสละ

พอบ้านเมืองจะเรียบร้อยขึ้นหน่อย ชีวิตดูจะสบายไป ทำให้ตงอิงหันมามีเวลาคิด วิเคราะห์ วางแผน ว่าจะทำยังไง้ยังไงกับเรื่องหัวใจ ที่น้ำตาตกในมานาน

และแล้ว แผนการบรรเจิด (สำหรับพระเอกคนเดียว) ทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างรุ่ยหยู่และตงอิงเปลี่ยนไปแบบไม่อาจหวนกลับคืนได้



สำหรับโอเล่มนี้นะ ช่วงต้นมาดีเลยล่ะ ความรู้สึกตัวละครมันพุ่งออกมาให้เราสัมผัสได้ เหตุการณ์กับการแสดงออกของตัวละครเป็นเหตุเป็นผลกัน พลอยรู้สึกว่า แล้วทำไมไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่เล่มแรกยะ อืดอึมครึมมาได้ตั้งนาน

นึกชมได้ไม่ถึงครึ่งเล่ม ฤทธิ์ร้ายพระเอกทำพิษ ให้โอกระอักเลือด

อยากจะบ้าตาย

ตงอิงเป็นตัวร้ายในคราบพระเอก นึกๆ มายังไม่เห็นข้อดีอะไรของพี่เลย เก่งก็ไม่ได้เก่งอะไร ที่ได้ดีมาทุกวันนี้ส่วนใหญ่จากการพึ่งคนอื่นและดวงดี ไม่ได้ดั่งใจก็โทษคนอื่นไม่เคยโทษตัวเอง อยากจะตะโกนก้องพร้อมบ้องหูเลยว่า ที่เหตุการณ์มันเลวลงทุกวันก็เพราะแกนี่แหละย่ะ! เดินหมากผิดพลาด แสดงออกผิดที่ผิดเวลา ยึดติดเข้าขั้นโรคจิต ยิ่งช่วงท้ายๆ อ่านไปรู้สึกขยะแขยงปนขนลุก ฉันเกลียดแก มารร้ายยย

ส่วนรุ่ยหยู่ โอไม่ได้ชอบ แต่ก็ไม่ได้เกลียด รุ่ยหยู่ไม่ใช่คนที่แสนดีขนาดนั้น ทำพลาดมาก็มาก แต่อย่างน้อย ก็รู้สึกว่าทำผิดเพราะถูกบีบบังคับ ไม่ได้ตั้งใจเอง


เล่มนี้จะมีฉากเกี่ยวกับตัวละครเข้ามามากกว่าเล่มอื่นๆ ไม่ค่อยมีเรื่องการทหารและการเมืองเข้ามาเอี่ยว ทำให้เห็นนิสัยและการตัดสินใจของตัวละครชัดขึ้น

แต่ว่า อย่างที่บอก ลักษณะการเขียนของคนเขียนค่อนข้างราบเรียบ และให้ความรู้สึกว่าคนอ่านเป็นคนชมเหตุการณ์ ไม่ใช่คนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์

ยกตัวอย่างเช่น ตอนทำศึก คนเขียนก็จะบรรยายว่าเกิดอะไรขึ้น เมืองนี้โน้นนั้น เจ้าเมืองนี้โน้นนั้น จึงทำอย่างนี้โน้นนั้น รุ่ยหยู่และแม่ทัพอื่นๆ จึงตัดสินใจอย่างนี้โน้นนั้น ซึ่ง โอเป็นคนจำชื่อตัวละครยากอยู่แล้ว ใครไม่สำคัญก็จำไม่ได้ ก็อ่านเออออไปกับเขา รู้สึกว่าทั้งนางเอก พระเอก และทุกๆ คนอยู่เหนือเหตุการณ์ต่างๆ ใครจะตาย ใครจะอยู่ ล้วนไม่สำคัญ


ไหนๆ ก็สำนักพิมพ์เดียวกัน และนางเอกก็เก่ง แถมเป็นผู้นำทัพเหมือนกันด้วย ขอพูดถึงรุ่ยหยู่ เปรียบเทียบกับกู้อวิ๋น จากเพชรยอดขุนพล

กู้อวิ๋น คนอ่านจะเห็นว่านางพยายามแสดงความสามารถให้เหล่าทหารประจักษ์จนยอมรับ เห็นแผนการการวางกลยุทธ์ของนางชัดเจน ร่วมตีรันฟันแทงกับเขา

ส่วนรุ่ยหยู่ โอรู้สึกว่าเหมือนอยู่ๆ นางก็เก่งเหนือคนอื่น คนเขียนบรรยายนะคะว่ารุ่ยหยู่มีความสามารถ มีวิทยายุทธ์ แต่โอไม่รู้สึกถึง เหมือนเหล่าทหารเคารพรักเพราะนางเป็นองค์หญิงมากกว่าเป็นผู้นำ บทบาทในเรื่องการวางแผนกลยุทธ์ก็น้อยมาก เห็นภาพกว้างๆ ในเชิงผู้นำมากกว่าผู้อยู่ร่วมในทัพ


สรุป เล่มสาม ดีมาช่วงต้น อารมณ์อุตส่าห์ผุดเหนือวิธีการบรรยายที่เอื่อยเฉื่อย แต่ตงอิงดันมาฉุดพาเพื่อนลงเหว 

2 พอ

(3.5+3+2)/3 = 2.83




คำผิด

เล่ม 1 หน้า 212

เแบ่งกองกำลังออกเป็นสิบกว่าสาย


เล่ม 2 หน้า 158

จนพาลคิดไปว่าพวกตนกำลังยืนอยู่ใต้เชิงผา >> พลอยคิด
พาน = ทำท่าว่า
พาล = หาเรื่องวุ่นวายให้เดือนร้อน

เล่ม 3 

หน้า 6
"หากเรานั่งแยกโต๊ะออกไป ก็คงไม่รู้ความเป็นอยู่ของราษฎร" >> หากเราไม่นั่งแยกโต๊ะ

แก้ไข โอมาอ่านอีกรอบ น่าจะถูกแล้วค่ะ หมายถึง ถ้าเรา (พระนาง) นั่งแยกไป ไม่นั่งรวมกับชาวบ้าน ก็จะไม่ได้ยินเรื่องที่เขาพูดกัน ตอนแรกโอเข้าใจว่า นางเอกเสนอให้นั่งแยกกัน นางเอกนั่งอีกที่ พระเอกนั่งอีกที่ เพื่อที่จะได้ยินเรื่องราวที่ชาวบ้านพูดกัน

หน้า 14 
หลายตระกูลที่เรืองอำนาจเพราะโกงที่ดิน กลืนกินภาษีราษฏร มุ่งทำลายราชสำนัก ตระกูลถังจึงเป็นศัตรูและคิดกำจัดคนพวกนี้ให้สิ้น >> ตระกูลถังจึงเห็นเป็นศัตรู (หมายถึงพวกนางเอกซึ่งเป็นคนตระกูลถังเห็นตระกูลที่เรืองอำนาจในทางที่ผิดเป็นศัตรู)

หน้า 66 
แค่เรื่องที่รุ่ยหยู่รีบร้อนออกเรือนก็ทำให้ท่านย่าพิโรธถึงเพียงนี้ ถ้ารู้เหตุผลที่แท้จริง จะกราดเกรี้ยวสักเพียงใด เขาก็ได้รับการอุ้มชูจากหลี่ไทเฮาจนเติบใหญ่ จะให้เอามีดทิ่มแทงนางได้อย่างไร 



.
.
.

สองปีมานี้ ตนได้เพียรพยายามปลูกฝังนิสัยในการบริหารงานต่างๆ ให้กับรุ่ยหยู่ แต่เมื่อได้เห็นกับตาว่าหลานสาวสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง นางกลับรู้สึกเป็นห่วง

มือทั้งสองของรุ่ยหยู่สามารถง้างคันธนูได้แล้ว ทว่ามือทั้งสองของตนกลับไร้เรี่ยวแรง เพลานี้รุ่ยหยู่มีความสูงไล่เลี่ยกันแล้ว เอวตั้งหลังตรง ทว่าตัวของนางเองเล่า ลำคอกลับหย่อนคล้อย แผ่นหลังงองุ้มราวกับคันธนู

ในครั้งที่รุ่ยหยู่ยังเด็ก นางกอดประคองหลานสาว จูงมือน้อยๆ ให้ค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้นภายในชีเน่ย จากที่คลานเตาะแตะ กระทั่งตั้งไข่ สามารถเดินได้เอง จนมาถึงวันนี้ที่รุ่ยหยู่สามารถปล่อยมือจากผู้ที่เคยอุ้มชู ออกเดินทางด้วยย่างก้าวที่ลิขิตเอง เพื่อเผชิญกับหนทางอันเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามรายรอบ หลี่ไทเฮาจึงตระหนักได้ว่า องค์หญิงที่นางถนอมดังดวงใจ

มิใช่เด็กอีกแล้ว...


.
.
.


เนื่องจากเคยคลุกคลีอยู่ในวังวนของการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจแห่งราชสำนัก ทำให้ท่านย่าและอาจารย์สอนมารยาททางสังคม และวิธีการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ให้แก่นางมากมาย วิธีการเหล่านี้ซับซ้อน ข้องเกี่ยวกับผู้คนหลายฝ่าย และแตกต่างกันไป บางอย่างก็ขัดแย้งกันเอง ทำให้บางครั้งนางวางตัวลำบาก ด้วยไม่รู้ว่าแบบไหนถึงจะถูกต้อง

หนทางหนึ่งที่จะพิสูจน์ความถูกต้องของวิธีที่เลือก ก็คือ...ใช้มันตอนที่ต้องจัดการกับปัญหาแล้วดูผลที่ตามมา

.
.
.


"เสี่ยวอู่ คันธนูไม่อาจดึงสายให้ตึงเกินไปฉันใด คนก็ไม่อาจแบกความหนักใจไว้ได้นานฉันนั้น ควรจะหาวิธีผ่อนคลายให้ตัวเองบ้าง บางครั้งก็ทำเรื่องที่ตัวเองไม่คาดคิด ทำสิ่งที่มิใช่ตัวเองดู ทำตามใจตัวเองบ้าง ก่อเรื่องบ้างก็ไม่เลวนักหรอก"

"นี่เป็นสิ่งที่คุณชายจิงหลีสอนท่านหรือ?"

"มิใช่ทั้งหมด ท่านอาจารย์เพียงเตือนสติว่า ข้าควรจะผ่อนและตึง เครียดและคลายให้สมดุลกัน ผู้ที่สอนให้ข้าทำสิ่งเหล่านี้คือหลัวหยุนที่ประจำอยู่ในกระโจมพยาบาลแห่งกองกำลังหงสา"

.
.
.


รุ่ยหยู่มองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง อากาศหนาวแทรกซึมผ่านเข้ามาสัมผัสผิวกาย ทำให้สติคืนมา ไม่มีการลังเลอีกต่อไป จึงกล่าวชัดเจน "เสี่ยวอู่ ชีวิตคนเรานั้นยาวนาน หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความคิดผิดพลาดเข้าครอบงำ เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหันกลับมามองอีกครั้ง สิ่งที่เจ้าคิดว่าตายแทนได้ในตอนแรก มันก็จะเป็นเพียงแค่ความคิดที่โง่เขลาเท่านั้น"

.
.
.




สำหรับโอ มีประโยคที่ตัวละครพูดแล้วโอชอบนะ ลึกๆ ก็น่าสนใจ แต่ถ้าเทียบกับการบรรยายเนือยๆ ชวนเบื่อ กับพระเอกนิสัยแย่แล้ว โอผิดหวัง


เหมาะสำหรับคนที่อ่านไม่เน้นเรื่องรัก ยอมรับพระเอกนิสัยไม่ดีได้ ไม่เหนื่อยถ้าต้องอ่านการบรรยายเหตุการณ์มากๆ ไม่สนใจว่าจะต้องมีตัวละครที่รัก ก็อ่านเถอะ รักชอบเราไม่เหมือนกันเนอะ



Create Date : 01 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2558 20:31:07 น.
Counter : 12488 Pageviews.

9 comments
  
เรื่องนี้ตอนอ่านเราก็สปีดเต่าคลานเหมือนกันค่ะ แบบไม่มีอะไรชวนลุ้นเลย แถมพฤติกรรมของตงอิง ก็ไม่ได้ใจอีกต่างหาก.....อ่านแล้วอดคิดไม่ได้ว่า นางเอกรักเข้าไปได้ไง

คราวต่อไปเราคงต้องอ่านตัวอย่างก่อนจองแล้วละค่ะ เรื่องนี้พลาดไปเลยบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย (สั่งปกแข็งไปด้วยอ่ะ )
โดย: Serverlus วันที่: 1 พฤศจิกายน 2558 เวลา:18:50:48 น.
  
เรื่องนี้ก็เช่นกันค่ะ
โดย: jackfruit_k วันที่: 1 พฤศจิกายน 2558 เวลา:22:06:03 น.
  
อืมมมมม ซื้อมาดองอยู่เลยค่ะ จากหลายเสียงดูแล้วสถานการณ์การดองเราคงยิ่งเข้มข้นขึ้น
โดย: Sab Zab' วันที่: 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา:17:31:39 น.
  
คุณเอ้ เลือดซิบเลยค่ะ ส่วนนางเอกคงผูกพันแต่เด็ก แต่โตมานิสัยแย่อย่างนี้ เป็นโอก็รักไม่ลงค่ะ

คุณ jackfruit_k จับมือ ศาลาคนเศร้า

คุณ Sab Zab' ตอนโอยังไม่อ่าน พอรู้กระแส ก็รู้สึกหมดแรงขยับเขยื้อนเหมือนกันค่ะ แต่ของอย่างนี้บางทีต้องลองเองนะคะ อาจมีจุดที่ชอบไม่ชอบไม่เหมือนกันก็ได้

โดย: ออโอ วันที่: 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา:19:43:55 น.
  
โดย: primmavista วันที่: 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา:20:13:55 น.
  
ว้าวๆ นิยายจีนน่าสนใจมากค่ะ ขอบคุณที่มารีวิว จะไปหามาอ่านบ้างค่ะ
โดย: BabyInk วันที่: 2 พฤศจิกายน 2558 เวลา:21:31:28 น.
  
คุณ primmavista สวัสดีค่า

คุณ BabyInk นิยายจีนมีหลายแนวให้เลือกอ่านเลยค่ะ
โดย: ออโอ วันที่: 3 พฤศจิกายน 2558 เวลา:19:21:03 น.
  
เรื่องนี้ข้ามไปค่ะ ตัดใจได้ตั้งแต่อ่านตัวอย่าง เหอๆ
โดย: kunaom วันที่: 4 พฤศจิกายน 2558 เวลา:22:33:23 น.
  
คุณอ้อม กลัวพลาดเรื่องดีๆ แนวชิงไหวชิงพริบไปอะค่ะ แต่พออ่านจริง มันไม่ใช่อย่างที่หวังเลยสักอย่าง ไม่เชิงแนวหักเหลี่ยมด้วย เหมือนกำลังอ่านเรื่องราวของใครสักคนอยู่ เราได้รับแค่ข้อมูลที่เขาป้อนให้อย่างเดียวเลย ส่วนพระนางก็อย่างที่บอกไป รวมๆ เลยผิดหวัง ม้วนเสื่อกลับบ้าน (เสื่อผืนหมอนใบ แล้วไปล่องทะเลกัน ...)
โดย: ออโอ วันที่: 8 พฤศจิกายน 2558 เวลา:19:24:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments