Group Blog All Blog
|
ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ นัตสึคาวะ โซสุเกะ เขียน 9/8/2020 ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ The Cat Who Loved to Protect Books นัตสึคาวะ โซสุเกะ เขียน ฉัตรขวัญ อดิศัย แปล สำนักพิมพ์ Bibli 279 บาท 229 หน้า
หลังปก
นัตสึกิ รินทาโร่ นักเรียนหนุ่มมัธยมปลาย อาศัยอยู่กับปู่ที่เป็นเจ้าของร้านหนังสือเก่าแห่งหนึ่ง เมื่อปู่เสียชีวิตกะทันหัน เด็กหนุ่มได้รับสืบทอดกิจการ แต่ตัวเขากลับไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ในตอนนั้นเอง แมวลายส้มพูดได้ที่แอบอยู่ในร้านก็ปรากฏตัว แมวตัวนี้ขอให้รินทาโร่ร่วมเดินทางไปปกป้อง “หนังสือ” ให้พ้นจากเงื้อมมือ “ศัตรู” ที่เกลียดชังหนังสือ การผจญภัยในเขาวงกตของคนกับแมวจึงเริ่มต้นขึ้น พวากเขาพบเจอเหตุการณ์น่าอัศจรรย์มากมาย เด็กหนุ่มถูกทดสอบทั้งความคิดและจิตใจอย่างหนักหน่วง แต่ความรักที่รินทาโร่มีต่อหนังสืออย่างสุดหัวใจ และมิตรภาพระหว่างคนกับแมว จะช่วยให้พวกเขาทำภารกิจนี้ได้สำเร็จหรือไม่
คุยกันหลังอ่าน
เป็นแนวแฟนตาซีที่เน้นชูประเด็นเกี่ยวกับหนังสือ ตัวเอกชื่อนัตสึกิ รินทาโร่ เป็นเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่เพิ่งสูญเสียคุณปู่ไป ทิ้งร้านหนังสือเก่าไว้ให้ ตัวของรินทาโร่เป็นเด็กที่เงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบอ่านหนังสือในร้านของคุณปู่เงียบ ๆ คนเดียว เมื่อคุณปู่จากไป รินทาโร่ก็ไม่คิดจะไปโรงเรียน ยิ่งอีกไม่กี่วันจะต้องย้ายไปอยู่กับคุณป้า เขายิ่งอยากใช้เวลาที่มีอยู่ตอนนี้ไปกับร้านหนังสือมากที่สุด ทุกเช้า เขาจะลุกขึ้นมาเปิดร้าน ปัดฝุ่นหนังสือ ชงชา และนั่งอ่านหนังสือในมุมหนึ่งของร้าน ทำทุกอย่างเหมือนที่คุณปู่ทำ จนกระทั่งแมวลายส้มพูดได้ปรากฏตัวขึ้นมา แมวแนะนำตัวว่าชื่อโทระ มันเป็นแมวลายเสือสีส้มขาว ตาสีเขียว ขนฟู ตัวอ้วนกลม ผู้แสนจองหอง ปากบอกว่ามาขอความช่วยเหลือ แต่ท่าทีและคำพูดไม่ได้ไปด้วยกันเลยสักนิด โทระอยากยืมพลังของรินทาโร่เพื่อช่วยเหลือหนังสือที่ถูกกักขังไว้ หนึ่งคนกับหนึ่งแมวจึงเริ่มต้นออกเดินทางไปในเขาวงกต...แห่งแรก ที่นั่น ชายคนหนึ่งกำลังยุ่งกับการอ่านหนังสือให้ได้มากที่สุด เมื่ออ่านจบ เขาก็จับหนังสือขังใส่ตู้ ล็อกกุญแจปิดไว้ ไม่อ่านซ้ำ เขาบอกว่า “...โลกนี้มีหนังสือมากมายก่ายกอง ผลงานจำนวนนับไม่ถ้วนถูกกาลเวลากลืนหายไป ทุกวันนี้ก็ยังผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ฉันไม่ว่างพอจะมาอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกหรอก” และ “...คนที่อ่านหนังสือสองหมื่นเล่มย่อมมีคุณค่ามากกว่าคนที่อ่านหมื่นเล่ม แค่นี้ฉันก็มีหนังสือที่ต้องอ่านกองเป็นภูเขาเลากาแล้ว ถ้าจะอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำ ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเสียเวลาไปเปล่า ๆ” อีกทั้งยังบอกด้วยว่า “โลกเรานับถือคนที่อ่านหนังสือสิบเล่มมากกว่าคนที่อ่านหนังสือเล่มเดียวสิบรอบ สิ่งสำคัญในสังคมคือการอ่านหนังสือให้ได้เยอะ ๆ ข้อเท็จจริงที่ว่าเราอ่านหนังสือเยอะ ๆ จะดึงดูดให้ผู้คนมาหลงใหลชื่นชมไม่ใช่หรือ ฉันพูดผิดหรือไง”
นี่คือเขาวงกตแห่งที่หนึ่ง ‘ผู้กักขัง’ รินทาโร่จะช่วยหนังสือได้หรือไม่ อย่างไร
เรื่องจะเล่าสื่อสารออกมาประมาณนี้ น่าจะพอมองเห็นภาพของหนังสือเล่มนี้ออกมากขึ้นกันนะคะ ประเด็นที่หยิบยกมาพูดถึงส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องมุมมองของคนที่มีต่อหนังสือ ทิศทางของหนังสือที่เปลี่ยนไปตามโลกที่เปลี่ยนแปลง ตัวละครที่ปรากฏในแต่ละวงกตจะสะท้อนถึงคนแต่ละประเภทที่อยู่ในสังคม จิกกัดสภาพสังคมหนังสือในปัจจุบัน
โอรู้สึกว่าผู้เขียนและตัวรินทาโร่ เป็นตัวแทนของคนยุคเก่า รุ่นดั้งเดิม ส่วนตัวละคร (หรือตัวร้าย?) ในแต่ละวงกตคือตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ผู้พยายามจะปรับตัวตามสภาพสังคม ปฏิวัติแนวคิด ริเริ่มอะไรใหม่ ๆ ซึ่งโอชอบมากเลย ในเขาวงกตทั้งหมด โอชอบ ‘ผู้ตัดฉับ ๆ’ ในวงกตแห่งที่สองมากที่สุด โอเค มันอาจไม่ได้ดีไปเสียหมด ถูกต้องไปเสียหมด ในสิ่งที่พวกเขาพูด โอช่วยรินทาโร่หาคำโต้แย้งในใจตามไปด้วยซ้ำ แต่อย่าลืม ความคิดของบุคคลในวงกตนั้นไม่ได้ผิดนะ มันเป็นจริง มีอยู่ ยังดำรงอยู่ และจะอยู่ต่อไป มันน่าจะมีอะไรที่สามารถพยุงแนวคิดสองอย่างให้สามารถอยู่ตรงกลางได้ และเป็นสิ่งที่โอมองหาในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งสุดท้าย มันไม่มี โอจึงค่อนข้างผิดหวัง เหมือนรินทาโร่เดินดุ่ม ๆ เข้าไป ปาคำพูดใส่หน้า และกำชัยกลับมา แล้วสุดท้าย เราได้อะไรกลับมาให้โลกหนังสือของเรา โอสงสัย ได้คำตอบที่ว่า แค่รักหนังสือก็เพียงพอ หรือคะ?
เขาวงกตแห่งสุดท้ายเป็นเขาวงกตที่โอไม่แน่ใจสารที่ต้องการสื่อมากที่สุด ภาพรวมถ้าจะพูดเรื่องความทัช หรือการสื่อสารของหนังสือที่เชื่อมโยงกับตัวคนอ่านอย่างโอ ก็ยังไม่แตะเข้าไปอยู่ในใจ โอชอบประเด็นที่หยิบยกมาเล่า แต่การนำเสนอ ทิศทาง และคำตอบ ยังไม่ใช่สิ่งที่โอมองหา คล้อยตาม หรือรู้สึกตาม
สิ่งที่โอคิดว่าหนังสือเล่มนี้ยังทำได้ไม่ดีคือตัวละคร ตัวละครไม่น่าสนใจ บทสนทนาค่อนข้างขาดความสมจริง เราจะสังเกตได้ว่าตัวละครพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ ในแนวทางที่ไม่ได้ไปกับเหตุการณ์หรือตัวเรื่อง ตัวละครมีความสุดโต่งในแบบแปลก ๆ อ่านแล้วจะรู้สึกขัดแย้งนิด ๆ ตลอด ผู้เขียนยังเขียนตัวละครออกมาได้ไม่ถึง พูดง่าย ๆ ค่อนข้างขาดความเข้าใจในตัวละครของตัวเอง และเป็นสาเหตุหลักที่โอหักคะแนนด้วย คะแนนของโอมาจากสองส่วนคือประเด็นที่สื่อสาร และตัวเรื่องของตัวเอง ประเด็นน่าสนใจ แต่ตัวเรื่องยังขาดมิติ ความเชื่อมโยง และความน่าติดตามไป 2.5 ดาว โอไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ดีนะ หลายอย่างในเรื่องน่าสนใจ เตะใจ (โอ๊ย เจ็บ!) สิ่งที่โอมองหาหรือโอเห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณมองหาหรือเห็นก็ได้ ลองอ่านดู อ้อ อีกอย่าง ในหนังสือจะพูดถึงวรรณกรรมคลาสสิกเยอะมาก ใครที่อ่านแนวนี้น่าจะรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวนิยายยิ่งขึ้น
. . . “อารมณ์ขันของเจ้ายังไม่ผ่าน แต่ความตั้งใจถูกต้องแล้ว โลกเรามีเรื่องที่ไม่มีตรรกะและเรื่องไร้เหตุผลอยู่เต็มไปหมด อาวุธชั้นดีที่สุดในการอยู่ในโลกซึ่งเต็มไปด้วยความขมขื่น หาใช่ตรรกะหรือพละกำลัง แต่เป็นอารมณ์ขัน” จากคำพูดของโทระ แมวลายส้ม หน้า 31 บทที่ 1 ผู้กักขัง . . . “ถึงจะอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง โลกที่เรามองเห็นก็ไม่ได้กว้างขึ้นตามไปด้วยหรอก ต่อให้หาความรู้ใส่ตัวมากสักแค่ไหน แต่ถ้าหลานไม่คิดด้วยสมองตัวเองและเดินด้วยขาตัวเอง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นเพียงของที่หยิบยืมคนอื่นมาโดยไม่มีแก่นสาร” หลานชายเอียงคอฉงนกับคำพูดเข้าใจยาก ปู่มองเขาด้วยแววตาสงบนิ่ง “หนังสือไม่ได้ใช้ชีวิตแทนหลาน การอ่านหนังสือโดยลืมเดินด้วยขาของตัวเองเปรียบได้กับสารานุกรมที่อัดแน่นไปด้วยความรู้ล้าสมัย ถ้าไม่มีใครเปิดอ่าน ก็เป็นได้แค่วัตถุโบราณไร้ประโยชน์ใด ๆ” ปู่ลูบศีรษะหลานชายเบา ๆ พร้อมกับพูดสำทับว่า “หลานอยากเป็นแค่ผู้ทรงความรู้เท่านั้นหรือ” จากคำพูดของคุณปู่รินทาโร่ หน้า 53-54 บทที่ 1 ผู้กักขัง . . .
คุณ เริงฤดีนะ ต้องลองอ่านดูค่ะ บางคนชอบ บางคนก็ไม่ชอบ โอว่าเรื่องนี้เสียงค่อนข้างแตกเลยค่ะ ขอบคุณที่โหวตให้นะคะ
ขอบคุณคุณhaikuและคุณสายหมอกและก้อนเมฆสำหรับโหวตด้วยนะคะ โดย: ออโอ วันที่: 20 กันยายน 2563 เวลา:14:12:17 น.
คุณ**mp5** ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและโหวตให้ค่า รับใจ ๆ
โดย: ออโอ วันที่: 24 กันยายน 2563 เวลา:12:56:03 น.
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
Friends Blog |
Pot เรื่องน่ารัก น่าสนใจ
มีและเป็นประโยชน์ดี
แต่บทสนทนา ยังไม่ดึงดูดนะคะ