มิถุนายน 2559

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เราต่างหลงทางในแสงสว่าง M. L. Stedman เขียน










เห็นว่าจะเป็นหนังเลยหามาอ่านค่ะ



เราต่างหลงทางในแสงสว่าง The Light Between Oceans
M. L. Stedman เขียน  ปัทมา อินทรรักขา แปล
สำนักพิมพ์แพรว  ในเครืออมรินทร์
325 บาท  389 หน้า

หลังปก

หลังจากสงครามจบลง ทอม เชอร์บอร์น กลับคืนสู่ออสเตรเลียหลังเสร็จสิ้นภารกิจรับใช้ชาติ ช่วงชีวิตที่เหลือเขาเลือกรับงานตำแหน่งผู้ดูแลประภาคารที่เจนัสร็อค เกาะห่างไกลไร้ผู้คน เขาพบรักและแต่งงานกับอิซาเบล หญิงสาวผู้งดงาม ร่าเริง เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต เธอทำให้เขาได้พบกับความสุขท่ามกลางความโดดเดี่ยวในมหาสมุทร

แต่ความสุขคงอยู่ได้ไม่นาน หลังจากสูญเสียบุตรสามครั้งจากการแท้งและคลอดก่อนกำหนด อิซาเบลจมดิ่งลงสู่ท้องทะเลแห่งความโศกเศร้า ความฝันที่จะมีลูกสูญสลายไปพร้อมกับกระแสลมที่เปลี่ยนทิศ

วันหนึ่ง ขณะที่คลื่นแห่งความโศกเศร้ายังคงซัดสาด ทอมและอิซาเบลได้ยินเสียงร้องของทารกดังแว่วไปทั่วเจนัสร็อค พวกเขาพบเรือพายลำเล็กเกยอยู่ที่ชายหาด ภายในมีร่างไร้วิญญาณของชายคนหนึ่ง และทารกน้อยที่เปล่งเสียงร้องแห่งชีวิต

ดั่งของขวัญที่พระเจ้าประทานมาให้ พวกเขาตัดสินใจเก็บทารกน้อยไว้และปิดบังเรื่องศพของชายนิรนาม โดยที่ไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเขาจะส่งผลร้ายต่อหลายชีวิต รวมทั้งชีวิตของพวกเขาด้วย


คุยกันหลังอ่าน

เรื่องก็ตามหลังปกเป๊ะ ชายคนหนึ่งชื่อทอมกลับจากสงคราม (น่าจะสงครามโลกครั้งที่สองแหละ) มาทำงาานเป็นผู้ดูแลประภาคารที่เกาะเล็กๆ ห่างไกลเกาะหนึ่งในออสเตรเลียชื่อเจนัสร็อค ได้พบรักกับอิซาเบลและแต่งงานกัน เมื่อแต่งงานก็ย้ายมาอยู่ที่เจนัสร็อคทั้งคู่

คราวนี้เจ้างานผู้ดูแลประภาคารเนี่ย งานหลักคือเฝ้าดวงไฟบนหอไม่ให้ดับ คอยเฝ้ามอง รับส่งสัญญาณจากข้างบน บันทึกข้อมูลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง และดูแลอุปกรณ์และประภาคารให้ใหม่และใช้การได้อยู่เสมอ เงื่อนไขคือต้องอยู่เฝ้าสามปีถึงจะได้พักหนึ่งเดือน ก็แทบจะอยู่บนเกาะเหงาๆ กันสองคนตลอดเวลา มีเพื่อนเป็นนกนางนวล ปลา ไก่ และแพะ ทุกๆ สามเดือนจะมีเรือนำอาหารและข่าวสารมาส่ง

แต่งงานมาไม่นานอิซาเบลก็ท้อง แต่ก็แท้งไป แท้งลูกสามครั้งอิซาเบลแทบไม่เป็นผู้เป็นคน จนวันหนึ่งได้ยินเสียงเด็กร้อง ปรากฏว่ามีเรือเล็กลำหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากเจนัสร็อค มีศพชายคนหนึ่งกับเด็กทารกที่ส่งเสียงร้องอยู่บนนั้น

อิซาเบลนึกว่าสวรรค์ให้โอกาส จึงนำเด็กมาเลี้ยง แรกๆ ทอมไม่ยอม แต่ก็สงสารภรรยาที่เพิ่งหมดอาลัยตายอยากเพราะเพิ่งแท้งลูกไป ยอมไปยอมมาเวลาผ่านไป จากเด็กทารกกลายเป็นเด็กช่างคุยช่างซัก พวกเขาตั้งชื่อให้เธอว่าลูซี่

แต่เวลาอันแสนสุขมีจำกัด ช่วงเวลาระหว่างพัก พวกเขาขึ้นมาบนฝั่ง และได้รู้ตัวตนของแม่เด็ก ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และยังตามหาลูกของเธอไม่เสื่อมคลาย...




ชอบชื่อเรื่องภาษาไทยจัง สื่อความรู้สึกและเรื่องราวของเรื่องได้ดีเลย

เรื่องเล่าเนิบๆ เน้นอารมณ์ ดิ่งลึกถึงความรู้สึก ใช้คำเปรียบเทียบในการส่งภาพมาให้ผู้อ่านเป็นส่วนใหญ่

มุมมองจะไม่จำกัดอยู่แค่ทอมกับอิซาเบล แต่หมุนวนไปกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องราว พวกเขาจิตใจดีแต่ก็ใจแคบ พวกเขาร่าเริงแต่ก็หดหู่ พวกเขาทำสิ่งที่น่าชื่นชมและขมขื่นในเวลาเดียวกัน

ให้ความรู้สึกหม่นมัว ไม่สุขแต่ไม่เศร้า

มีหลายประเด็นที่ผู้เขียนนำเสนอออกมาน่าสนใจ

โอเล่าสิ่งที่เล่าได้ก่อน

เช่น ไม่มีใครกลับจากสงครามอย่างสมบูรณ์ ทุกคนสูญเสียบางอย่างไปกับสงครามเสมอ ถึงอวัยวะจะยังครบถ้วน แต่จิตใจก็จะเปลี่ยนไป

ทอมเป็นตัวอย่างของคนที่รอดกลับมาหลังจากสงคราม แต่เขาไม่สามารถรับมือกับผู้คนมากมายจนต้องมาสมัครงานเป็นผู้ดูแลประภาคารอันโดดเดี่ยว เขารู้สึกแปลกแยก หดหู่ สิ้นหวัง รู้สึกผิดต่อผู้อื่น และรู้สึกผิดต่อตัวเอง

หรืออิซาเบล ที่สูญเสียบุตรไปถึงสามครั้ง จมปลักกับความรู้สึกผิด จนสร้างปมในใจ คนหนึ่งพูดไว้ว่า เมื่อคุณต้องสูญเสียบุตรสามครั้งไปในแดนที่โดดเดี่ยวและห่างไกลที่ไม่มีแม้แต่หมอ จิตใจคุณจะไม่มีวันเหมือนเดิม

หรือพี่ชายสองคนของอิซาเบล ที่ตายไปในสงครามทั้งคู่ พ่อแม่ของเธอต้องรับพัสดุแสดงตัวตนยืนยันจากลูกๆ ที่ไม่มีวันกลับมา พ่อแม่ต่างทุ่มเทความรู้สึกให้ลูกคนที่เหลือคนสุดท้าย ซึ่งก็คืออิซาเบล และหวาดกลัวว่าเธอจะจากไปตลอดเวลา 

หรือครอบครัวหนึ่ง ที่แม้สามีจะมีลมหายใจ รอดกลับมาจากสงคราม แต่ก็พิการ ไม่สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ จนสุดท้ายภรรยาก็ปลิดชีวิตตนเองเพราะแบกรับภาระและความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ไหว


***เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ***

หรือครอบครัวของฮานนาห์ สามีเธอถูกรังเกียจเพราะเป็นเยอรมัน ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนออสเตรีย และไม่เคยเกี่ยวข้องกับสงครามอะไรเลย สงครามบ่มเพาะความเกลียดชัง และแม้สงครามจบลง จิตใจคนก็ถูกทารุณไปแล้ว



ไม่ใช่แค่ผู้ที่ไปรบที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม แต่ผู้ที่รออยู่ก็ไม่ต่างกัน


ผู้เขียนมักจะใช้ประภาคารในการเปรียบเปรยถึงสิ่งที่อยู่ในใจคน

ที่โอจำได้ก็คือ 

ประภาคารทำหน้าที่ช่วยเหลือเหล่าเรือให้มองเห็น แต่กลับไม่ช่วยอะไรคนที่อยู่ในประภาคารนั้น


เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเลยค่ะ แต่โอบอกไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ


4 ดาว หมองเหลือเกิน ช่วงสุขโอไม่ค่อยเต็มอิ่มกับมันนัก บวกกับช่วงท้ายมันยังขัดๆ กับความรู้สึกโอหน่อย




สำนวนแปล โอชอบช่วงบรรยาย พรรณาทิวทัศน์ สวยและคำก็มีเสน่ห์ดี 

แต่พอเป็นช่วงเล่าเรื่องราวรอบตัวและบทสนทนาอ่านแล้วเข้าใจยาก ยังไม่เป็นธรรมชาติ เห็นเป็นท่อนๆ แต่เชื่อมโยงยังไม่ได้

เช่น 

หน้า 53

"...โอย ทอมคะ คุณไม่เคยเห็นภาพตึกที่เต็มไปด้วยเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่มีแม่แบบนั้นมาก่อน ไม่มีใครที่จะรักพวกเขา ซาราห์ไม่สามารถปริปากบอกสามีของเธอแม้แต่คำเดียว เขาคงจะไล่เธอออกจากบ้านแน่ๆ เขาไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่ในตอนนี้ ลูกของเธอยังอยู่ที่นั่น เท่าที่เธอทำได้คือมองดู..."

มันอ่านได้เป็นท่อนๆ ค่ะ แต่ไม่มีความเชื่อมโยงกัน

ซาราห์ไม่สามารถปริปากบอกสามีของเธอแม้แต่คำเดียว / เขาคงจะไล่เธอออกจากบ้านแน่ๆ / เขาไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่ในตอนนี้ / ลูกของเธอยังอยู่ที่นั่น / เท่าที่เธอทำได้คือมองดู...


หน้า 79

"มีหลายครั้งหลายคราที่ผมต้องการคำตอบ ข้อนั้นผมบอกคุณได้แน่ หลายครั้งที่ผมเห็นวาระสุดท้ายของคนคนหนึ่งและผมอยากจะถามเขาว่า "คุณหายไปไหน คุณอยู่ข้างกายผมตรงนี้แค่ไม่กี่วินาทีก่อนนี่เอง แล้วตอนนี้เศษโลหะบางชิ้นเจาะผิวผนังของคุณเป็นรูเพราะว่ามันพุ่งปะทะตัวคุณอย่างรวดเร็วทีเดียว แล้วจู่ ๆ คุณก็ไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว มันเป็นไปได้ยังไง"

ต้องการสื่อว่าทอมเห็นคนถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเขาคนนั้นยังมีชีวิต ยังอยู่ข้างกายเขาอยู่เลย

โอลองปรับนิดๆ

"คุณหายไปไหน คุณอยู่ข้างกายผมตรงนี้แค่ไม่กี่วินาทีก่อนนี่เอง แล้วตอนนี้กลับมีเศษโลหะบางชิ้นเจาะผิวหนังของคุณเป็นรูเพราะมันพุ่งปะทะตัวคุณรวดเร็วพอ จู่ ๆ คุณก็ไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว เป็นไปได้ยังไง"






ตัวอย่างภาพยนตร์

เข้าบ้านเรากันยายน






.
.
.

นับเป็นครั้งแรกที่เขาซึมซาบรับรู้ความกว้างใหญ่ของทัศนียภาพ เมื่ออยู่เหนือระดับน้ำทะเลหลายร้อยฟุต เขาถูกสะกดด้วยระยะทางที่ดิ่งฮวบลงสู่มหาสมุทรที่โถมกระแทกหน้าผาเบื้องล่างพอดี น้ำทะเลซัดกระฉอกไปมาเหมือนสีขาวสำหรับทาผนัง เข้มข้นเหมือนน้ำนม ฟองฟูถูกปาดออกไปนานพอที่จะเผยให้เห็นสีรองพื้นสีฟ้าเข้มเป็นครั้งคราว ที่สุดปลายด้านหนึ่งของเกาะแถวโขดหินขนาดมหึมาก่อเกิดเป็นแนวก้นคลื่น และทำให้น้ำที่ขังอยู่ข้างในนิ่งสงบราวกับน้ำในอ่างอาบน้ำ เขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังห้อยตัวลงมาจากท้องฟ้า ไม่ใช่ผุดขึ้นมาจากพื้นโลก เขาหมุนตัวหนึ่งรอบอย่างเชื่องช้าพร้อมซึมซับความว่างเปล่าของทุกสิ่งทุกอย่าง ดูเหมือนว่าปอดของเขาคงไม่มีวันใหญ่โตพอที่จะสูดหายใจเอาอากาศมากมายขนาดนี้เข้าไปได้ เช่นเดียวกับที่เขาคงไม่สามารถได้ยินเสียงมหาสุมทรคำรามครืนครั่นแบบเต็มขีดจำกัด ชั่วเสี้ยวขณะหนึ่งเขาไม่มีความได้เปรียบใด ๆ เลย

หน้า 36-37  บทที่ 3

.
.
.


ความโดดเดี่ยวปั่นเส้นใยเป็นรังไหมอันลึกลับ ทำให้ความรู้สึกนึกคิดจดจ่ออยู่ ณ สถานที่แห่งเดียว ช่วงเวลาเดียว จังหวะเดียว นั่นคือการหมุนวนของดวงไฟ เกาะนั้นไม่รู้จักเสียงมนุษย์อื่นใด ไม่รู้จักรอยเท้าอื่นใด ในหน่วยประภาคารนอกชายฝั่ง คุณใช้ชีวิตให้เป็นเรื่องราวแบบใดก็ได้ที่คุณอยากเล่าให้ตัวเองฟัง และจะไม่มีผู้ใดพูดว่าคุณเป็นฝ่ายผิด ไม่ใช่พวกนกนางนวล ไม่ใช่กระจกสะท้อนแสงปริซึม ไม่ใช่สายลม

หน้า 125  บทที่ 12

.
.
.




Create Date : 12 มิถุนายน 2559
Last Update : 13 มิถุนายน 2559 0:11:53 น.
Counter : 3173 Pageviews.

11 comments
  
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ ตอนแรกลังเลอยู่ว่าจะอ่านดีไหม ดูเรื่องย่อกับเทรลเลอร์แล้วไม่ใช่แนวแน่ๆ
โดย: Froggie วันที่: 13 มิถุนายน 2559 เวลา:7:28:37 น.
  
ขอบคุณสำหรับรีวิวหนังสือ
ดูน่าอ่านมากค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
moresaw Funniest Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Home & Garden Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
comicclubs Diarist ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
mcayenne94 Home & Garden Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ออมอำพัน About Weblog ดู Blog
ออโอ Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: pantawan วันที่: 13 มิถุนายน 2559 เวลา:23:46:05 น.
  
คุณกบ มันสีเทาๆ ไม่สามารถกาหัวคนนี้แล้วบอกว่าเลว ติ๊กถูกแล้วบอกว่าดี ทุกคนจะมีแง่มุมเห็นแก่ตัวอยู่ เน้นอารมณ์ อึดอัดเหมือนมีอากาศไม่พอ ไม่ใช่ไม่ดีนะคะ เรื่องนี้ดีค่ะ แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะอ่านไปยิ้มไป

คุณpantawan ขอบคุณที่โหวตให้ค่ะ อ่านก่อนดูหนังไหมคะ

โดย: ออโอ วันที่: 14 มิถุนายน 2559 เวลา:19:47:28 น.
  

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Diarist ดู Blog

ออโอ Book Blog ดู Blog
โดย: newyorknurse วันที่: 16 มิถุนายน 2559 เวลา:0:20:12 น.
  
เนื้อหาเรื่องนี่นำทางมาได้ดีมากเลยะนะคะ มันน่าค้นหา มันหักมุม แปลก จากความที่อยากได้ลูกน้อยๆ กลายมาเป็นหายนะของตนเอง การได้ช่วย กลับกลายเป็นความผิด
รีวิวหนังสือเล่มนี้ได้น่าสนใจมากๆเลยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
ออมอำพัน Literature Blog ดู Blog
ออโอ Book Blog ดู Blog
โดย: ตุ๊กจ้ะ วันที่: 16 มิถุนายน 2559 เวลา:18:55:09 น.
  
คุณnewyorknurse ขอบคุณค่า

คุณตุ๊กจ้ะ ประภาคารเป็นแสงสว่างของชาวเรือ เป็นเทพีของบุรุษที่หลงใหลดวงไฟ เป็นสิ่งที่ไม่เคยหลับใหลนิรันดร์กาล ขอบคุณค่า เรื่องแนวชีวิต+จิตใจค่ะ
โดย: ออโอ วันที่: 17 มิถุนายน 2559 เวลา:23:10:04 น.
  
ตัวอย่างหนังน่าดูจังค่ะ
ตอนแรกทีอ่านชื่อเรื่องภาษาไทย ให้ความรู้สึกเหมือนหนังสือธรรมะเลย
โดย: Serverlus วันที่: 20 มิถุนายน 2559 เวลา:19:57:45 น.
  
คุณเอ้ ฮ่าๆ อย่าอ่านแต่ชื่อเรื่องซี่คะ เพราะมันออกธรรมะจริงๆ แหละ ฮ่าๆ ดูปกๆ
โดย: ออโอ วันที่: 20 มิถุนายน 2559 เวลา:21:34:36 น.
  
หนังน่าดูนะครับ อ่านเนื้อหาจากบล็อกแล้ว ชวนให้ซื้อมาอ่านให้จบครับ แล้วรอดูหนังในโรง...ขอบคุณครับ สำหรับสิ่งดีๆ ที่แชร์กัน
โดย: ํYai (สมาชิกหมายเลข 3294129 ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2559 เวลา:18:42:43 น.
  
อ่านแล้วแอบเสียใจ ทำไมไม่ซื้อค่ะ
โดย: หมูบูด วันที่: 9 กันยายน 2559 เวลา:11:55:09 น.
  
คุณหมูบูด สวัสดีค่ะ ถ้าสนใจเรื่องนี้ยังหาซื้อได้ทั่วไปอยู่นะคะ
โดย: ออโอ วันที่: 9 กันยายน 2559 เวลา:23:08:52 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments