กุมภาพันธ์ 2559

 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
 
 
All Blog
สึคุโมะโด ร้านวัตถุโบราณพิศวง AKIHIKO ODO เขียน
Smiley





สึคุโมะโด ร้านวัตถุโบราณพิศวง (7 เล่มจบ)
AKIHIKO ODO เขียน  ธีรินทร์ อังค์ไพโรจน์ แปล
สำนักพิมพ์ Enter Books แนว ELN
1,273 บาท  2,157 หน้า

หลังปกเล่ม 1

‘แอนทีค’ คือ สิ่งของที่มีพลังพิเศษซึ่งสะสมพลังที่ว่ามาตั้งแต่โบราณ อาจเพราะมีผู้สร้างขึ้น หรือเกิดจากพลังวิญญาณ เช่น ลูกตุ้มที่ทำให้เกิดเรื่องบังเอิญได้อย่างที่เราตั้งใจ รูปปั้นที่เพียงสัมผัสก็รักษาโรคร้ายได้ สมุดที่หากบันทึกอะไรลงไปก็จะไม่มีวันลืม

ฟังดูก็เหมือนจะเข้าท่าดีใช่ไหม... แน่นอนว่าหากใช้ไปในทางที่ถูกต้องน่ะนะ

ทว่าหากใช้ไปในทางที่ผิดล่ะก็ ไม่มีใครบอกได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

‘ร้านวัตถุโบราณสึคุโมะโด’ขายแอนทีคที่ว่านี่แหละ อาจจะมีของจริงบ้าง ปลอมบ้างผสมกันไป แต่เมื่อเจอของจริงทีไร ก็เป็นอันต้องมีเรื่องให้พนักงานในร้านอย่างโทคิยะ และซากิ ช่วยกันแก้ปัญหาทุกที

ถ้าอยากเจอของเจ๋งๆ ด้วยตัวเองล่ะก็ เชิญมาเยี่ยมชม ‘ร้านวัตถุโบราณสึคุโมะโด’ ดูสักครั้งเป็นไง!



คุยกันหลังอ่าน

ช่วงเล่มต้นๆ มันเป็นตอนๆ นะ แต่ละเล่มมี 4 ตอน เนื้อหาแต่ละตอนไม่เกี่ยวข้องกัน มีแค่ตัวละครร่วมคือตัวละครหลักสามตัว

หนึ่ง คุรุสุ โทคิยะ เด็กชายที่ไม่เอาไหนเรื่องเรียน ไม่โดดเด่นเรื่องกีฬา บื้อเฟอะฟะก็บ่อยครั้ง หากเป็นคนที่ถ้าสนใจอะไรแล้วก็จะทุ่มเทกับมันจนถึงที่สุด จิตใจดี เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ร้านสึคุโมะโด ~Fake~ ปกติแล้วจะไปกับระหว่างโรงเรียน ร้านสึคุโมะโดที่ทำงานพิเศษ และหอพักที่อาศัยอยู่คนเดียว

สอง ไมโนะ ซากิ เด็กสาวผมเหลือบเงิน สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เป็นเอกลักษณ์ ชอบสีดำเป็นที่สุด ชื่นชอบการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะคู่มือต่างๆ เพราะความฝันที่ยิ่งใหญ่ของเธอคือการเป็นพนักงานต้อนรับลูกค้าที่ยอดเยี่ยม เป็นพนักงานในร้านสึคุโมะโด ~Fake~ ทั้งกะกลางวันและกลางคืน พักอยู่ชั้นบนของร้าน

และสาม เซ็ทสึ โทวาโกะ เจ้าของร้านสึคุโมะโด ชอบหายตัวไปหา 'แอนทีค' แต่มักได้ของเก๊กลับมาแทบทุกครั้ง แล้วก็นำมาวางขายไว้ในร้าน

สามตัวละครนี้จะโลดแล่นร้อยเรื่องราวเข้าด้วยกัน

ต้องอธิบายเกี่ยวกับ 'แอนทีค' ก่อนสินะ ในเรื่องนี้ 'แอนทีค' คือของต้องสาป มีอำนาจต่างๆ กันไปในแต่ละชิ้น 

สมุดบันทึกที่จดสิ่งใดไว้แล้วจะไม่มีวันลืม ลูกตุ้มที่จะบันดาลความบังเอิญตามที่ผู้เป็นเจ้าของต้องการ กำไลแห่งโชคลาภต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขต่างๆ กล่องที่เก็บรักษาสิ่งของให้ไม่มีวันเสื่อมสลาย กล้องที่สามารถ่ายภาพในอนาคตได้ตามค่าที่ปรับ หน้ากากที่สามารถสร้างตัวตนเลียนแบบเจ้าของ ฯลฯ

อำนาจที่เหนือคนธรรมดาคือสิ่งที่น่าปรารถนา แต่จะมีสักกี่คนที่ไม่ลุ่มหลงกับมัน

และแน่นอนว่าเมื่อลุ่มหลงแล้ว ก็เกิดทุกข์

แนวคิดของคุณโทวาโกะคือ ต้องการตามล่าหาซื้อแอนทีคกลับมา ไม่ให้คนปกติตกเป็นเหยื่อของมัน

และหลายๆ ครั้ง 'แอนทีค' ก็ทำให้โทคิยะและซากิที่เข้าไปพัวพันต้องเกือบเสียชีวิต


ความรู้สึกที่อ่านเล่ม 1-5 ก็คือเพลินๆ นะคะ อยากรู้ว่า 'แอนทีค' ของวิเศษต้องสาปชิ้นนั้นๆ คืออะไร ปริศนาที่ลวงหลอกเราในตอนนั้นเป็นแบบไหน คนเขียนสับขาหลอกเก่งค่ะ หลายครั้งคิดว่าตัวเองรู้แล้ว อันที่จริงที่เข้าใจน่ะมันผิด หลายครั้งที่ก็เป็นไปตามที่เข้าใจแหละ แต่ดันไม่เป็นตามที่คิด

แอนทีค ก็คล้ายๆ กับของวิเศษในเรื่องโดราเอมอน ที่สามารถทำให้ผู้ครอบครองมีสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนปกติ แต่ในเรื่องนี้หลายๆ ตอนสื่อออกมามืดมนกว่าค่ะ

แต่ที่ทำให้ประหลาดใจคือเล่ม 6 และ 7 ค่ะ ตอนอ่านเล่ม 6 เริ่มมีเนื้อเรื่องหลักเผยออกมาให้แปลกใจแล้ว แต่เล่ม 7 เล่มสุดท้ายคือที่สุด 

"โอ้!!!" 

ได้แต่อุทานอยู่ในใจเป็นระยะ ตลอดระยะเวลาอ่านเล่มสุดท้าย รู้สึกโดนหลอกซ้ำๆ แล้วไม่คิดเลยแม้แต่น้อยว่าจะมาลงอีหรอบนี้

คนเขียนเก่งมากที่หยิบชิ้นส่วนที่ในสายตาโอดูเหมือนเป็นคนละเรื่องราวมาต่อกันให้เห็นภาพที่ไม่นึกฝันมาก่อน

อ่านแล้วต้องยกนิ้วให้คนเขียน เป็นคนฉลาดในการเลือกใช้และรู้จักวางแผนค่ะ แต่ละตอนที่สร้างมีความหมายและประโยชน์ในตัวของมันเอง

ฉากบู๊ในเล่มท้ายๆ ก็สนุกมาก

เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องในเล่มต้นๆ อาจอ่านแยกได้ แต่ทางที่ดีไม่ควรอ่านสลับหรืออ่านข้ามค่ะ เพราะแต่ละตอนจะมีจุดเชื่อมโยงกันอยู่ ยิ่งเล่มท้ายๆ ยิ่งอ่านแบบไม่เรียงไม่ได้

เรื่องลักษณะนี้ค่อนข้างยากในการแก้ปมและอุดรูรั่ว แต่โอว่าเรื่องนี้โดยรวมคนเขียนทำได้ดีมากเลย ไม่ว่าในแง่ความสัมพันธ์ตัวละคร หรือความเป็นเหตุเป็นผล

สำนวนในเรื่องโอรู้สึกว่าอ่านเข้าใจยากบ้าง แต่ก็อ่านได้ค่ะ

กลวิธีที่คนเขียนใช้บ่อยคือการเล่าซ้ำ เล่าเลียนแบบ ซึ่งบางครั้งก็น่าเบื่อ แต่หลายครั้งทำได้ออกมาน่ารักค่ะ

และอีกกลวิธีคือการตัดสลับมุมมองคนเล่าค่ะ มุมมองเรื่องหลักๆ จะอยู่ที่ตัวเอก โทคิยะ แต่บางครั้งก็อยู่ที่คนอื่น กลวิธีนี้แหละที่ทำให้การนำเสนอน่าสนใจ จนถึงคาดเดายาก ตามลักษณะการหลอกล่อของเรื่อง (สังเกตได้จากเจ้าสี่เหลี่ยมหน้าจั่ว ถ้ามาคั่นแปลว่าเปลี่ยนฉากหรือเปลี่ยนมุมมองแล้วค่ะ)

อารมณ์เรื่องค่อนข้างดราม่ามืดมนหนักอยู่พอประมาณ แต่ไม่ถึงขนาดกับหดหู่นะคะ

วัยที่น่าจะชอบน่าจะอยู่ที่วัยรุ่นขึ้นไป ส่วนเพศสามารถอ่านได้ดีทั้งชายและหญิงค่ะ


(4+4+4+4+4+4.5+5)/7 = 4.21


.
.
.


คนเรานั้นมีนิยามคำว่าโชคดีแตกต่างกัน

ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราขึ้นรถไฟฟ้าได้ทันเวลาแบบพอดิบพอดี เราก็คิดว่าตัวเองโชคดี

แต่ถ้ารถไฟฟ้าขบวนนั้นเกิดอุบัติเหตุ เราก็จะคิดกลับกันว่าโชคร้ายจริงๆ ที่ขึ้นรถไฟฟ้าขบวนนี้

ทว่าหากเราได้รับบาดเจ็บตอนอยู่ในรถไฟฟ้าจนต้องเข้าโรงพยาบาล และได้เจอกับคนในพรหมลิขิตของตัวเองที่โรงพยาบาลโดยบังเอิญ เราก็จะคิดว่าการขึ้นรถไฟฟ้าและได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ถือเป็นโชคดีของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากคนในพรหมลิขิตที่ได้เจอนั้นทำให้เราต้องเจ็บช้ำใจหรือพบกับเรื่องร้ายๆ เราก็จะคิดว่าโชคร้ายจริงๆ ที่มาเจอกับคนคนนี้

เมื่อเป็นเช่นนี้พอลองคิดย้อนดู การขึ้นรถไฟฟ้าได้ทันเวลาก็จะเหมือนกับเป็นจุดเริ่มตนของความโชคร้าย และเรื่องที่เราเคยคิดว่าเป็นโชคดีก่อนหน้านี้ก็จะกลับกลายเป็นโชคร้ายไป ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมีกรณีตรงข้ามกับที่กล่าวไปด้วยเช่นกัน

ดังนั้นถ้าจะให้พูดตรงๆ แล้วล่ะก็ ความโชคดีหรือโชคร้ายนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเหตุการณ์ แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการคิดของผู้ที่ประสบเหตุการณ์นั้นๆ ต่างหาก

ด้วยเหตุนี้การคิดเพียงแค่ว่าตัวเราโชคดีหรือโชคร้ายจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร

แต่ถึงกระนั้นพอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คนเราก็มักจะเอาเรื่องเหล่านั้นไปโยงเข้ากับโชคลางอยู่ดี


หน้า 9-10 ตอนที่ 1 โชคลาภ
สึคุโมะโด ร้านวัตถุโบราณพิศวง เล่ม 5



.
.
.



ผืนนาของเพื่อนบ้านมักจะดูเขียวขจีกว่าเสมอ

ประโยคนี้หมายความว่าเรามักจะเห็นของของคนอื่นดีกว่าของของตัวเองเสมอ แม้มันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ตาม

แต่ถ้าหากผืนนาของคนอื่นดูดีกว่าของตัวเองจริงๆ ล่ะ คนเราจะทำอย่างไร

จะศึกษาเรียนรู้และพยายามทำผืนนาของตัวเองให้เขียวขจีเหมือนของเพื่อนบ้าน
หรือจะทำใจยอมรับและทนอยู่กับผืนนาของตนต่อไป

ทว่าหากเราพยายามทำเช่นนั้นแล้ว แต่ก็ยังเห็นผืนนาของคนอื่นดีกว่าของตนอยู่ร่ำไปล่ะ

คนเราจะทำอย่างไร

สิ่งที่คนเราจะทำนั้นมันก็รู้ชัดกันอยู่แล้ว

นั่นคือการแย่งชิง

คนเราจะแย่งชิงของของคนอื่นเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาเป็นของตน

และเพราะเหตุนี้เอง จึงทำให้ความขัดแย้งไม่หมดไปจากโลกเสียที


หน้า 9-10 ตอนที่ 1 ความอิจฉา
สึคุโมะโด ร้านวัตถุโบราณพิศวง เล่ม 6

.
.
.



รูปเล่มขนาดเล็กกว่านิยายปกติ แต่ไม่เล็กเท่าเล่มคุกกี้ของแจ่มใส โดยรวมขนาดพอดีมือ พกง่าย เปิดอ่านสบายดีค่ะ โอชอบ

มีโปสเตอร์สี แผ่นพับยาว หน้าหลัง 1 ใบ เป็นรูปตัวละครที่ปรากฏในแต่ละเล่ม และขนาดเท่าหน้ากระดาษอีก 1 ใบ เป็นรูปหน้าร้านสึคุโมะโดในแต่ละช่วงเวลา


โอถ่ายรูปเล่ม 3 มาให้ดูค่ะ


หน้าสีพับยาว


หน้า - ซากิกับแมว




หลัง - ตัวละครในเล่ม (แนะนำให้อ่านจบแต่ละเล่มแล้วค่อยมานั่งมองจะรู้ว่าใครเป็นใครค่ะ)





ภาพเปิดรูปหน้าร้านสึคุโมะโด (เก๋ตรงที่เป็นรูปหน้าร้านเหมือนกัน แต่จะมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละเล่มค่ะ สื่อช่วงเวลาที่แตกต่างกัน)





ไคลแมกซ์เล่มสุดท้ายเลย จากที่ดีแบบเรื่อยๆ กลายเป็นพีคทุกอย่างเอาเล่มนี้



Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 15:28:56 น.
Counter : 3909 Pageviews.

4 comments
  

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ ออโอ เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 2 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


ปรัซซี่ Food Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
ออโอ Book Blog ดู Blog


โห รีวิวรอบนี้ก็เจ็ดเล่มเลยนะออโอ

ช่วงนี้รีวิวหนังสือเป็นซีรี่ส์น่อ

แต่แสดงว่าเล่มเจ็ดเด็ดจริง น่าอ่านๆ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:10:22 น.
  
พี่สาวไกด์ฯ ขอบคุณค่ะ มารวดเดียวเลยค่ะ ช่วงนี้อ่านแต่หนังสือหลายเล่มจบ
โดย: ออโอ วันที่: 29 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:17:00:34 น.
  
มาแอบส่อง

นิยายชุดเวลาอ่านมันใช้เวลาเยอะเนอะ อ่านทิ้งอ่านขว้างก็ไม่ได้ ไม่งั้นเราเองมีลืมแน่นอน อิอิ

นิยายน่าสนใจเต็มไปหมด.....อ่านไม่ทันสักที
โดย: Serverlus วันที่: 2 มีนาคม 2559 เวลา:22:53:46 น.
  
คุณเอ้ ชุดนี้ดูเหมือนเล่มน้อยๆ แท้จริงเนื้อหานางแน่นกว่าที่คิด หนากว่าที่เห็น หนักและดราม่ามากกว่าที่ปกแสดง ตัวหนังสือเล็กอีกต่างหาก อ่านคุ้มยาวๆ เลยค่ะ
โดย: ออโอ วันที่: 3 มีนาคม 2559 เวลา:23:06:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments