พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
31
 
 
All Blog
ห้องสมควรตาย โยเนซาวะ โฮโนบุ เขียน
บางครั้งก็สงสัยตัวเอง แตกหัวข้อบล็อกนี่ทำให้หาง่ายหรือยากขึ้นกันนะ Smiley

เรื่องนี้โดนหลังปกดึงดูดให้ซื้อ น่าสนมาก






ห้องสมควรตาย The Incite Milll
โยเนซาวะ โฮโนบุ เขียน  มโนภาพ แปล
สนพ.แพรว


หลังปก


"รับสมัครงาน 'มอนิเตอร์'"

คุณสมบัติ
- ไม่จำกัดเพศ วัย วุฒิการศึกษา
- งานพิเศษหนึ่งสัปดาห์ เป็น "มอนิเตอร์" สำหรับการทดลอง ถูกจับตามองวันละ 24 ชั่วโมง
- อาหารสามมื้อพร้อมห้องส่วนตัว จ่ายเงินให้ตลอดแม้แต่ตอนนอนหลับ ผลงานดีมีโบนัสทวีคูณ
รายได้ชั่วโมงละหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นสองพันเยน
(เงื่อนไขเป็นไปตามที่ผู้จัดงานกำหนด***)

คุณจะมาร่วมงานกับเราไหม



นิยายสืบสวนเชิงจิตวิยา สะเทือนวงการคดีฆาตกรรมห้องปิดตายทั่วเกาะญี่ปุ่น แม้กะพริบตายังเผลอหวาดระแวง


ได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์โดยผู้กำกับ The Ring, Death Note: L, Change the WorLd


***อยู่ในห้องใต้ดินปิดตาย, มีอาวุธลับให้คนละชิ้น, ฆ่าใครตายได้รางวัลเพิ่ม, ชี้ตัวคนร้ายได้รางวัลเพิ่ม, ห้องนอนไม่มีตัวล็อก, ห้ามออกจากห้องตอนกลางคืน, ห้ามนอนรวมกัน ฯลฯ สนใจติดต่อ SHM Club





เล่าเรื่องเอง

ประกาศรับสมัครงานแปลกประหลาดกระจายออกไปตามหนังสือพิมพ์ นิตยสาร ใบประกาศต่างๆ บางคนเห็นว่าประกาศนี้เป็นเรื่องตลก แต่ก็น่าสนใจ บางคนบอกว่าต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ และบางคนก็ไม่รู้ถึงสิ่งผิดปรกติเลย

อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับการคัดเลือกทั้ง 12 คนจะได้รับการติดต่อกลับไป

ยูกิ ริคุฮิโตะ เป็นนักศึกษา เขากำลังหางานพิเศษที่รายได้น่าสนใจเพื่อที่จะซื้อรถ ได้สมัครงานนี้เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เข้าร่วมการทดลองครั้งนี้

ผู้ที่เข้าร่วมจะถูกจับตามองตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดระยะเวลา 7 วัน งานที่มีลับลมคมใน รายได้ที่สูงจนน่าประหลาดใจ และเงื่อนไขที่น่าส่ายหัว

แต่ละคนเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติ และรับรู้จุดมุ่งหมายของผู้ว่าจ้างในที่สุด

พวกเขาอยู่ในลานประหารที่มีเงินรางวัลเป็นเดิมพัน เป็นนักโทษที่ถูกจับตามอง


แต่เมื่อได้ย่างเข้า "อังกิคัง" (หอแห่งความหวาดระแวง) จะถอยกลับไม่ได้แล้ว จนกว่าระยะเวลาทดลองจะสิ้นสุด หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด


คุยกันหลังอ่าน

แนว Survival หาทางรอด ผสมกับการวิเคราะห์คดีและจิตวิทยาค่ะ

เงื่อนไขที่ประกาศรับสมัครงานจริงๆ ในเรื่องไม่ใช่ตามหลังปกนะคะ ในนั้นเขียนแค่ว่าเป็นการรับคนเพื่อทดลองทางด้านมนุษยศาสตร์โดยจะถูกจับตามองและห้ามติดต่อกับโลกภายนอกตลอดระยะเวลารับการทดลอง เพราะฉะนั้นผู้สมัครงานจะไม่ทราบว่างานนี้เป็นงานอย่างไรเลยจนได้เข้าไป

และอย่างที่ทุกคนเดาได้ค่ะ ผู้จ้างต้องการให้พวกเขา "ฆ่ากันเอง" โดยมีโบนัสของรายได้ต่อชั่วโมงเป็นสิ่งเร้า 

ให้อยู่ในสถานที่ปิด หรือก็คืออังกิคัง เป็นห้องใต้ดินปิดทึบ และมอบอาวุธคนละชนิดให้ทุกคน

รายละเอียดจะค่อนข้างมาก มีทั้งกฎที่ห้ามทำ และสิ่งที่สามารถเรียกร้องได้ในบางกรณี

ยกตัวอย่างข้อห้าม เช่น ห้ามออกจากห้องพักส่วนตัวระหว่างสี่ทุ่มถึงหกโมงเช้า ห้ามนอนรวมกัน 


และเพิ่มแรงกระตุ้น หรือสิ่งเร้าโดยการเพิ่มค่าว่าจ้าง

ผู้รับการทดลองจะได้โบนัสเพิ่ม หาก
1. ฆ่าคน 
2. ถูกฆ่า 
3. ระบุตัวผู้ฆ่าได้ถูกต้อง 
4. เป็นผู้ช่วยผู้ระบุตัวผู้ฆ่า
5. เป็นผู้ให้เบาะแส

จะเห็นว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ให้ฆ่ากันดะอย่างเดียว จะมีทั้งบทนักสืบและนักฆ่าให้เลือกเล่น ค่าตอบแทนก็จะเป็นไปตามเงื่อนไข


เปิดตัวตัวละครทั้ง 12 คนออกมาพร้อมกันนี่เล่นเอามึนไปเหมือนกันค่ะ แรกๆ ย้อนกลับมาบ่อยมากเพราะจำไม่ได้ว่าคนนี้คือใคร แต่พออ่านไปสักระยะจะจำได้ค่ะ ผู้เขียนเฉลี่ยบทออกมาดี และมีวิธีให้เราจดจำตัวละครได้ เช่น สร้างความแตกต่าง ลักษณะเด่น หรือการแบ่งกลุ่ม

แต่ละตัวละครก็มีสิ่งที่ปิดบังไว้ ทุกคนจะมีโฉมหน้าในเงามืดที่ไม่อยากบอกใคร รวมถึงตัวละครหลักที่เป็นผู้ดำเนินเรื่อง คือ ยูกิ ริคุฮิโตะ นักศึกษาจืดจางธรรมดา และหวาดหวั่นกับสถานที่และสถานการณ์ที่เผชิญเช่นเดียวกับคนอื่นๆ แต่ถ้าใครพอจะสังเกตเห็น จะพอรู้สึกได้ว่า เขาไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ที่เห็นเท่าใดนัก

แต่ถึงจะมีโฉมหน้าอื่นหรือปิดบังอะไรไว้ แต่ทุกคนยังอยู่ในข่ายของคนธรรมดา ไม่ใช่โรคจิต วิปลาสแต่อย่างใด เจ็บได้ ตายเป็น ผิดพลาดได้

วิธีฆ่าและสถานการณ์ก็ไม่ได้พิสดารเหนือมนุษย์เช่นกัน

ลักษณะของเรื่องจะมีความอึมครึมของสถานการณ์ ความหวาดระแวง สงสัย ความกลัว มีความกดดันจนแสดงออกมาแตกต่างจากแรก แต่ไม่เน้นความตื่นเต้น กระชากหักมุม หรือสยดสยองสั่นประสาทแต่อย่างใด

ถึงจะไม่น่ากลัว แต่ความระแวงว่าจะเกิดอะไรต่อไปก็ทำให้ลุ้นนอนไม่กลับต้องอ่านต่อไปอย่างไม่หยุดพัก


คนอ่านจะเก็บข้อมูล สังเกต ระแวง สงสัยไปพร้อมๆ กับตัวละครหลัก และวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อเดาความลับในอังกิคัง ตลอดจนหาคนร้าย


โอชอบเรื่องนี้มากค่ะ โดยเฉพาะช่วงต้น และกลางเรื่อง สนุกกับการลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากรู้เงื่อนไข เดาหาช่องโหว่ และหาตัวคนร้าย ระแวงว่าจะโดนฆ่าไปกับตัวยูกิ ส่วนช่วงค่อนเรื่องหลัง เพราะตัวละครในเรื่องกลัวจนเกิดเป็นความด้านชา ทุกคนระแวงจนเหนื่อยหมดแรงแล้ว โอเลยไม่ค่อยเห็นสถานการณ์หรือความรู้สึกตื่นเต้นตื่นกลัวเท่าไรนัก ช่วงเฉลยรู้สึกว่าสั้นไปบ้าง ส่วนตัวคิดว่าจบโอเคเลยค่ะ (แม้จะมีบางอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไปบ้างก็ตาม)


ในหนังสือใส่แผนผังอากิคังมาด้วย แผนผังนี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่โอเปิดกลับไปมาระหว่างเนื้อเรื่องอยู่บ่อยๆ อันที่จริงเรื่องนี้แทบจะต้องอ่านทวนเกือบทุกจุดเพราะอยากสังเกตถึงจุดที่ผิดปกติค่ะ ฮ่าๆ




อากิคังเป็นห้องที่มีลักษณะเป็นวงกลมซ้อนกัน วงกลมข้างในเป็นส่วนประกอบของห้องนั่งเล่นให้ผู้เข้ารับการทดสอบมารวมตัวกัน และเชื่อมต่อกับห้องกินข้าวและห้องครัว ส่วนวงกลมใหญ่ข้างนอกจะเป็นห้องพักของผู้เข้ารับการทดลองทั้ง 12 คน นอกจากนั้นยังมีห้องที่ไม่ใช่ห้องพัก คือ Vault, Prison, Guard Maintenance Room, Recreation Room และ Mortuary

ที่ไม่เหมือนที่ใดคือทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างห้องต่างๆ ภายในวงกลมชั้นนอกนั้นมีลักษณะมีเว้าโค้ง แม้เดินห่างกันไม่มาก แต่หากห่างได้ระยะพอสมควรแล้วก็จะไม่เห็นอีกฝ่ายไม่ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าหรือห่างออกไปข้างหลังเพราะกำแพงจะบดบังมุมสายตาแน่นอน

อีกทั้งทางเดินเหล่านี้ตลอดจนในห้องพักล้วนปูพื้นพรมที่สามารถดูดซับเสียงเท้าได้เป็นอย่างดี

ในห้องพัก ประตูไม่มีล็อกแม้กระทั่งห้องน้ำ และประตูเหล่านี้ล้วนเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี

การออกแบบนี้มีไว้เพื่อผลักดันให้เกิด "การฆาตกรรม" โดยแท้


เรื่่องนี้ได้รับการดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วยนะคะ น่าจะเมื่อสี่ปีที่แล้ว แต่โอไม่เคยดู ไปหาข้อมูลหลังจากอ่านจบได้ว่า เนื้อหาในหนังสือกับในภาพยนตร์แทบจะไม่เหมือนกันเลย ที่เห็นชัดเจนคือในภาพยนตร์เปลี่ยนผู้เข้าร่วมการทดลองจาก 12 คน เหลือแค่ 10 คน น่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลาที่จำกัดด้วย ในหนังสือรายละเอียดเยอะค่ะ แต่ละคนมีบทบาทหมด
คะแนนภาพยนตร์ออกมาไม่ดีนัก และส่วนใหญ่คนที่ทั้งดูและอ่านจะชอบหนังสือมากกว่า

แพรวสำนักพิมพ์เพิ่งนำมาแปลและวางขายเมื่อมีนาคมที่ผ่านมานี้เองค่ะ







ชอบมากเลย แนะนำให้อ่าน 

ใครเคยอ่านวิชาฆ่าภาคบังคับ เรื่องนี้ไม่โหด สยอง และหักมุมเท่าค่ะ เรียกว่าคนละอารมณ์ในเรื่องนี้คนที่เป็นผู้ถูกทดลองจะเป็นคนธรรมดาปกติมากกว่า

ให้อารมณ์ Liar Game เหมือนกันนะคะ แต่ไม่ตัดฉับ หักมุมเท่า

สุดท้าย ใครพอมีเรื่องแนวคล้ายๆ อย่างนี้อยากแนะนำ บอกโอได้นะคะ อยากอ่านอีกจังค่ะ แนว Survival จิตวิทยา หักมุม อะไรประมาณนี้ Smiley นิยายแนวนี้ไม่ค่อยได้อ่านเลยค่ะ ถ้าไม่สยองขวัญยิ่งดีมาก เค้ากลัว Smiley



มาเพิ่มเติมข้อมูลที่เพิ่งค้นพบ
เรื่องนี้ Yonezawa Honobu (โยเนซาวะ โฮโนบุ) เป็นผู้แต่งเดียวกับเรื่อง Hyouka ค่ะ





ส่วนการ์ตูน เคยดูอนิเมะที่คิดว่าเข้าข่าย ก็มี Danganronpa (หมีดำขาวโรคจิต เนื้อหาโอว่าก็โอเคนะคะ แต่ไม่ชอบแอคชั่นตัวละครเลยให้ตายเถอะ) , Mirai Nikki (เรื่องนี้ดูไม่จบแฮะ ช่วงนั้นไม่ว่างพอดี พอไม่ได้ดูต่อแล้วยาวเลย) , Another (เรื่องนี้ก็ชอบค่ะ แต่น่ากลัวไปหน่อย) , Deadman wonderland (คุณน้องหนูหัวขาว จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยได้ แต่น่าจะ Survival หรือเปล่านะ) , Attack on Titan (นี่ก็กรีดร้องต่อสู้เอาตัวรอดกันทั้งเรื่อง ว่าแต่มันไม่ใช่จิตวิทยาสินะ) หมดแล้วมั้ง



Create Date : 29 พฤษภาคม 2558
Last Update : 30 พฤษภาคม 2558 14:29:02 น.
Counter : 2963 Pageviews.

6 comments
  
รู้สึกว่าคล้ายกับอารมณ์ Battle Royale เลยครับคุณโอ
เรื่องนั้นเราได้หนังสือมาสองเล่ม เปิดไป 3 หน้าแรก เจอชื่อตัวละคร โคะๆ คิๆ จังๆ อุๆ อิๆ นี่แทบจะร้องไห้เลยครับ จำไม่ได้ ต้องพลิกไปพลิกมาตลอดเวลาเอ่ยถึงตัวละครตัวไหน
สรุปเลยอ่านไม่จบครับ ยังอยู่บนชั้นหนังสืออยู่เลย 555
โดย: PZOBRIAN วันที่: 30 พฤษภาคม 2558 เวลา:15:15:29 น.
  
คุณพี คล้ายๆ ค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่โหดจิตสยองเท่า จะเป็นลักษณะของคนธรรมดาที่มาอยู่ในสถานการณ์ที่ผิดปกติแล้วจะแสดงออกมาในรูปแบบหดหู่ ตื่นกลัว ว้าวุ่น หรือใกล้บ้า
ส่วนชื่อนี่ต้องค่อยๆ จำค่ะ โอเป็นคนจำยาก พลิกไปมาสิบตลบแต่ก็ยอม เพราะอยากรู้ตอนต่อไป




ว่าแต่ไม่มีใครอยากอ่านเลยหรอ เค้าเชียร์เรื่องนี้น้า เหงาจัง ไม่มีเพื่อนคุย มาอ่านกันเถอะทุกคนนน
โดย: ออโอ วันที่: 31 พฤษภาคม 2558 เวลา:18:06:08 น.
  
ดูท่า มันต้องอ่านไปคิดไป ช็อดโน้ตไปด้วยนี่สิคะคุณโอ
แถมควรอ่านต่อเนื่องกันลืมด้วย อีกต่างหาก

Liar Game เล่มหลัง ๆ เราก็ยังดองไว้ ไม่ได้อ่านเลยค่ะ คือพอเกมนึงมันลากยามหลายเล่ม และกว่าจะออกเล่มต่อไปมันก็นาน เราก็ลืมเนื้อหาก่อนหน้าแล้ว ก็ดองซะเลย อวสานเมื่อไรค่อยมาย้อนอ่านใหม่รวดเดียวจบ

อ่านรีวิวไปก่อนเนอะ
โดย: Serverlus วันที่: 1 มิถุนายน 2558 เวลา:7:53:24 น.
  
อ่านโปรย อ่านรีวิวก็ว่าพล็อตคุ้นมากเหมือนหนังที่เคยดูแล้ว พอเลื่อนมาด้านล่างก็ใช่จริงๆแฮะ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้วค่ะ ดูนานแล้ว
โดย: kunaom วันที่: 1 มิถุนายน 2558 เวลา:10:00:20 น.
  
คุณเอ้ ก็ไม่ได้คิดมากขนาดนั้นค่ะ อารมณ์เหมือนเราอ่านนิยายสืบสวนเราก็คิดไปลุ้นไปนั่นแหละค่า
ส่วน Liar Game โอดูเป็นซีรีส์ญี่่ปุ่นค่ะ เล่มนี่ไม่ได้ตาม แต่ก็คิดว่าอยากอ่านเหมือนกัน
อยากอ่านเมื่อไรค่อยหาอ่านก็ได้ค่า

คุณอ้อม หนังหลายปีแล้วค่ะ แล้วเห็นว่าหนังไม่เหมือนกับหนังสือเท่าไรด้วย
โดย: ออโอ วันที่: 2 มิถุนายน 2558 เวลา:13:50:14 น.
  
เคยดูตอนเป็นหนังค่ะ สนุกดี แต่หนังสือน่าจะสนุกกว่า
โดย: NickyOkawa วันที่: 27 มิถุนายน 2558 เวลา:23:17:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments