ตุลาคม 2563

 
 
 
 
1
3
4
7
8
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
All Blog
พาเหรดแห่งความเงียบงัน  ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน

18/9/2020

 

พาเหรดแห่งความเงียบงัน 

ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน 

บัณฑิต ประดิษฐานุวงษ์ แปล 

สำนักพิมพ์ Daifuku 

315 บาท  366 หน้า 

 

#แปลญี่ปุ่น #นิยายแปล #พาเหรดแห่งความเงียบงัน #ฮิงาชิโนะเคโงะ #Daifuku #รีวิวนิยาย #ออโอ



 

หลังปก 

 

หญิงสาวทายาทคนโตของร้านอาหาร...เจ้าของเสียงสวรรค์ผู้โดดเด่นและเป็นที่รักใคร่ของคนในย่านนั้นได้หายตัวไปอย่างปริศนา หลายปีต่อมาถูกพบเป็นศพในบ้านที่เกิดเพลิงไหม้ ผู้ต้องสงสัยคือชายที่คุซานางิไม่อาจเอาผิดได้ในคดีเก่า...ฆาตกรรมเด็กหญิง ซึ่งคราวนี้หลักฐานก็ยังไม่พอที่จะเอาผิดฆาตกรผู้นี้ 

 

ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธแค้น วันงานพาเหรดเทศกาลฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึง ละครแห่งการล้างแค้นได้เริ่มต้นขึ้น ศาสตรจารย์ยุกาว่า มานาบุ หัวหน้าหน่วยคุซานางิ ชุนเป และนายตำรวจหญิงคาโอรุ จะต้องเผชิญหน้ากับงานที่โหดหิน ปมปริศนาซับซ้อนที่มีทั้งความรัก การตีจาก และการอำพรางอันแยบยล 





 

คุยกันหลังอ่าน 

 

ประเด็นหลักที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอในเรื่องนี้คือการที่คนผิดไม่ได้รับการลงโทษ 

 

ผู้เขียนพยายามเพิ่มน้ำหนักความอยุติธรรม โดยใส่ความดีงามของเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นความหน้าตาดี นิสัยดี ความสามารถโดดเด่น หรือการเป็นที่รักใคร่ของครอบครัวและผู้ที่รู้จัก เพื่อแสดงตาชั่งความแตกต่างให้เห็นได้ชัด ผู้บริสุทธิ์ที่ดีพร้อมต้องตายไป แต่ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุกลับหลุดรอด ไม่ต้องรับผิดใด ๆ ทั้งที่เห็นชัดว่าเขาโหดเหี้ยม ไร้สามัญสำนึก แต่เพราะเขาอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายในการใช้สิทธิ์ไม่พูด  เมื่อไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นคนผิด ผู้ต้องสงสัยเลยรอดพ้น ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ใด ๆ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาใช้วิธีการแบบนี้เพื่อให้ตนหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา 

 

ในครั้งก่อน เป็นคดีของเด็กหญิง อัยการสั่งไม่ฟ้อง ส่วนในครั้งนี้ เป็นคดีของเด็กสาวลูกเจ้าของร้านอาหาร ผู้ต้องสงสัยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ คุซานางิที่เป็นผู้รับผิดชอบในคดีนี้และคดีครั้งก่อนรู้สึกผิดหวังเมื่อผลทางคดีเป็นแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครอบครัวของเหยื่อที่ต้องรับรู้ข่าวร้ายนี้ ศาสตราจารย์ฟิสิกส์ยุกาว่า หรือที่เรียกกันว่า อาจารย์กาลิเลโอเห็นเพื่อนกลัดกลุ้ม บวกกับรู้สึกว่าคดีนี้น่าสนใจ จึงกระโดดเข้ามาร่วมวงด้วย 

 

ผู้อ่านรู้ว่าครอบครัวของเด็กสาวที่เป็นเหยื่อและผู้เกี่ยวข้อง รู้สึกไม่พอใจผลการตัดสินคดี พวกเขาเลยวางแผนทำอะไรบางอย่างกับคนร้าย แต่ไม่รู้ว่าแต่ละคนทำอะไร ใช้วิธีไหน รู้แต่ว่า ในวันที่มีขบวนพาเหรด คนร้ายตาย จากสถานะในการเป็นครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องของเหยื่อ จึงเปลี่ยนเป็นผู้ต้องสงสัยแทน  

 

เรื่องเล่าเป็นเส้นตรงเกือบทั้งเรื่อง เลยทำให้อ่านแบบเนือย ๆ ไปบ้าง มีแค่ช่วงท้าย ๆ ที่พลิกไปพลิกมาตามสไตล์ของผู้เขียน ปกติโอจะค่อนข้างชอบความสัมพันธ์และตัวละครของผู้เขียน แต่เรื่องนี้โอเฉย ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความจงใจทำให้เรารู้สึกสงสารเหยื่อและครอบครัวของเหยื่อจนเกินไป หรือเพราะเหตุผลอื่น โอจึงไม่รู้สึกผูกพันหรือซาบซึ้งไปกับตัวละครอย่างที่ควรจะเป็น 

 

อีกเหตุผล โอว่าเรื่องนี้ขาดการเรียบเรียงและเกลาที่ดี สำนวนภาษาทำให้อ่านยากไปบ้าง ภาพรวมเหมือนเอางานแปลดิบโดยไม่ผ่านการเกลามาลงพิมพ์ขายเลย แม้แต่การทำเชิงอรรถก็ไม่ทำ ใช้การวงเล็บอธิบายความหมายแทน ทำให้อ่านสะดุด และขาดความสวยงาม เรื่องนี้มีปัญหาเรื่องการเว้นวรรคตอนและการเลือกใช้คำด้วย หลาย ๆ ครั้งใช้ภาษาพูดในบทบรรยาย แม้จะไม่มาก แต่ก็ไม่เรียกว่างานเรียบร้อย อย่างหลังนี่โอรู้สึกตั้งแต่อ่านงานแปลครั้งก่อนแล้ว ในบทพูดบางทีใช้ประโยคเป็นทางการมาก (ตัวอย่างเช่น ถึงกระนั้น... ) แต่พอเป็นบทบรรยาย ดันเป็นภาษาพูดมาเลย โอยกตัวอย่างไว้มาบางส่วน อยู่ข้างล่างนะคะ 

 

โดยรวมอ่านได้เพลิน ๆ อยู่ค่ะ แต่ไม่ถึงกับติดพัน โอชอบชื่อเรื่อง ล้อกับเนื้อหา พาเหรด คือในเรื่องเหตุการณ์หลักเกิดขึ้นช่วงเดินพาเหรดของเมือง และพาเหรดยังหมายถึงการเดินขบวน เดินแถวออกมา ซึ่งก็คือกระบวนการของกลุ่มคนที่ร่วมมือกัน โดยแบ่งความรับผิดชอบหน้าที่ ผลัดกันออกมาเป็นตัวแสดงหลัก ความเงียบงันก็คือการปิดปากเงียบ ไม่ว่าจะของฆาตกร ของคนที่เกี่ยวข้อง หรืออาการนิ่งงันเพราะความสลดหดหู่หรือตื่นตะลึงก็แล้วแต่ 
 

3 ดาว 

 





 

 

26 ฮาซึนุมะปฏิเสธไม่ยอมรับทุกข้อกล่าวหาในการพิจารณาในชั้นศาล ในความเป็นจริงสิ่งมีความหมายซึ่งเขาพูดเป็นคำแรกและคำสุดท้าย จากนั้นก็ปิดปากเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าอัยการจะถามคำถามเช่นไรคือย้ำคำเดียวว่า “ไม่มีอะไรจะพูดครับ” 

น่าจะเป็นอย่างนี้ 

>>  ฮาซึนุมะปฏิเสธไม่ยอมรับทุกข้อกล่าวหาในการพิจารณาในชั้นศาล อันที่จริง เขาพูดสิ่งที่มีความหมายเพียงคำเดียวเป็นคำแรกและคำสุดท้าย จากนั้นก็ปิดปากเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าอัยการจะถามคำถามเช่นไร ก็ย้ำแค่ว่า “ไม่มีอะไรจะพูดครับ” 

 

49 โทโมยะอาศัยจังหวะที่ไม่มีลูกค้าคนอื่น ส่งของขวัญให้ซาโอริเพื่อฉลองการสำเร็จการศึกษา เป็นแบเร็ต (ที่หนีบรวบผมไว้ด้านหลังศีรษะ) รูปผีเสื้อสีทอง 

นี่คือตัวอย่างที่ควรทำเชิงอรรถแทน 

 

51 นีคุระอยากให้ข้อมูลอันเป็นประโยขน์ต่อการสอบสวนของตำรวจ แต่เอาเข้าจริง เขาได้แต่ขมวดคิ้วเอียงคอฉงนกับคำถามที่คิชิทานิโยนมา น่าผิดหวังกับตัวเอง แต่นั่นคือความเป็นจริง หากมีสิ่งใดอันเป็นเบาะแสที่เขาจะบอกตำรวจได้ตอนนี้ เขาคงบอกไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน 

 

น่าจะเป็นอย่างนี้ 

>> นีคุระอยากให้ข้อมูลอันเป็นประโยขน์ต่อการสอบสวนของตำรวจ แต่เอาเข้าจริง เขาได้แต่ขมวดคิ้วเอียงคอฉงนกับคำถามที่คิชิทานิโยนมา เขารู้สึกว่าตนช่างทำตัวได้น่าผิดหวัง แต่นั่นคือความเป็นจริง หากมีสิ่งใดอันเป็นเบาะแสที่เขาจะบอกตำรวจได้ตอนนี้ เขาคงบอกไปแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน 

 

60 ดูเหมือนจะเข้าทางของฮาซึนุมะคุซานางิทำใจ ฮาซึนุมะคงไม่พูดมากไปกว่านี้ 

เว้นวรรคตอนใหม่ >> เหมือนจะเข้าทางของฮาซึนุมะ คุซานางิได้แต่ทำใจ ฮาซึนุมะคงไม่พูดมากไปกว่านี้ 

 

121 ห้องเดี่ยวในโรงแรมธุรกิจที่เดินจากสถานีคิคุโนะไม่กี่นาที เป็นห้องที่มีกลิ่นยาฆ่าเชื้อเล็กน้อย นอกจากบนเตียงกับเก้าอี้เล็ก ๆ แล้วก็ไม่มีที่จะอยู่ แค่จะเปิดตู้เสื้อผ้ายังต้องทำตัวลีบจนอึดอัด แม้แต่ห้องบนรถไฟโอเรียนต์เอ็นซ์เพรสในนิยายขึ้นชื่อของอกาธา คริสตียังน่าจะดีกว่านี้หน่อย แต่กระนั้นเห็นเขาว่าวันเสาร์ห้องยังเต็มเป็นแขกที่มาชมพาเหรดเมื่อวาน แสดงว่างานเพื่อส่งเสริมเมืองเป็นที่นิยมอย่างแท้จริง 

 

เรียบเรียงกับเว้นวรรคตอนใหม่ ประมาณนี้ 

 

>> ห้องเดี่ยวในโรงแรมธุรกิจที่สามารถเดินจากสถานีคิคุโนะภายในไม่กี่นาที เป็นห้องที่มีกลิ่นยาฆ่าเชื้อเล็กน้อย นอกจากบนเตียงกับเก้าอี้เล็ก ๆ แล้วก็ไม่มีที่อื่นที่จะอยู่ได้ แค่จะเปิดตู้เสื้อผ้ายังต้องทำตัวลีบจนอึดอัด แม้แต่ห้องบนรถไฟโอเรียนต์เอ็นซ์เพรสในนิยายขึ้นชื่อของอกาธา คริสตียังดีกว่านี้ แต่กระนั้นตามที่พวกเขาว่า วันเสาร์ห้องยังเต็มเพราะแขกที่มาชมพาเหรดเมื่อวาน แสดงว่างานเพื่อส่งเสริมเมืองเป็นที่นิยมอย่างแท้จริง 

 

 

130 “ระหว่างงานพาเหรดปีละหน คนที่ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรและอยู่ในระหว่างการพิจารณาการจัดการเกิดตายปริศนาครอบครัวผู้เสียหายมีพยานยืนยันแน่นหนาราวกับภาพวาด ฉันไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีขนาดจะเหมาเอาว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้” 

 

เรียบเรียงกับเว้นวรรคตอนใหม่ ประมาณนี้ 

>> “ในระหว่างงานพาเหรดที่จัดขึ้นปีละครั้ง คนที่ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรและอยู่ในระหว่างการพิจารณาการจัดการเกิดตายปริศนา ครอบครัวผู้เสียหายมีพยานยืนยันแน่นหนาราวกับภาพวาด ฉันไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีขนาดจะเหมาเอาว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้” 

 

130 พอรู้สึกตัวเขากำลังหยุดมือ ใช้สายตาที่หาโฟกัสไม่เจอหันมองหน้าจออย่างเหม่อลอย งานที่ต้องทำให้เสร็จภายในพรุ่งนี้ แต่ไม่คืบเลยสักนิด ดูนาฬิกา กำลังจะบ่าย 4 โมงแล้ว 

 

เรียบเรียงใหม่ ประมาณนี้ 

 

>> พอเขารู้สึกตัวอีกที มือก็หยุดนิ่งแล้ว สายตาที่หาโฟกัสไม่เจอมองหน้าจออย่างเหม่อลอย งานที่ต้องทำให้เสร็จภายในพรุ่งนี้ไม่คืบเลยสักนิด ดูนาฬิกา กำลังจะบ่าย 4 โมงแล้ว 

 

หรือ (ขึ้นกับความหมาย) 

 

>> >> พอเขารู้สึกตัว เขาก็หยุดมือ ใช้สายตาที่หาโฟกัสไม่เจอมองหน้าจออย่างเหม่อลอย งานที่ต้องทำให้เสร็จภายในพรุ่งนี้ไม่คืบเลยสักนิด ดูนาฬิกา กำลังจะบ่าย 4 โมงแล้ว 

 

135 มีสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมหลุดมาค่ะ มีสองที่มั้ง เท่าที่จำได้ 

 

147 ขณะกำลังคิด โทโมยะคนพูดก็มา 

>> ขณะกำลังคิด โทโมยะ คนที่พูดถึงอยู่ก็มา 

 

158 ฮาซึนุมะเอาเสื่อพลาสติกมาปูราด 

>> ปูลาด 

ลาด (ก.) ปูแผ่ออกไป เช่น ลาดพรม ปูลาดอาสนะ 

ราด (ก.) เทของเหลว ๆ เช่นน้ำให้กระจายแผ่นไปหรือให้เรี่ยรายไปทั่ว เช่น ราดน้ำ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ข้าวราดแกง 

 

 

 

241 “ฉันรู้จักพวกเขาดีในระดับหนึ่ง ทุกคนเป็นประชาชนธรรมดาผู้มีจิตใจดี รู้เลยว่าพวกเขาชอบคุณนามิกิ ซาโอริ และเป็นข้อเท็จจริงที่พวกเขาโกรธเกลียดฮาซึนุมะด้วย แต่ก็ยังไม่อาจเชื่อว่าพวกเขาจะร่วมในการฆ่าคน สมมุติว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิด 10 คน ก็ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกผิดจะเหลือแค่ 1 ใน 10 ก็เลยทำให้สมมุติฐานยังเสร็จสมบูรณ์ไม่ได้” 

เนื้อหาที่ยุกาว่าเล่าด้วยสีหน้าเจ็บปวด คุซานางิก็เห็นพ้องด้วย จริงอยู่ที่เป็นไปได้ยากที่คนจำนวนมากจะร่วมกันวางแผนฆาตกรรม 

 

โอคิดว่า ไม่น่าจะเป็นคำว่า ‘ความรู้สึกผิด’ แต่น่าจะเป็น ‘ความผิด’ หรือ ‘โทษ’ มากกว่านะคะ หมายถึง มันเป็นไปได้ยากที่คนจำนวนมากจะร่วมกันก่อเหตุ เพราะถึงร่วมมือกัน โทษที่ได้รับก็ไม่ได้หารเฉลี่ยกัน  

 

>> “ฉันรู้จักพวกเขาดีในระดับหนึ่ง ทุกคนเป็นประชาชนธรรมดาผู้มีจิตใจดี รู้เลยว่าพวกเขาชอบคุณนามิกิ ซาโอริ และเป็นข้อเท็จจริงที่พวกเขาโกรธเกลียดฮาซึนุมะด้วย แต่ก็ยังไม่อาจเชื่อว่าพวกเขาจะร่วมในการฆ่าคน สมมุติว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิด 10 คน ก็ไม่ได้หมายความว่าความผิดจะเหลือแค่ 1 ใน 10 ก็เลยทำให้สมมุติฐานยังเสร็จสมบูรณ์ไม่ได้” 

เนื้อหาที่ยุกาว่าเล่าด้วยสีหน้าเจ็บปวดนั้น คุซานางิก็เห็นพ้องด้วย จริงอยู่ที่เป็นไปได้ยากที่คนจำนวนมากจะร่วมกันวางแผนฆาตกรรม 

... 

เอ๊ะ โอมานึกอีกที หรือ ‘ความรู้สึกผิด’ ที่ว่านี่คือ ‘ความรู้สึกผิดในการฆ่าคน’ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ มันมีคีย์เวิร์ด ‘ทุกคนเป็นประชาชนธรรมดาผู้มีจิตใจดี’ อาจถูกแล้วก็ได้ค่ะ โออาจผิดเอง 

 

ดูท่อนถัดมา ก็ยังไม่ชัด 

ยกมานะ 

 

มามิยะฟังแล้วก็บอกว่ารู้สึกแบบเดียวกัน 

“สมมุติฐานที่ว่ามีคนหลายคนสมรู้ร่วมคิดกันน่าสนใจ แต่การเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวไม่น่าจะถึงขั้นฆ่าคนซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ได้ ความเสี่ยงเมื่อตอนถูกจับได้มันใหญ่หลวงเกินไป” 

 

ถ้าดูจากท่อนนี้จะไปให้น้ำหนักที่ ‘ความผิด’ มากกว่า แต่ก็บอกชัดไม่ได้อยู่ดี อาจเป็นเหตุผลที่ยกมาสนับสนุนอีกเหตุผลก็ได้ 

 

 

 

 

 

 

 

 




Create Date : 02 ตุลาคม 2563
Last Update : 2 ตุลาคม 2563 11:24:14 น.
Counter : 1693 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ออโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]



โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
New Comments