Group Blog All Blog
|
สงครามพลิกจักรวาล ออร์สัน สก็อตต์ การ์ด เขียน ค้นมาจากกองลดราคา อ่านเรื่องย่อข้างหลังกับรางวัลการันตีแล้วน่าสนใจดี สงครามพลิกจักรวาล Ender's Game ออร์สัน สก็อตต์ การ์ด เขียน อมฤต โอภาสเศรษฐกุล แปล แพรวสำนักพิมพ์ 265 บาท 351 หน้า หลังปก จากนวนิยายไซไฟสุดคลาสสิกขวัญใจผู้อ่าน สู่ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ทุกคนรอคอย เมื่อโลกต้องเผชิญกับการรุกรานจากต่างดาวเป็นครั้งที่สาม ความหวังทั้งหมดของมวลมนุษย์ขึ้นอยู่กับการมีผู้บัญชาการกองยานที่เก่งกาจที่สุด เอนเดอร์ วิกกิน คือเด็กอัจฉริยะที่ได้รับการคัดเลือก เขาต้องเดินทางไปเข้าเรียนในโรงเรียนการสงครามและได้รับการเคี่ยวกรำให้กลายเป็นผู้บัญชาการรบที่ไม่มีใครต้านทานได้ หนทางที่เต็มไปด้วยการทดสอบ หลุมพราง และศัตรูทอดรอเขาอยู่ และเขาไม่อาจหันหลังกลับ เอนเดอร์ฝึกฝนจนแข็งแกร่ง เขาได้รับชัยชนะมากมายในโรงเรียน แต่มหาสงครามแห่งจักรวาลที่มีโลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเดิมพันนั้นยิ่งใหญ่และสำคัญกว่า ศัตรูที่เอนเดอร์แทบไม่รู้จักกำลังซุ่มรอพร้อมกับกองยานจำนวนมหาศาล และเขาคือความหวังเดียวของโลกใบนี้ เล่าเรื่องเอง ในสมัยที่การมีลูกเกินสองคนถือเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาล แอนดรูว์ หรือเอนเดอร์ เป็นลูกชายคนที่สามของบ้านวิกกิน พ่อและแม่ของเขาได้รับอนุญาตให้มีเอนเดอร์เป็นพิเศษ ...เรียกได้ว่าเขาถูกรัฐบาลกำหนดให้เกิดมาด้วยซ้ำ จากยีนและพันธุกรรมชั้นเยี่ยม ปีเตอร์ พี่ชายของเอนเดอร์สามารถเป็นบุคคลากรชั้นยอด หากแต่เขาก้าวร้าวเกินไป ต่อมาวาเลนไทน์ พี่สาวคนรอง ที่มีความฉลาดเฉลียวไม่แพ้กันนั้น ก็อ่อนโยนเกินไป เอนเดอร์เป็นส่วนผสมระหว่างความแข็งแกร่งของพี่ชายและความอ่อนโยนของพี่สาว เขาสมบูรณ์ที่สุด เอนเดอร์ถูกจับตามองทุกการเคลื่อนไหวตลอดเวลาผ่าน "มอนิเตอร์" และเมื่ออายุหกขวบ เอนเดอร์ผ่านการทดสอบ เขาได้รับเลือกให้เข้าเรียนโรงเรียนการสงคราม เด็กที่ถูกคัดว่ามีความสามารถจะถูกส่งไปฝึกหัดที่โรงเรียนการสงครามเพื่อต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ต่างดาว "บักเกอร์" ที่เคยล่าล้างฆ่ามนุษย์จนเกือบล่มสลายไป มนุษย์ต่างหวาดกลัว พวกเขาต้องการคนที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะสามารถต่อกรกับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าและไม่อาจคาดเดาได้ สู้ในจักรวาล การฝึกต่อสู้ในสภาพไร้แรงโน้มถ่วงจึงเป็นเรื่องสำคัญ สถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียนแห่งนี้ต้องนั่งกระสวยอวกาศออกจากโลกมา เพื่อแยกตัว โดดเดี่ยว เกาะกลุ่ม และไม่หวั่นเกรง เด็กๆ ถูกฝึกให้เป็นทหารชั้นยอด ที่ที่นี้นอกจากการเรียนที่มีประโยชน์ต่อการต่อสู้ในอนาคต พวกเขาต้องฝึกการต่อสู้จำลองในห้องสมรภูมิ เอนเดอร์ก้าวเร็วกว่าใครเพื่อน หกขวบเข้าโรงเรียนสงคราม ยังไม่เจ็ดขวบเต็มถูกเรียกเข้าประจำการในหน่วย แปดขวบขึ้นเป็นผู้บัญชาการหน่วย เขาก้าวข้ามขีดจำกัดทุกด้าน แต่อุปสรรคมีอยู่ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่อิจฉา เจ้านายที่ไม่ดี คนที่ไม่ยอมรับ หรือแม้กระทั่งอาจารย์เหล่านั้นก็กลายเป็นศัตรูที่คอยสร้างสถานการณ์ที่ยากลำบากให้เอนเดอร์ตลอดเวลา เขาถูกบีบคั้นเพื่อให้แสดงศักยภาพออกมาสูงสุด ...แต่แน่นอนว่าเสี่ยงต่อการที่เขาจะกลายเป็นบ้า ...ต้องโดดเดี่ยว ทุกคนเป็นศัตรู ต้องต่อสู้เพื่อมวลมนุษยชาติ... คำสอนที่ปลูกฝังมาทั้งทางตรงและทางอ้อมบอกมาเช่นนั้น แต่อย่างไร อย่าลืมว่าแท้จริงแล้วเขายังเป็นเด็กมากมายนัก... คุยกันหลังอ่าน เฮ้ย สนุกอะ! คือมันดี โออ่านตอนง่วงมาก แต่อ่านจนตาสว่างติดพันไม่อยากนอนเลย ไม่ได้มีอาการอย่างนี้นานแล้ว เรื่องเริ่มในสมัยที่มนุษย์มีสิ่งอำนวยความสะดวก และมีการเดินทางออกนอกโลก และระหว่างดวงดาวเป็นปกติ มีการรุกรานจากต่างดาว แต่ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาก มนุษย์ก็ยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่นนั้น ตอนที่สนุกที่สุดจะเป็นช่วงที่อยู่โรงเรียนการสงคราม ประมาณต้นถึงค่อนเรื่อง ยาวพอควร โรงเรียนในเรื่องนี้จะไม่ได้เน้นเรื่องการเรียนการสอน แต่เน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเองของเด็กๆ ค่ะ โดยเฉพาะการฝึกฝนและการต่อสู้ โดยอาจารย์และโรงเรียนจะมีกฎให้ปฏิบัติ มีเงื่อนไขและคำสั่งให้ทำ แต่จะไม่เข้ามายุ่งเรื่องมาคอยป้อนว่าควรทำอะไร ตอนไหน อย่างไร ตัวเอก เอนเดอร์ อายุแค่หกขวบ แค่ฉลาด ไหวพริบดี ช่างสังเกต มีความสามารถ เขาจึงพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่การก้าวกระโดดของเขาที่ข้ามหน้าข้ามตาหลายคนก็ถูกเขม่น เป็นที่จับตามองไม่น้อย อีกทั้งยังโดนอาจารย์สร้างอุปสรรคนานาชนิดให้เขาต้องเผชิญ ตอนอ่านนี่โอสงสารเอนเดอร์มากกก อยากพุ่งเข้าหนังสือไปกอดแล้วลูบหัวแล้วปลอบ โอ๋ๆ นะ คือคนเขียนจะบรรยายลักษณะเอนเดอร์ว่าเขาเก่ง เขาแกร่ง แต่จิตใจเขาก็ยังเป็นเด็กที่บอบบางและต้องการความอบอุ่นเหลือเกิน คนเขียนถ่ายทอดลักษณะความสับสนของเอนเดอร์แต่ละตอนออกมาได้ดีมาก แต่เอนเดอร์ไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ อุปสรรคที่มาเขาจะมีวิธีรับมือที่โอร้องว้าวทุกครั้ง อ่านแล้วรู้สึกว่าเขาเกิดมาเพื่อตรงนี้จริงๆ เขาเป็นคนที่ทำให้ทางตันมีทางออกใหม่ๆ เสมอ หนึ่งในคำตอบของคำถามว่าทำไมถึงให้เด็กมาเป็นทหารคอยต่อสู้เพื่อปกป้องโลกก็คือ เพราะเด็กมีจินตนาการที่ไม่จำกัดและมีความกล้าแบบบ้าบิ่นที่จะทำ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำลายกำแพงความเคยชิน ทำให้เห็นช่องทางใหม่ๆ ที่ไม่เคยมองมาก่อน อีกตอนที่โอชอบจะเป็นตอนที่เอนเดอร์ขึ้นเป็นผู้บัญชาการแล้ว แต่กลับเลือกวิธีปฏิบัติต่อทหาร หรือก็คือลูกน้องในหน่วยแบบที่ตนเคยถูกปฏิบัติแล้วเกลียดวิธีนั้นมาก เอนเดอร์รำพึงกับตัวเองว่าทำไมถึงต้องเลือกวิธีที่ตัวเองเกลียดมาทำต่ออีก หรือนี่เป็นความเคยชินที่ผู้ได้รับการปฏิบัติจะนำไปทำต่อโดยไม่รู้ตัวกัน แต่แล้วเขาก็คิดว่านี่เป็นวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด ถ้าเขาอ่อนให้ลูกน้อง คำสั่งของเขาจะถูกเพิกเฉยละเลย หรือแม้กระทั่งปฏิบัติอย่างล่าช้า ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการรบจริง ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องมีพื้นที่ว่างให้ทหารในหน่วยสามารถแสดงความเห็นและมีอิสระด้วยเหมือนกัน อ่านแล้วรักเอนเดอร์ค่ะ นิยายเรื่องนี้เป็นส่วนผสมของแฟนตาซีไซไฟ วิทยาศาสตร์ การทหาร ปรัชญา จิตวิทยา และประวัติศาสตร์ ก็อาจจะอ่านได้ไม่ง่ายนัก และบางครั้งผู้เขียนจะเสียดสีเรื่องราวผ่านทางแนวคิดและการดำเนินเรื่อง โอไม่ได้เข้าใจทุกตอนในเรื่องเหมือนกันค่ะ อย่างเช่นตอนถกกันเรื่องแนวความคิด ปรัชญา และทัศนคติทางด้านการเมือง หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ต้องการนำเสนอในตอนจบ เพราะฉะนั้นช่วงนั้นก็จะเนือยๆ สำหรับโอเหมือนกัน ไม่ได้ตื่นเต้นทุกตอน และจบไม่ค่อยอิ่มสำหรับโอค่ะ แต่อย่างไรก็อยากให้ลองอ่านนะคะ การแปลยังมีที่งงๆ ยังไม่ค่อยลื่นไหลนัก น่าจะเป็นเพราะแนวของเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจยากในบางตอน โอว่าถ้าเรียบเรียงอีกครั้งจะดีกว่านี้นะคะ และเรื่องนี้ยังมีคำผิดอยู่นะคะ น่าจะสองที่ ไม่ได้สะกดผิด แต่ใช้คำผิด โดยรวมเรื่องสนุกจนมองข้ามข้อบกพร่องไปค่ะ . . . "นายต้องทำตามที่ฉันสั่ง ไอ้เด็กเปรต" "ถูกต้องครับ ผมจะปฏิบัติตามทุกคำสั่งที่คุณมีสิทธิ์สั่ง แต่ช่วงเล่นเกมฟรีเพลย์เป็นช่วงเวลาอิสระ ไม่สามารถมอบหมายงานให้ใครได้ ไม่เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครจะเป็นคนสั่งก็ตาม" เขามองเห็นความโกรธแค้นของโบนโซร้อนแรงขึ้นทุกที การโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเป็นเรื่องแย่ ความโกรธของเอนเดอร์เยียบเย็น เขาสามารถควบคุมมันได้ ส่วนความโกรธของโบนโซร้อนแรง ดังนั้นมันจึงควบคุมเขา "ผมต้องคำนึงถึงเส้นทางอาชีพของตัวเองครับ ผมจะไม่ก้าวก่ายการฝึกซ้อมและการสู้รบของคุณ แต่บางครั้งผมก็ต้องเรียนรู้บ้าง ผมไม่ได้ขอย้ายมาอยู่ในหน่วยของคุณ คุณพยายามจะแลกเปลี่ยนตัวผมให้เร็วที่สุด แต่จะไม่มีใครรับผมไว้ถ้าผมไม่รู้อะไรสักอย่าง ใช่ไหมล่ะครับ ให้ผมเรียนรู้บ้างเถอะ คุณจะได้กำจัดผมไปได้เร็วขึ้นและได้ตัวทหารใหม่ที่คุณใช้ประโยชน์ได้มา" . . . ทันทีที่ทหารแต่ละคนได้เตียงของตัวเอง เอนเดอร์ก็สั่งให้พวกเขาสวมชุดแฟลชสูทแล้วไปฝึกซ้อม "เราได้ตารางฝึกซ้อมช่วงเช้า เข้าฝึกทันทีหลังจากอาหารเช้า ตามกำหนดอย่างเป็นทางการ พวกนายมีเวลาว่างหนึ่งชั่วโมงระหว่างอาหารเช้ากับการฝึก เรามาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันรู้คำตอบว่าพวกนายเก่งแค่ไหน" เมื่อผ่านไปสามนาที ถึงแม้ว่าหลายคนจะยังไม่ได้แต่งตัว เขาก็สั่งให้ทุกคนออกจากห้อง "แต่ผมยังโป๊อยู่เลย!" เด็กผู้ชายผู้หนึ่งกล่าว "คราวหน้าแต่งตัวให้เร็วกว่านี้ มีเวลาสามนาทีนับจากการเรียกครั้งแรกจนถึงตอนวิ่งออกจากประตู นั่นคือกฎของสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้ากฎคือสองนาที ไปได้!" อีกไม่นานเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องขำขันสำหรับคนอื่นๆ ในโรงเรียน หน่วยรบมังกรทึ่มจนต้องฝึกซ้อมใส่เสื้อผ้า . . . เป็นภาพยนตร์แล้วค่ะ ค้นโปสเตอร์หนังมาแปะให้ หลายคนอาจเคยดูแล้ว แต่โอไม่เคยดู ว่าจะหาดูอยู่ค่ะ ชอบ ชอบ ของดีไม่จำเป็นต้องแพง ฮ่าๆ เป็นเรื่องที่มีอะไรซับซ้อนพอตัวทีเดียว และมีหลายแง่มุมที่นำเสนอ อยากให้ลองอ่านกัน บางช่วงสนุกจนไม่อยากให้จบเลย ใครสนใจอยากอ่านแต่หาหนังสือเป็นเล่มไม่ได้ มีเป็นอีบุ๊คให้อ่านด้วยค่ะ โอไปค้นมา เอ๊ มันเป็นซีรีส์หลายเล่มจบนี่นา งี้มีโอกาสนำเล่มต่อมาแปลไหมคะ อยากอ่านจังเลย อยากอ่านมากเลยครับคุณโอ แต่พอว่าจะ ว่าจะ ว่าจะอ่านก็กลายเป็นลืมทุกทีเลย เห็นแปลไทยเล่ม 2 เล่ม 3 หายากมากเลยนะครับ
โดย: PZOBRIAN วันที่: 2 กันยายน 2558 เวลา:23:16:52 น.
คุณ Froggie ดูหนังมาแล้วค่ะ ชอบหนังสือมากกว่ามากกกค่ะ ในหนังตัดไปเยอะทำให้รายละเอียด ความสมจริง และสมเหตุผลหายไปมาก ไม่เห็นพัฒนาการเอนเดอร์แบบชัดๆ และความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ระหว่างลูกน้องก็ไม่เห็นเช่นกัน เอนเดอร์ในหนังสือจะวิเคราะห์เก่ง คิดก่อนทำทุกครั้ง แต่ในหนังเหมือนบอกว่าเก่งเฉยๆ ไม่รู้สึกว่าทำไมถึงเก่ง ทำไมคนถึงชื่นชม ความลุ่มลึก และแง่มุมการเสียดสีก็หายไปเยอะค่ะ
ไปตามอ่านรีวิว แอบเจอสปอยเล่มอื่นเหมือนกันค่ะ รู้สึกคนละแนว ออกปรัชญาไปเลย คุณเอ้ ลองอ่านดูนะคะ โอว่าคุณเอ้น่าจะชอบนะคะ คุณพี โอเพิ่งรู้ว่าเคยมีแปลไทยฉบับก่อนหน้านี้อีกที่ออกมาสี่ถึงห้าเล่ม ตอนนี้ก็ได้แต่คร่ำครวญว่าฉันจะไปหาจากไหนมาอ่านค่ะ โดย: ออโอ วันที่: 3 กันยายน 2558 เวลา:15:21:21 น.
ถ้าจำไม่ผิด น่าจะดูหนังแล้ว และช็อกมากๆ กับตอนจบหละ
แบบอึ้งคาโรงเลย วันนี้โหวตเต็มแล้ว สัปดาห์หน้าพี่มาโหวตให้นะ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 กันยายน 2558 เวลา:9:34:47 น.
พี่สาวไกด์ใจซื่อ ตอนอ่านหนังสือก็อึ้งเหมือนกันค่ะ แต่ตอนดูหนังไม่ตื่นเต้นแล้วเพราะรู้แล้ว ฮ่าๆ หนังสือสนุกมากค่ะ
ขอบคุณที่ชอบและสนใจค่า โดย: ออโอ วันที่: 5 กันยายน 2558 เวลา:12:08:35 น.
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
Friends Blog |
เล่มสองเห็นว่าคนละแนวกับเล่มแรก ออกไปทางปรัชญามากกว่าสู้รบ คนเขียนบอกว่าไม่ให้ทำหนังด้วย เพราะรุนแรงเกินไป (เค้าว่านะ) เรายังไม่ได้อ่านเล่มสองเหมือนกันค่ะ คาดว่าท่าจะเครียด