4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
อีวาน มิลัต : นักฆ่าแบ็คแพ็คเกอร์ (ตอนที่ 1)



สองสาวชาวอังกฤษโบกรถท่องเที่ยวทั่วออสเตรเลียแดนจิงโจ้อย่างสำราญใจ แต่จู่ ๆ ทั้ง 2 ก็ อันตรธานอย่างไร้ร่องรอย จากจุดเริ่มต้นเช่นเดียวกับคดีตามหาคนหายธรรมดานำไปสู่เบาะแสอันน่าสะพรึงกลัว เจ้าหน้าที่สืบสวนของออสเตรเลียต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อล่าตัววายร้ายผู้เหี้ยมโหด นี่คือเบื้องลึกของการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย


► โจแอน วอลเทอร์ และแคโรไลน์ คลาร์ก 
กิล วอลเทอร์รู้สึกกังวลเพราะล่วงเข้าไปหลายสัปดาห์แล้วที่เธอและเรย์สามียังไม่ได้ข่าวคราวจากลูกสาว โจแอน วอลเทอร์สาวผมดำวัย 22 ปี เธอออกจากบ้านในประเทศอังกฤษเพื่อเดินทางรอบโลกได้เกือบปีแล้ว โจแอนมีประสบการณ์ในการเลี้ยงเด็กจึงหางานทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในออสเตรเลียได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับเด็ก ๆ พนักงานเสิร์ฟ คนเก็บผลไม้ หรือทำงานในเรือท่องเที่ยว ดังนั้นการท่องเที่ยวของเธอไม่ขัดสนเรื่องการเงินเด็ดขาด

โจแอนเป็นคนขยันเขียนจดหมายและยังโทรศัพท์กลับบ้านแทบทุกสัปดาห์ทว่าตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 1992 ไม่มีข่าวคราวจากเธอเลย ที่สุดในราวปลายเดือนพฤษภาคม เรย์จึงตัดสินใจสอบถามไปยังธนาคารที่โจแอนใช้บริการและพบว่าบัญชีเงินฝากของโจแอนไม่มีการเคลื่อนไหวเลยตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน ช่วงหลังเลิกงาน เรย์โทรไปออสเตรเลียเพื่อติดต่อคนที่โจแอนเคยทำงานด้วยและสอบถามไปตามที่พักราคาประหยัดสำหรับนักท่องเที่ยวประเภทสะพายเป้หรือโฮสเทล รวมทั้งสถานีตำรวจ เขากับกิลคิดจนหัวแทบระเบิดว่าจะสอบถามใครได้อีก ตอนที่คุยกันครั้งสุดท้าย โจแอนเล่าว่าจะออกจากซิดนีย์ไปเก็บแตงทางตะวันตกของออสเตรเลีย เธอบอกว่าจะไปกับเพื่อนสาวชาวอังกฤษชื่อแคโรไลน์ เรย์ได้ติดต่อไปที่ไร่ในรัฐวิคตอเรีย เขารู้ว่าสองสาวเคยทำงานที่นั่นจึงทราบว่าชื่อเต็มของเพื่อนลูกสาวคือ แคโรไลน์ คลาร์ก และได้เบอร์โทรของเธอในอังกฤษ แคโรไลน์เป็นลูกสาวเจ้าหน้าที่อาวุโสธนาคารแห่งชาติของอังกฤษ


เรย์มือเย็นเฉียบ เมื่อเอียนพ่อของแคโรไลน์เล่าเรื่องราวฝ่ายเขาซึ่งตรงกับโจแอนไม่ผิดเพี้ยน แคโรไลน์สาวผมสีอ่อนวัย 21 ปี ออกจากบ้านเพื่อเดินทางท่องโลกเมื่อเดือนกันยายน 1991 เอียนและแจ็กเกอลีนภรรยารู้สึกประหลาดใจที่แคโรไลน์ไม่ได้ติดต่อกลับบ้านเมื่อวันที่ 8พฤษภาคม ทั้ง ๆ ที่เป็นวันเกิดของเอ็มมาน้องสาว จนวันที่ 24 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันเกิดของเอียน แคโรไลน์ก็ยังไม่ส่งข่าว สองสามีภรรยาจึงเริ่มวิตก "แคโรไลน์ไม่ใช่คนขยันเขียนจดหมายก็จริง แต่ลูกไม่พลาดวันเกิดหรอก" เอียนตัดสินใจติดต่อตำรวจอังกฤษ ที่ซิดนีย์การสะกดหาร่องรอยการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของสองสาว ซึ่งออกจากที่พักย่านคิงส์ครอสในนครซิดนีย์เมื่อวันที่ 8 เมษายนเพื่อขึ้นรถไฟไปลิเวอร์พูลชานเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ จากตรงนั้นเดินไปนิดเดียวก็ถึงทางหลวงฮูมซึ่งนิยมใช้เป็นเส้นทางโบกรถลงใต้ เรย์ วอลเทอร์กับเอียน คลาร์กติดต่อกันตลอดหลังจากนั้น พวกเขาช่วยกันทำโปสเตอร์รูปโจแอนกับแคโรไลน์ส่งไปยังโฮสเทลทั่วออสเตรเลีย ส่วนกิลผู้เป็นแม่ได้แต่หวังว่าโจแอนอาจอยู่ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งการสื่อสารทำได้ยาก เช่น ในฟาร์มเลี้ยงแกะหลังเขาหรือนิคมชนพื้นเมืองดั้งเดิม ออสเตรเลียไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน คนจะหายไปเฉย ๆ ได้อย่างไร

► พบศพ
เวลาผ่านไปแล้วเดือนแล้วเดือนเล่า เรย์ตระหนักว่าเขากับภรรยาคงไม่มีวันเป็นสุขหากไม่สืบหาร่องรอยถึงออสเตรเลียด้วยตัวเอง เรย์ถึงขั้นขอลางานที่โรงงานกระดาษในวันที่ 24 สิงหาคม 1992 สองสามีภรรยาเดินทางไปซิดนีย์ ทั้งสองเดินทางไปทั่วประเทศแวะทุกแห่งที่คิดว่าอาจสืบสาวไปถึงการเดินทางของลูกสาว แต่ก็คว้าน้ำเหลว จนกระทั้ง.. วันเสาร์ที่19 กันยายน คีท ไซลีย์ และคีท คอล์ดเวล วิ่งผ่านดงต้นยูคาลิปตัสสู่เป้าหมายถัดไปซึ่งเป็นโขดหินทรายสีเทาก้อนใหญ่ จู่ ๆ ทั้งสองก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนซากสัตว์ แม้จะรู้ว่าอุทยานแห่งนี้มีสัตว์ป่ามากมาย แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้ทั้งสองเกาะโขดหินด้านที่ชะโงกลงผาแล้วก้มดู ตอนแรกก็เห็นแต่กิ่งไม้ แต่เมื่อเพ่งดูดี ๆ คอล์ดเวลจึงเห็นปอยผม สิ่งที่รูปร่างคล้ายข้อศอกและเศษเสื้อยืดสีเข้ม เขากวาดตาไปตามแนวพูนดินเตี้ย ๆ ยาวเกือบ 2 เมตร แล้วเห็นรองเท้าบู๊ตข้างหนึ่งที่ปลายพูนดินนั้น มันเป็นซากศพมนุษย์ ไซลีย์ใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองบาวรัลที่อยู่ใกล้ ๆ "ผมขอแจ้งความครับ พบศพที่อุทยานเบลันโกล" และนั่นคือบทเริ่มต้นของคดีสืบหาฆาตกรครั้งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย

► ลงมือสืบสวน
กว่าแอนดรูว์ กรอส เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบบริเวณเกิดเหตุจะไปถึงอุทยามเบลันใกล้ก็มืดแล้ว ไฟฉุกเฉินสาดลำแสงสีเงินไปบนพื้นป่า ขณะตำรวจวัย 26 ตรวจหาร่องรอยในบริเวณที่กั้นไว้เป็นเขตห้ามเข้า กรอสถ่ายรูปบันทึกหลักฐานอย่างละเอียดขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ พลิกเขี่ยกิ่งไม้ใบหญ้า จนเผยให้เห็นศพในสภาพนอนคว่ำ ใส่กางเกงยีน รองเท้าบู๊ตเดินป่า และเสื้อยืดสีกรมท่า เสื้อถูกดึงรั้งขึ้นไปถึงบริเวณไหล่เช้าวันรุ่งขึ้น ตำรวจพบอีกศพใกล้ซุงล้มห่างไปแค่ 30 เมตร มีผ้าสีแดงเกรอะกรังด้วยเลือดปิดศีรษะไว้ ไม่พบข้าวของ เป้หรือทรัพย์สมบัติอื่นใด ดังนั้นจึงต้องตรวจเสื้อผ้า เครื่องประดับ ตำรวจทำการเอ็กซเรย์ฟันเพื่อระบุว่าเป็นศพใคร



วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน เรย์ วอลเทอร์ โทรไปสอบถามข่าวคราวตามปกติกับเจ้าหน้าที่เนวิล สกัลเลียน "เรย์ ตอนนี้คุณอยู่ไหน" สกัลเลียนถามกลับ "ผมกับภรรยาอยู่ที่โรงอุปรากรซิดนีย์" ภายในเวลาไม่กี่นาที สกัลเลียนบึ่งรถฝ่าฝูงชนไปที่บริเวณท่าเรือริมอ่าวอันงดงาม เม
ื่อใกล้ถึงตัวเรย์กับกิล จึงเห็นหน้าตาทั้งสองเหมือนรอฟังข่าวร้ายอยู่แล้ว "ไม่ใช่ข่าวที่คุณอยากฟังหรอกครับ" เขาเกริ่น "เราพบศพโจแอนเธอถูกฆาตกรรม" กิลกรีดร้องขึ้นและสลบไปข้างตัวสามี ความปวดร้าวและความหวังที่ฝังอยู่ในใจมากกว่า 5 เดือน ทลายออกมา 

ห่างไปนับหมื่นกิโลเมตรเอียนและแจ็กเกอลีน คลาร์ก ได้รับโทรศัพท์ในขณะกลับจากงานแต่งงาน ตำรวจโทรมาแจ้งข่าว "เจ้าหน้าที่พบศพสองศพในป่า คาดว่าจะเป็นลูกสาวคุณกับเพื่อนครับ" สิ่งที่ตำรวจและพ่อแม่เด็กสาวทั้งสองยังไม่รู้ในตอนนั้นคือเหตุการณ์อันสุดสยองที่เกิดขึ้นกับทั้งสอง ซึ่งวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวชศาสตร์แห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ในนครซิดนีย์จะชันสูตรศพเพื่อค้นหาหลักฐาน และสันนิษฐานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายแพทย์ปีเตอร์ แบรดเฮิสต์ ผู้เชี่ยวชาญวัย 57 ปี ซึ่งเคยชันสูตรศพคดีฆาตกรรมมากกว่า 200 ศพ ชันสูตรซากศพที่เน่าแล้วของโจแอน วอลเทอร์อยู่นานเจ็ดชั่วโมง ศพเธอถูกแทง 14 แผลที่หน้าอก แผลหนึ่งเห็นเป็นสีดำบนผิวเนื้อสีเหลืองที่บางส่วนแห้งและไม่เน่า ซึ่งบ่งชี้ว่าเธอถูกทำร้ายอย่างรุนแรงจนตัดเข้าไปถึงไขสันหลัง ทำให้ร่างกายอัมพาตทันที

โจแอนถูกอุดปากและมีปมรัดคอไว้หลวม ๆ เจ้าหน้าที่นิติเวชตรวจร่องรอยบริเวณมือเพื่อหาบาดแผลที่เกิดจากการปัดป้องที่อาจจะฟ้องว่าเธอมีโอกาสต่อสู้ป้องกันตัวหรือไม่ แต่ไม่พบ ผ่านไปห้าเดือนก็ยังสรุปไม่ได้ว่าสาเหตุการตายเกิดจากถูกแทง รัดคอ หรือหายใจไม่ออกเพราะเศษผ้าที่อุดปากไว้ ส่วนแคโรไลน์ คลาร์กพบแผลถูกแทงเพียงแห่งเดียวที่หน้าอกขวา คนร้ายแทงให้เธอหมดฤทธิ์เท่านั้นหรือ? หมอแบรดเฮิสต์คิด แค่พอเอาผ้าเปื้อนเลือดเกรอะออกจากศีรษะถึงได้พบแผลถูกยิงสิบนัดบนกระโหลก แต่ละนัดมีผลทำให้เธอเสียชีวิตทันที ดูแล้วเหมือนคนร้ายจะตั้งใจใช้ศีรษะของเธอเป็นเป้าซ้อมยิง และไม่พบแผลปัดป้องใด ๆ ที่มือของแคโรไลน์แสดงว่าเธอถูกมัดก่อนถูกยิง 

บ๊อบ ก็อดเดน สารวัตรสืบสวนวัย 48 จากกองปราบปรามเขตเซาท์เวสต์ยึดอาชีพตำรวจมามากกว่า 27 ปี ทำคดีฆาตกรมามากกว่า 15 คดี แต่เมื่ออ่านรายงานชันสูตร พ่อลูกสี่ผู้นี้รู้ทันทีว่านี่คือคดีโหดเหี้ยม นอกจากจะมีการใช้อาวุธต่างๆ ทั้งปืนและมีด ผู้ตายเองก็อยู่ในสภ
าพช่วยตัวเองไม่ได้ ทั้งยังไม่ร่องรอยของการทำร้ายทางเพศ หน้าอกของแคโรไลน์เปิดหรา กระดุมกางเกงเม็ดบนสุดไม่ได้ติด ศพโจแอนอยู่ในสภาพเดียวกัน ต่างกันว่ากางเกงในของเธอหายไป ที่อุทยานเบลันโกล ตำรวจระดมกำลังหาหลักฐานในที่เกิดเหตุโดยใช้เจ้าหน้าที่ 40 นายตรวจค้นเส้นทางแนวกันไฟป่าระยะกว่าสามกิโลเมตร ตลอด 5 วันเต็ม ๆ แต่ไม่พบร่องรอยทรัพย์สินของเหยื่อหรืออาวุธที่ใช้ในการฆาตกรรมเลย หลักฐานเดียวที่พบคือกระสุนสามนัดที่ขุดจากดินใต้ศพของแครไลน์ คลาร์ก และใกล้ ๆ กันนั้นยังมีปลอกกระสุนเปล่าอีกสิบปลอกทั้งหมดเป็นของปืนยาวรูเกอร์กึ่งอัตโนมัติขนาด .22 จากการที่พบศพในบริเวณป่าลึก ก็อดเดนสันนิษฐานว่าฆาตกรน่าจะเป็นคนในพื้นที่ "เขาน่าจะมีรถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อไว้ใช้ด้วย" ก็อดเดนหารือกับผู้ช่วยคือจ่านักสืบ สตีฟ แม็กเลนแนน "แนวกันไฟป่านั่นชัน และสภาพแย่เกินกว่ารถธรรมดาจะแล่นได้" และที่ติดใจสงสัยว่าทำไมไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นสมบัติของเหยื่อเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ก็อดเดนและนักสืบในทีมอีก 14 นายเริ่มค้นข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์หารายชื่อเจ้าของรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ดูว่ามีใครบ้างที่เคยต้องโทษหรือก่อคดีประทุษร้ายที่รุนแรง หรือคดีทางเพศ นอกจากนี้ยังไปคุยกับคนในท้องที่ซึ่งมีปืนในครอบครอง และสอบถามข้อมูลจากนักท่องเที่ยวที่มาพักแรมในป่าช่วงนั้น สื่อมวลชนเสนอข่าวคดีนี้กันเกรียวกราว ทำให้มีคนโทรแจ้งเบาะแสเข้ามามากมาย ผู้หญิงสองคนแจ้งว่าเธอรับสาวนักโบกสองคนจากทางใต้ของซิดนีย์สามวัน หลังวันที่ระบุว่าโจแอนและแคโรไลน์ออกจากคิงส์ครอส เธอเล่าว่าสาวทั้งสองบอกว่ามาจากอังกฤษ หลังขับรถลงใต้ได้ราว 25 นาที ทั้งสองลงจากรถที่ปั๊มน้ำมันใกล้ชายฝั่งตรงบูลลีพาส เด็กปั๊มเห็นสาวอังกฤษสองคนขึ้นรถกระบะไปในวันเดียวกัน มีอีกรายเห็นสองสาวที่โรงแรมบลูโบร์ในเมืองบาวรัล สองสาวชาวอังกฤษเดินทางไปถึงประมาณสี่ทุ่ม ทั้งสองร้องเพลงพื้นเมืองอังกฤษ และร้องคาราโอเกะสนุกสนานถูกใจลูกค้าทั้งร้าน ตำรวจเพ่งความสนใจไปที่รถซึ่งใช้เส้นทางประจำระหว่างบุลลีพาสและบาวรัล

จากนั้นตำรวจนายหนึ่งแจ้งว่าเห็นสาวสองคนลงจากรถตู้โฟล์กสวาเกนสีขาวในวันที่ 26 เมษายน ใกล้จุดปิกนิกไม่ไกลจากป่า คนขับเป็นชายร่างสูงประมาณ 175 ซม. กำยำเหมือนนักกีฬาและผมเกรียน ก็อดเดน ประกาศขอร้องให้ตำรวจนายนั้นมาพบ ส่วนทีมของเขาก็เริ่มค้นหารายละเอียดเจ้าของรถสีขาวทุกคันของออสเตรเลีย ท่ามกลางการสืบหาตัวฆาตกรทั้งวันทั้งคืน เหยื่อรายใหม่ก็ปรากฏ โดยฝีมือของคน ๆ เดียวกัน!



► เจมส์ กิบสัน และเดบอราห์ เอเวอริสต์ 
ไพรเออร์เป็นนักเก็บฟืนในป่าเบลันโกล เขามักขับรถกระบะเข้าไปในป่าลึก เพื่อเก็บฟืนหรือหาของป่า ไพรเออร์เองมีลูกสาวสองคนจึงรู้ดีเกี่ยวกับการฆาตกรรมในละแวกนั้น และรู้ดีว่าว่าครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายไม่มีวันนอนตาหลับจนกว่าฆาตกรจะถูกจับเข้าคุก วันอังคารที่ 5 ตุลาคม 1983 ไพรเออร์ขับรถเข้าไปร่อนทองแถบเหมืองทองเก่าที่เนวารา ทันใดก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่า แนวกันไฟป่ามอริสเป็นเส้นทางเดียวที่ยังไม่ได้ไป เขากลับรถมุ่งหน้าไปเบลันโกล อีกชั่วโมงต่อมา ไพรเออร์ค่อย ๆ ขับรถไปตามทางที่มีหินขวางระเกะระกะ เมื่อข้างทางคลายความรกทึบ เขาหยุดรถและเดินเข้าในทุ่งชายป่ายูคาลิปตัส แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นกระดูกก้อนใหญ่อยู่บนพื้นกลางป่าแล้วหยิบขึ้นมาพิจารณา ไพรเออร์พอมีความรู้เรื่องสรีระจากภรรยาซึ่งเป็นนักรังสีวิทยาอยู่บ้าง เขาบิดท่อนกระดูกไปมา มันเป็นกระดูกโคนขา ด้านบนของกระดูกไม่ใหญ่พอที่จะเชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อของจิงโจ้ จะต้องเป็นกระดูกมนุษย์แน่ เขาเทียบขนาดกับกระดูกต้นขาตัวเอง เป็นกระดูกที่เตี้ยกว่าเขา หรือว่าจะเป็นของผู้หญิง...

เขาแบ่งพื้นที่แถวนั้นเป็นส่วน ๆ แล้วสำรวจอย่างเป็นระบบ จากนั้นก็พบกระดูกส่วนขาอีกท่อน ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็พบกะโหลกมนุษย์วางหงายอยู่ ภายในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา อุทยานเบลันโกลก็คลาคล่ำไปด้วยเหล่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการค้นหาทุกตารางนิ้ว ผลการค้นหาพบหัวกระโหลก ในระยะเพียง 30 เมตรจากที่เกิดเหตุ และรองเท้าผ้าใบในพงหญ้า กางเกงยีนและเสื้อยืดสีเขียว ภายในมีโครงกระดูกอยู่ในท่านอนคุดคู้ สองศพอยู่ตรงนั้นนานหลายปีแล้ว ศพที่พบใหม่กลางป่านี้อยู่ห่างจากที่พบศพโจแอนและแคโรไลน์ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร แถมมีลักษณะของการฆาตกรรมที่วางแผนโหดเหี้ยมแบบเดียวกัน ตำรวจพบถุงน่องใกล้ศพหนึ่ง แต่ละข้างผูกเป็นเงื่อนบ่วงสายธนูซึ่งอาจใช้ผูกข้อมือ และข้อเท้าของเหยื่อ คราวนี้หมอปีเตอร์ แบรดเฮิสต์มีแค่ซากโครงกระดูกให้ชันสูตร ซึ่งเนื้อเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว แต่จากการตรวจเศษและรอยร้าวในกระดูกอย่างละเอียด เขาสันนิษฐานว่าศพที่พบนอนขดนั้นถูกแทงที่หน้าอกเจ็ดครั้งด้วยใบมีดหนาไม่เกินสี่เซนติเมตร เป็นมีดขนาดเดียวกับที่ใช้ฆ่า โจแอน วอลเทอร์ อีกหลักฐานหนึ่งที่เชื่อมฆาตกรรมสองคดีเข้าด้วยกันคือ กระดุมเม็ดบนของเสื้อที่ผู้ตายสวมอยู่ติดกระดุมแต่ซิปเปิดอยู่ ส่วนอีกศพพบร่องรองการทำร้ายหลายแห่งรอยตรงซี่โครงล่างด้านซ้ายแสดงว่าผู้ตายถูกแทงทะลุปอด หัวกะโหลกมีร่องรอยแผลมีดบาดตื้น ๆ สี่แห่งตรงหน้าผาก กระโหลกศีรษะร้าวด้านขวาและขากรรไกรล่างหัก

จากเสื้อผ้าเครื่องประดับและหลักฐานทางทันตกรรม ระบุได้ว่าเป็นศพของเจมส์ กิบสัน และเดบิราห์ เอเวอริสต์ วัย 19 ปี นักท่องเที่ยวประเภทแบกเป้มาจากเมลเบิร์น มีผู้พบสองคนครั้งสุดท้ายเมื่อ 30 ธันวาคม 1979 เดเบอราห์เป็นสาวสวยตาสีฟ้า เป็นนักศึกษาเรียนศิสปะที่มหาวิทยาลัยโมนาชในเมลเบิร์น ส่วนเจมส์เป็นหนุ่มร่างอิมสูงราว 180 ซม.อรู่ระหว่างปิดภาคเรียน ทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันราว 2-3 เดือนและยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่ หลังไปหาเพื่อนที่ซิดนีย์แล้ว สองคนตั้งใจจะโบกรถไปงานประชุมสิ่งแวดล้อมที่อัลเบอรีติดชายแดนรัฐนิวเซาวท์เวลส์โดยจะอยู่ไม่เกินสัปดาห์ เดบอราห์โทรกลับบ้านทันทีที่ถึงซิดนีย์ "แค่โทรมาสวัสดีและบอกให้รู้ว่าเรามาถึงโดยสวัสดิภาพค่ะ แล้วหนูจะโทรบอกแม่อีกทีว่าจะไปไหนบ้าง ถ้าไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้นะคะ" แต่เธอไม่เคยโทรกลับมาอีกเลย เมื่อเธอไม่โทรกลับมา แพทริเซีย เอเอริสต์ โทรถึงเพ็กกี กิบสัน แม่ของเจมส์เผื่อจะได้ข่าวคราวบ้าง ในวันที่ 15 ม.ค. แม่ทั้งสองเข้าแจ้งความว่าลูก ๆ หายตัวไป เกือบสี่ปี ครอบครัวของเธอก็ไดข่าวร้ายว่าเดบอราห์กับเจมส์ไม่มีวันกลับบ้านอีกแล้ว

ภายในเวลาไม่กี่ชม.หลังจากที่ไพรเออร์พบศพ หน่วยล่าฆาตกรของทางการตำรวจเร่งเครื่องเต็มที่ และหากจะหาตัวฆาตกรลูกโซ่อำมหิตรายนี้ให้จงได้ บิลกาลวิล ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจนิเซาท์เวลล์โทรถึงไคลฟ์ สมอล หัวหน้าตำรวจลิเวอร์พูลซึ่งอยู่ทางชานเมืองซิดนีย์ คำสั่งสั้น ๆ ของเขาคือ "พบอีกศพในเบลันโกล คุณช่วยไปดูหน่อยได้ไหม" ตอนนี้สมอลได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมสืบสวนคดีนี้โดยตั้งเป็นหน่วยเฉพาะกิจอย่างเป็นทางการ 

#อ่านต่อตอนที่ 2 ตอนจบ



Cr. CAMMY /// Writer-Dek.D.com
ที่มาข่าว : //www.manager.co.th














Create Date : 18 กรกฎาคม 2558
Last Update : 5 สิงหาคม 2560 16:25:19 น. 0 comments
Counter : 3943 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.