4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
120 ปี ปิดคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เผยโฉมฆาตกรตัวจริง

ความจริงแล้วถ้าสมมติคดีแจ๊คมาเกิดแบบนี้ในยุคปัจจุบันละก็ จิ๊บจ๊อย (สก็อตแลนด์ยาร์ดเป็นคนบอก) เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีการสอบสวนออกมาใหม่เยอะแยะ ซึ่งแบบว่าถ้าเทคโนโลยีนี้ไปอยู่ในช่วงปีแจ๊คอยู่ละก็คงสามารถจับแจ๊คไปแขวนคอได้นานแล้ว นั้นทำให้ฆาตกรต่อเนื่องยุคปัจจุบันพัฒนาในการฆ่าคนซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก น่าแปลกทั้ง ๆ ที่โลกนี้มีฆาตกรปริศนาที่ฆ่าคนโหดกว่าแจ๊คมากมายหลายรายนัก แต่ทำไมแจ๊คถึงดัง และคนอื่นถึงรู้จักแต่แจ๊ค ทั้ง ๆ ที่แจ๊คไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของโลก และไม่ใช่ฆาตกรปริศนาคนแรกของโลกอีก นั่นเป็นเพราะสื่อ

ช่วงที่แจ๊คอาละวาดเริ่มจาก 31 สิงหาคม 1888 ช่วงนั้นสก็อตแลนด์ยาร์ดถือว่าเป็นองค์กรที่เจริญรุ่งเรื่องและขี้โม้สุด ๆ ในตอนนั้น จากคดีหมอคริปเปนฆ่าหั่นศพเมีย องค์กรนี้มีชื่อเสียงทันที พวกเขามักออกมาโม้ว่า พวกเขามีทีมงานที่มีคุณภาพ มีเทคโนโลยี เวลาสืบสวนแต่ละทีต้องละเอียดยิบ ต่อให้ฆาตกรจะฆ่าใครโดยไม่ทิ้งหลักฐาน พวกเขาก็จะลากฆาตกรมาลงโทษให้จงได้ และพอเกิดคดีแจ๊คขึ้นมา สื่อที่หมั่นไส้องค์กรตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ดอยู่แล้วก็เริ่มยิ้มถึงความล้มเหลวขององค์กรนี้ และก็เริ่มเดือด เมื่อตำรวจอังกฤษไร้น้ำยาปล่อยฆาตกรฆ่าคนไปหลายราย สื่อเริ่มประโคมข่าว และเริ่มกระจายข่าวไปทั่วโลก และชื่อของแจ๊คเริ่มโด่งดังต่อมาเมื่อมีจดหมายส่งมาถึงผู้สื่อข่าว อีกทั้งคดีนี้มีการสืบสวนพลาดค่อนข้างเยอะ และไม่รู้เพราะอะไรตำรวจจึงไม่ใช้พยานวัตถุที่สำคัญคือรอยนิ้วมือมาประกอบการสอบสวนเลยสักครั้ง จนคดีจบลง ปริศนาก็เป็นปริศนาตลอดกาล

กระทั่งปัจจุบัน ก็ยังมีคำถามที่ว่าแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์นั้นแท้จริงเป็นใคร แน่นอนวันนี้เรามีคำตอบแล้ว แม้คดีของแจ๊คจะจบลงมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1892 นานแล้ว แต่ใช่ว่าหลาย ๆ คนจะหยุดการสอบสวนไป เพราะยังมีผู้สนใจซึ่งเรียกตนเองว่า “นักริปเปอร์วิทยา” และผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรม รวมไปถึงสก็อตแลนด์ยาร์ดที่ล้มเหลวยังคงสืบสวนคดีไม่รู้จักหยุดหย่อน จนกระทั่งเวลาผ่านไป 120 ปี ปลายปี ค.ศ. 2006 สก็อตแลนด์ยาร์ดก็เปิดเผยโฉมหน้าของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ในที่สุด




ภาพสเก็ตซ์นี้สก็อตแลนด์ยาร์ดไม่ได้โม้เอาเอง เพราะกว่าจะได้ภาพนี้มา เขาต้องประมวลจากหลักฐานเก่า มาอิงกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นอายุรเวช นักประวัติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาชญากรรม ตำรวจ ฯลฯ และใช้เทคโนโลยีสมัยใ
หม่ที่เรียกว่า อี-ฟิต หรือชื่อเต็มคือ เทคนิคการพิสูจน์ใบหน้าแยกแยะด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (The Electronic Facial Identification Technigue) ซึ่งจะสเก็ตซ์ภาพออกมาจากการประมวลคำให้การของพยาน ซึ่งสก็อตแลนด์ยาร์ดใช้ข้อมูลจากพยาน 13 ราย ที่เคยและคาดว่าจะเห็นฆาตกรรายนี้เมื่อ ค.ศ. 1888 )การเปิดเผยหน้าแจ๊คครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดข่าวด้านวิทยาศาสตร์ประจำปี ค.ศ. 2006) จนได้รูปฆาตกรคนนี้ขึ้นมา ด้วยรูปลักษณ์เป็นชายอายุ 25-35 ปี สูง 5 ฟุต 5 นิ้ว ถึง 5 ฟุต 7 นิ้ว ผมสีดำหวีรวบไปด้านหลัง คิ้วหนา ไว้หนวด โหนกแก้มสูง เบ้าตาลึก คางเหลี่ยม ถามว่าข้อมูลนี้เชื่อถือได้แค่ไหน แม้จะมีคนให้ปากคำมากมายว่าเห็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ แต่ส่วนใหญ่มีแต่คนบอกว่า “น่าจะเห็น”, “เคยเห็น”,”หรือแค่ผ่าน ๆ” แต่ไม่เคยมีใครสักคนเห็นจะ ๆ จัง ๆ ซึ่งนอกจากเหยื่อละมั้งที่เห็นเขาแบบเต็ม ๆ แต่ก็มีพยานคนหนึ่งที่เห็นแจ๊คแบบจัง ๆ อยู่ แต่ไม่ได้ถูกฆ่าตาย น่าจะเป็นวิลเลียม สมิธ ตำรวจสายตรวจเมื่อ 120 ปีก่อน ในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1888 สมิธเห็นชายหญิงคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย และอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมาผู้หญิงคนที่พบก็กลายเป็นศพที่ 3 ของแจ๊ค โดยชายที่สิธเห็นนั้น สูงราวๆ 5 ฟุต 7 นิ้ว ไว้หนวดเรียวเล็ก ผิวคล้ำ ซึ่งสอดคล้องกับคอมพิวเตอร์ประมวลผลในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับตัวแจ๊ค ก็มีคนออกมาเสนอความเห็นอีกเช่นกัน โดยนายคิม รอสโม ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิประเทศบอกว่าเขาใช้เทคนิคอย่างหนึ่ง นำสถานที่เกิดเหตุแต่ละครั้งบวกกับรายงานที่มีพยานพบเห็นมาประเมินว่า ฆาตกรน่าจะอยู่ที่ไหน ผลออกมาคือ ฆาตกรรายนี้น่าจะพักอาศัยในอาณาเขตไม่เกิน 1 ตารางไมล์จากสถานที่เกิดเหตุ และมีการวิเคราะห์พันธงอีกว่า ฆาตกรนี้อยู่บนถนนฟลาวเวอร์ หรือถนนดีน ซึ่งห่างจุดเกิดเหตุแต่ละครั้งราว ๆ ไม่เกิน 100 หลา และสองถนนนี้เอง ตำรวจเมื่อ 120 ปีก่อนก็เคยเคาะประตูบ้านสอบถามเรื่องราวและตามล่าผู้ต้องสงสัยมาแล้ว แต่ต้องกลับบ้านมือเปล่าไปเพราะไม่ได้อะไรสักอย่าง และเมื่อได้รูปหน้าฆาตกรบวกกับที่อยู่แล้วผลคือเราได้ชื่อตัวฆาตกรในที่สุด เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม มีการเปิดเผยหลักฐานชิ้นสำคัญที่ถูกปกปิดหลายปี นั้นคือบันทึกส่วนตัวของโดนัลด์ ซุทเธอร์แลนด์ สอวนสัน สารวัตรใหญ่ประจำหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรม สก็อตแลนด์ยาร์ดผู้รับผิดชอบคดีนี้นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ ทายาทของสวอนสันตัดสินใจมอบบันทึกนี้ให้พิพิธภัณฑ์อาชญากรรมของสก็อตแลนด์ยาร์ดโดยบันทึกนี้เขียนด้วยมือของสวอนสันเองหลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ยังกังวลและคาใจที่คดีนี้ปิดไม่ลง เลยเขียนบันทึกนี้ไว้เพื่อเพื่อให้คนรุ่นหลังได้อ่านเพื่อหาความจริงต่อไป

ซึ่งในนั้นเขาบอกชื่อฆาตกรที่เขาคิดว่าเป็น “แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์” อีกด้วย บันทึกนี้ระบุว่าฆาตกรคนนั้นชื่อ "อารอน โคสมินสกี้" เป็นช่างตัดผมชาวยิวที่อาศัยในเขตไวท์แซฟเพลย่านที่เกิดเหตุนั้นเอง สำหรับนายอารอน โคสมินสกี้ นี้มีการชี้ตัวอย่างลับ ๆ ของพยานคนหนึ
่งที่อ้างว่าเห็นตัวฆาตกร แต่พยานคนนี้ไม่ยอมร่วมมือกับทางราชการเท่าไหร่เพราะไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนทรยศเพื่อนร่วมชาติ (พยานเป็นคนยิวเหมือนกัน) อย่างไรก็ตาม ในการร่วมมือแบบไม่เปิดเผยนั้น ตำรวจพาพยานไปชี้ตัว โดยนายโคสมินสกี้ไปรวมกับคนอื่น ๆ ซึ่งพยานสามารถชี้ตัวได้ถูกต้อง หลักจากนั้นตำรวจก็จับตามองโคสมินสกี้ตลอด แต่ตอนนั้นนายนั่นดันเกิดอาการโรคจิตกำเริบ จนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลรักษาอาการ

งานนี้หลานของสวอนสัน คือเนวิลล์ สวอนสัน บอกว่าคุณปู่มั่นใจเลยว่านายโคสมินสกี้เป็นฆาตกรแน่นอน แต่มีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถจับกุมเขาได้ (อิทธิพล?) ความเห็นของสวอนสันนั้นก็สอดคล้องกับเจ้านายเขาเหมือนกัน คือเซอร์โรเบิร์ต แอนเดอร์สัน เขาก็เขียนบันทึกเหมือนกันว่า สงสัยนายโคสมินสกี้เหมือนกัน อันที่จริงชื่อของโคสมินสกี้ไม่ใช่เพิ่งจะโผล่ออกมา แต่เป็นชื่อต้น ๆ ที่เคยถูกอ้างมาก่อนโดยเจ้าหน้าที่เซอร์เมลวิลล์ แม็กนักห์ แต่เขาเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับสองเพราะเขาสนใจนายมองตากู จอห์น ดรูอิทท์ ว่าน่าจะเป็นแจ๊คมากกว่า แต่โคสมินสกี้จะเป็นแจ๊ค หรือไม่นั้นไม่มีใครตอบได้ เพราะตอนนี้เจ้าตัวลาโลกไปนานแล้วจะเชิญมาสอบปากคำคงต้องขึ้นคนทรงเจ้าแหละ แถมแม้มีการเปิดเผยเรื่องมากขึ้น แต่ปริศนาก็คือปริศนา เพราะมีคนบางคนนำเสนอว่าบางที่แจ๊คนั้นไม่ได้มีคนเดียว แต่มันมีสองคนขึ้นไปดำเนินการต่างหาก นายเทรเวอร์ แมริออต อดีตนายตำรวจอังกฤษทุ่มเทเวลากว่า 10 ปี ในการศึกษาสำนวนคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ และประกาศว่า “ไม่มีทางเลยที่ฆาตกรผู้นี้จะทำงานได้โดยลำพังเพียงคนเดียว” เขาว่าจำนวนเหยื่อของแจ๊คนั้นไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่รายกันแน่ บางคนบอกว่ามีกว่า 10 ราย แต่เท่าที่นักริปเปอร์วิทยาทั้งหลายลงความเห็นว่าแท้จริงมีเหยื่อแค่ 5 รายเท่านั้นโดยนับจากรายแรกตั้งแต่สิ้นเดือนสิงหาคม ค.ศ.1888 แต่สิ่งที่แมริออตสะดุดใจมากคือ เหยื่อรายที่ 3 และ 4 เพราะเกิดเหตุในคืนเดียวแต่สถานที่กัน ซึ่งมีระยะห่างกันเพียง 12 นาที ทำให้มีการคาดว่าน่าจะมีการแยกกันลงมือเพราะในเวลาที่น้อยขนาดนี้ ไม่น่าจะมีใครว่องไวพอขนาดทำงานได้ 2 ศพ ในเวลาไล่เลี่ยขนาดนี้

บางทีโคสมินสกี้อาจร่วมมือกับใครคนหนึ่งหรืออาจเป็นองค์กร สมาคม หรือใครสักคนที่มีอิทธิยิ่งใหญ่ในอังกฤษ เขาอาจได้ค่าจ้างร่วมมือกันฆ่าโสเภณีทั้ง 5 โดยมีวัตถุประสงค์บางอย่างซึ่งเราก็ไม่ทราบได้

เรียงลำดับคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์
• 31 สิงหาคม ค.ศ.1888 ฆาตกรรมเหยื่อรายแรก
• 8 กันยายน ค.ศ.1888 ฆาตกรรมเหยื่อรายที่สอง
• 25 กันยายน ค.ศ.1888 จดหมายส่งถึงสำนักงานเซ็นทรัล ลงนาม “แจ๊คค เดอะ ริปเปอร์”
• 30 กันยายน ค.ศ.1888 ฆาตกรรมเหยื่อรายที่สามกับสี่ในเวลาไล่เลี่ยกัน
• 1 ตุลาคม ค.ศ.1888 ไปรษณีย์บัตร์ “แจ๊คจอมซ่าส์”ถึงสำนักข่าวเดิม
• 16 ตุลาคม ค.ศ.1888 พัสดุลงชื่อ “จากนรก” ส่งไตครึ่งซีก ไปให้จอร์ชประธานคระกรรมการป้องกันภัยไวท์แซพเพล
• 9 พฤศจิกายน ค.ศ.1888 เหยื่อรายที่ห้าคาดว่าเป็นรายสุดท้าย
• 31 ธันวาคม ค.ศ.1888 พบศพมองตากู จอห์น ดรูอิทท์ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแจ๊คจมน้ำตาย สันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
• ค.ศ.1890 อารอน โคสมินสกี้ ผู้ส่งเข้าโรงพยาบาลโรคจิตและเสียชีวิตในปี ค.ศ.1919
• ค.ศ.1892 ปิดคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ โดยหาผู้กำระทำความผิดไม่เจอ
• ค.ศ.1894 เซอร์เมลวิลล์ แมคนักห์เต็นเขียนบันทึกร่ายยาวแบบลับ ๆ ว่า เขาสงสัยมองตากู จอห์น ดรูอิทท์
• ค.ศ.1901 มีการสันนิษฐานว่าจดหมายและพัสดุที่ส่งมาเป็นของปลอมทำขึ้นโดยฝีมือของนักข่าว
• ค.ศ.2006 สก็อตแลนด์ยาร์ดเปิดเผยโฉมหน้า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่

ฝีมือของแจ๊คจริงหรือ 
หลังจากคดี
ฆาตกรรมเหยื่อรายสุดท้าย (?) แมรี่ เจน ก็เกิดคดีที่คล้าย ๆ กับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อีกจำนวนมาก แต่หลายฝ่ายไม่ยอมรับว่าเป็นแจ๊ค เนื่องจากการลงมือ และวิธีการไม่เหมือนกัน เช่น บาดแผลไม่ฉกรรจ์มาก 

- แฟรี่ เฟย์ 26 ธันวาคม 1887 ถ
ูกตอกด้วยลิ่มที่ท้อง
- อานี่ มิลวู้ด 25 กุมภาพันธ์ 1888 ถูกแทงที่ท้องและขาหลายครั้ง เธอไม่ตายทันทีแต่ก็เสียชีวิตหลังจากออกจากโรงพยาบาลในเดือนถัดมา
- เอย์ด้า วิลสัน 28 มีนาคม 1888 ถูกแทงที่คอ 2 ครั้งแต่รอดมาได้
- เอม่า อลิซาเบธ สมิธ 3 เมษายน 1888 ถูกทุบด้วยของแข็งที่ท้อง หากมีแรงเดินกลับบ้านเอง เธอให้การว่าถูกแกงค์เด็กวัยรุ่นทำร้ายและเสียชีวิตในอีก 2 วันให้หลังที่โรงพยาบาล
- มาร์ธา ทาบลัม 7 สิงหาคม 1888 ถูกแทง 39 ครั้ง มองจากลักษณะคดีและสถานที่แล้วมีความคล้ายคลึงกับแจ๊คมาก แต่เนื่องจากเหยื่อถูกแทงไม่ใช่ปาดคอ จึงถูกแยกไปต่างหาก
- "ไวท์ฮอลมิสเทรี่" 2 ตุลาคม 1888 ศพไร้หัวของผู้หญิงถูกพบที่ไวท์ฮอล แขนข้างหนึ่งถูกพบภายหลังในแม่น้ำเทมส์ และขาข้างหนึ่งถูกฝังอยู่ใกล้ที่พบศพ ส่วนอื่นหาไม่พบ
- แอนนี่ ฟาร์เมอร์ 21 พฤศจิกายน 1888 ถูกกรีดคอ แต่แผลไม่ลึกมากจึงรอดตาย ตำรวจมองว่าเป็นการทำร้ายตัวเอง ไม่มีการสืบคดีต่อ
- โรส มิเล็ต 22 ธันวาคม 1888 เสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศ มีร่องรอยถูกรัดคอ แต่เนื่องจากผู้ตายเมาเหล้าอยู่ ตำรวจจึงมองว่าเกิดจากสายรัดเสื้อบังเอิญรัดตัวเองหรือไม่
- อลิซาเบธ แจ๊คสัน 31 พฤษภาคม ~ 25 มิถุนายน 188 9ศพของเธอถูกพบทีละชิ้นในแม่น้ำเทมส์
- อลิซ แม็คเค็นซี่ 17 กรกฎาคม 1889 ตายเนื่องจากถูกตัดเส้นเลือดใหญ่
- "ฆาตกรรมที่ถนนพินชิน" 10 กันยายน 1889 รูปคดีคล้ายคลึงกับ"ไวท์ฮอลมิสเทรี่" (แต่แขนไม่ถูกตัด) กล่าวว่าผู้ตายน่าจะเป็นโสเภณีชื่อลิเดีย ฮาร์ท ตำรวจมองว่าน่าจะเป็นคดีต่อเนื่องกับ"ไวท์ฮอลมิสเทรี่"และคนร้ายถูกเรียกว่า"ทอร์โซคิลเล่อร์"หรือ"ทอร์โซเมอร์เดอร์" ไม่แน่นอนว่า 2 คดีนี้เกี่ยวข้องกับแจ๊คเดอะริปเปอร์หรือไม่
- ฟรานซิส โคลส์ 13 กุมภาพันธ์ 1891 ถูกปาดคอตาย
- แครี่ บราวน์ 24 เมษายน 1891ถูกฆ่าที่แมนฮัตตัน นิวยอร์ค เธอถูกรัดคอแล้วเขือดด้วยมีด ขาและลำตัวถูกแทง มีการพบรังไข่บนเตียงแต่ไม่มีส่วนไหนถูกนำไป รูปคดีคล้ายคลึงกับแจ๊คหากตำรวจลอนดอนก็สรุปว่าคดีทั้งสองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน

การสืบสวนของตำรวจผิดพลาดตรงไหนทำไมปล่อยให้แจ๊ครอดไปได้ สก็อตแลนด์ยาร์ด เป็นกองบัญชาการของตำรวจนครบาลมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบมหานครลอนดอน ขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทย ได้งบประมาณบางส่วนจากรัฐบาล ถามว่าตำรวจล้มเหลวในการไล่ล่าแจ๊คตรงไหน บอกเลยว่าไม่รู้ เพราะจากข
้อมูลที่ได้มาจากตำรวจหลายนาย และแต่ละคนเป็นถึงนักสืบระดับพระกาฬกันทั้งนั้นและทำงานหนักกันแทบทุกคน โดยเฉพาะตอนที่มีจดหมายเดอะริปเปอร์ (มั่วนิ่ม) ทะลักเข้ามา ตำรวจยิ่งทำงานหนักเป็นสองเท่าไปอีก อีกทั้งกำลังพลไม่พียงพอ เพราะตำรวจบางส่วนทำงานหนักจนล้มป่วย บางคนถูกแบ่งทำหน้าที่ในงานจราจร ทำให้มีการยืมกำลังพลต่าง ๆ จากหน่วยงานอื่น ๆ อีก ทำให้งานขาดการต่อเนื่อง สำหรับความยากของคดีนี้ จากรายงานของตำรวจในย่านไว้ท์แซพเพิลบอกว่าในย่านนี้มีผู้คนอาศัยอยู่จำนวนมากถึง 8,350 คน ในจำนวนนั้นมีโสเภณี 1200 คน มีห้องแบ่งเช่า 233 หลัง ซึ่งยากที่จะหาเบาะแส ปกป้อง หรือหาผู้กระทำความผิดจากกลุ่มคนเหล่านั้น อีกปัญหาหนึ่งที่ตำรวจไม่รู้จะสืบสวนยังไงก็คือแรงจูงใจในการฆ่าโสเภณีเหล่านั้น ว่าทำไมแจ๊คถึงอยากฆ่าเหยื่อ ตลอดจนคำให้การที่ไม่เหมือนกันของพยานแต่ละคนที่บอกลักษณะแจ๊คแตกต่างกันออกไป ส่วนการสืบสวนของตำรวจ ตำรวจใช้วิธีหลายรูปแบบมากในการสืบสวน เช่น การใช้สุนัขดมกลิ่น ตั้งรางวัลนำจับ หาประวัติเหยื่อ แม้กระทั่งการถ่ายม่านตาผู้ตายโดยคิดว่าลูกตาของเหยื่อบางคนอาจบันทึกภาพฆาตกรไว้ก่อนตาย ดูเหมือนมีวิธีเดียวเท่านั้นที่ตำรวจไม่นำมาใช้ นั่นคือการหารอยนิ้วมือแฝง เนื่องจากช่วงนั้นสก็อตแลนด์ยาร์ดไม่สนใจวิธีนี้มากนัก แม้วิธีนี้จะเป็นที่ยอมรับมากว่าทศวรรษแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม แม้คดีแจ๊คจะปิดสำนวนไปนานแล้ว แต่ตำรวจทั้งหลายที่มีส่วนในการไล่ล่าหาตัวแจ๊คยังคงแค้นไม่หาย พวกเขาได้จัดเก็บพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้น มาเขียนเป็นจดหมาย บันทึกความทรงจำ หรืออัตชีวประวัติ จนนำไปสู่การถกเถียงของนักแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ในเวลาต่อมา



อารอน โคสมินสกี้ 
อารอน โคสมินสกี้ ไม่มีใครทราบประวัติของเขามากนัก รู้แต่ว่าเขาเป็นช่างตัดผมชาวยิวโบลิซ มีอาการป่วยทางจิตตั้งแต่อายุ 25 ปี 1888 ช่วงที่แจ๊คออกอาละวาดนั้น ไม่มีใครทราบข่าวว่า อารอน โคสมินสกี้ไปไหน และเป็นอย่างไรในปีนั้น กว่าจะโผล่มาอีกทีก็เมื่อ 2 ปีข้างหน้าช่วงที่แจ๊คหายตัวไปแล้ว วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 1590 อารอน โคสมินสกี้ ถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลไมล์สเอ็นด์ โอลด์ทาวน์ หลังจากป่วยมาสองปี ตามบันทึกของโรงพยาบาลอนาถาแห่งนี้ระบุว่า เขาร่างกายแข็งแรงดี แต่เป็นโรคประสาท สามวันต่อมาเขาถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของพี่ชายซึ่งดูเหมือนจะชื่อวู้ล์ฟ อับราฮัมส์ ปี 1891 อารอน โคสมินสกี้ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลอนาถาอีกครั้ง ในขณะนั้นเขาอาศัยอยู่กับมอร์ริส ลูบ นาวสกี้ซึ่งเป็นพี่เขย วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1891 เขาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลโรคจิตโคลนี่ย์แฮ็ทช์ มีบันทึกอาการบอกว่าเขามักทำอะไรที่ไม่รู้ตัว และส่วนมากมักทำอะไรบ้าๆ เช่น ดื่มน้ำก๊อกประปาจากถนน กินอาหารจากขยะ ถือมีดไล่ขู่น้องสาว ทำร้ายตนเอง เนื้อตัวสกปรกไม่ยอมอาบน้ำ แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีท่าทีที่ฆ่าตัวตายและไม่เคยอาละวาดฆ่าคน ปี 1919 อารอน โคสมินสกี้เสียชีวิตในโรงพยาบาลโรคจิตที่ลี้ฟดอน ขณะอายุ 25 ปี

อารอน โคสมินสกี้คือแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์จริงหรือ?
ในด้านนักแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์วิทยาบางคนไม่เห็นด้วยกับทฤษฏีนี้ (ตอนนั้นเขายังไม่ได้อ่านบันทึกลับ) เพราะตามบันทึกประวัติจะเห็นได้ว่าเขาเป็นเพียงคนจรจัดที่เที่ยวหาอาหารตามถังขยะกันมากกว่าจะเห็นเป็นฆาตกรโหดฆ่าโสเภณีต่อเนื่อง 4-5 ศพ นอกจากนี้ ไม่มีพยานคนไหนที่เอ่ยว่าอารอน โคสมินสกี้เหมือนแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์เลย (อย่าลืมพยานเหล่านั้นแค่เห็นผ่าน ๆ เชื่อถือไม่ค่อยได้) และสารวัตสวอนสันเองก็ไม่เคยเอ่ยชื่อพยานสักคนที่อ้างว่าอารอน โคสมินสกี้คือผู้ต้องสงสัย (ตอนนั้นไม่มีการพูดถึงบันทักลับนี้) โคสมินสกี้เป็นคนตัวเล็กและบอบบาง แต่คำให้การของพยานส่วนมากบอกว่าแจ๊คที่เขาเห็นเป็นคนรูปร่างกำยำ ไหล่กว้าง อายุราว 40 ปี แต่งตัวเหมือนเสมียนมากกว่ากรรมกร มีท่าทีเหมือนผู้ดีตกยาก ซึ่งต่างจากโคสมินสกี้ที่แต่งตัวเหมือนขอทาน ยกเว้นวิลเลียม สมิธ ตำรวจคนที่เห็นแจ๊คกับเหยื่อรายที่ 3 ให้การว่าเหมือนโคสมินสกี้มาก




องตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ 
มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ เป็นชายที่หลาย ๆ คน ต่างมีความเห็นว่าเขาอาจเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์มากที่สุดในผู้ต้องสงสัยในจำนวนหลาย ๆ คนที่ว่ามา

มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ เกิดเมื่อ 15 สิงหาคม 1857 เป็นลูกชายคนที่สองของศัฃยแพทย์วิลเลี่ยม ดรูอิทท์แห่งวิมบอร์นในดอร์เซ็ท จบจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซฝอร์ดในปี 1880 ด้วยเกียรตินิยมอันดับสามในสาขาวิชาคล้าสสิค ต่อมาเขาก็ไปเรียนเป็นแพทย์ปีหนึ่งก่อนที่จะเบนเข็มเป็นนักกฎหมายโดยสมัครเข้าเรียนอินเน่อร์ เท็มเพิ่ลเดือนพฤษภาคม 1882 และเดือนเมษายน 1885 ขณะเรียนกฎหมายเขาก็ทำอาชีพเป็นครูไปด้วย และบิดาของเขาก็เสียชีวิตในปีเดียวกัน ในปี 1888 ปีทีแจ๊คออกอาละวาด ชีวิตของมองตากูว์ช่วงนั้นถึงขั้นล้มเหลวพอดี เมื่อเขาถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากเขามีพฤติกรรมรักร่วมเพศและกระทำการลวนลามละเมิดเด็กนักเรียนชาย แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามต่อมา ยายและน้องสาวของมองตากูว์เกิดอาการผิดปกติทางจิตและฆ่าตัวตาย และแม่ต้องเข้าไปบำบัดจิตที่แคล็ปตันในเดือนกรกฎาคม ช่วงนี้มองตากูว์ทุกข์มาก ๆ และส่งผลต่อส4าวะจิตใจ แต่ด้านสถานภาพการเงินของเขายังคงมั่งคงอยู่ ในขณะนั้น มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ อายุ 31 ปี

31 ธันวาคม 1888 เวลา 13.00 น. มีผู้พบศพขึ้นอืดของมองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ที่แม่น้ำเธมส์เลยท่าเรือธอร์นีย์คร้อฟท์ไปเล็กน้อย จากการสืบสวนพบว่าเขาหายตัวไปจากบ้านไป 4 อาทิตย์ และไม่มีร่องรอยถูกทำลายใด ๆ สาเหตุการตายคือจมน้ำตาย โดยมีก้อนหิน 4 ก้อนในกระเป๋าเสื้อโค้ทเป็นตัวถ่วงตนเองให้จมน้ำตาย

30 ธันวาคม ก่อนวันที่ มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์ ตายมีการพบจดหมายลาตายของผู้ตาย มันซ่อนอยู่ในที่อยู่บ้านของมองตากูว์ ในจดหมายเขียนไว้ว่า “นับตั้งแต่วันศุกร์ ผมรู้สึกกำลังจะเป็นแม่ และสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมก็คือความตาย”

มองตากูว์ จอห์น ดรูอิทท์คือแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์จริงหรือ?
เจ้าหน้าที่เซอร์เมลวิลล์ แม็กนักห์ ตำรวจที่สืบคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ปลักใจเชื่อสุด ๆ ว่า มองตากูว์ เป็นคนร้ายแน่นอน เพียงแต่จากพยาน (ที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก) บอกว่ามองตากูว์นั้นมีรูปร่างผอมซูบซีด ไม่กำยำและไหล่กว้างเหมือนกับแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ที่พยานทั่วไปพบเห็น และแจ๊คนี้คาดว่าเป็นชาวต่างชาติแต่มองตากูว์ไม่ใช่ นอกจากนั้นเขายังมียังมีหลักฐานอ้างที่อยู่อีก คือ หนึ่งวันหลังจากแมรี่ แอนน์นิคอลส์เสียชีวิต มองตากูว์ซึ่งเป็นนักกีฬาคริกเก็ตกำลังเล่นให้ทีมในมณฑตดอร์เซ็ทอยู่ซึ่งอยู่ห่างที่เกิดเหตุไกลเหมือนกัน และตอนเกิดเหตุคดีฆาตกรรมแอนนี่ แซ็ปแมน 6 ชั่วโมง เขากำลังเล่นให้ทีมแบล็คฮี๊ธในลอนดอนตอนใต้ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ว่าเขาสามารถเดินทางข้ามเมืองไปฆ่าคนและกลับไปตอนเช้าไปเล่นคริกเก็ตได้ทันตามที่กำหนด


โรเบิร์ต เจมส์ ลีส์

✿ พลังจิตช่วยหาตัวแจ๊ค
โรเบิร์ต เจมส์ ลีส์ เขาเป็นคนดังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นนักสืบพลังจิตหยั่งรู้อดีตและอนาคต เมื่ออายุ 19 ปี เขาเคยแสดงพลังอำนาจจิตให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของพระเนตรของพระราชินีวิคทอเรียมาแล้ว จนถึงขั้นได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาราชินีแบบลับ ๆ อีกด้วย เมื่อตอนช่วงแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ออกมาไล่ฆ่าคนรายแรกนั้น ลีส์ลองใช้พลังจิตหาตัวฆาตกรว่าในอนาคตฆตกรรายนี้จะฆ่าใครเล่นๆ ดู พบว่าเขามองเหตุการณ์อนาคตทั้งหมดก่อนเกิดคดีฆาตกรรมครั้งที่สอง เขาเห็นหญิงชายคู่หนึ่งเดินมาด้วยกันตามตรอกซอยแคบๆ นาฬิกาบอกเวลา 00.30 น. จู่ๆ ฝ่ายหญิงก็ถูกลากหลบไปที่ซุ้มประตู และฆาตกรก็ใช้มีดคมกริบบาดคอเธอ ร่างเธอแน่นิ่ง และมันก็ชำแหลจนแหลกเละ คนร้ายเช็ดเลือดออกจากตัวแล้วแจกแจงสวมเสื้อคลุมยาวปกปิดร่างก่อนหายลับ ไปในเงามืด ภาพนั้นรบกวนจิตใจของลีล์มาก เขาได้เขียนบันทึกเอาไว้อย่างละเอียด แล้วตรงดิ่งไปสถานีตำรวจสก็อตแลนด์ และเล่าเรื่องเหตุการณ์ณือนาคตของคดีที่สองให้ตำรวจฟัง แต่เนื่องจากพอดีเวลานั้นไม่มีรายงานคดีฆาตกรรมแบบนี้เกิดขึ้น ลีส์เลยโดนไล่ออกไปในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมกลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีก และในคืนนั้นเองที่แจ๊คออกปฏิบัติการฆ่าเหยื่ออีกครั้งในรูปแบบเดียวที่ลีส์บรรยายในสมุดพกไม่ผิดเพี้ยน! ท่านคิดว่ามันบังเอิญหรือ งั้นก็จงอ่านต่อ

หลังจากที่มีการฆาตกรรมเหยื่อรายที่สอง ลีส์ก็ได้เห็นภาพการฆาตกรรมอีก แต่ไม่ละเอียดเท่าหนแรก เขาเห็นหูผู้หญิงคนหนึ่งถูกเฉือนทิ้ง เขาตรงดิ่งไปสถานีตำรวจอีกครั้ง คราวนี้ตำรวจสนฟังเรื่องของเขามากกว่าเดิม เนื่องจากพอดีมีจดหมายลงนามแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ส่งมายังสถานี ในนั้นมีคำว่า “เฉือนหูของนังหญิงทิ้ง แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ดูเล่น ๆ สนุก ๆ”

แต่ที่แน่ ๆ วันที่ 1 ตุลาคม มีการพบเหยื่อรายที่สาม หล่อนถูกเฉือนหูทิ้งตามคำบอกเล่าของลีส์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน และแล้วลีส์ก็ได้มองทะลุล่วงเวลาเห็นฉากฆาตกรรมครั้งที่สามและถือว่าเป็นการมองอดีตเป็นครั้งสุดท้ายของลีส์ เพียงแต่มันเกิดขึ้นหลังจากฆาตกรรมครั้งที่สามไปแล้ว คราวนี้มันแจ่มชัดกว่าครั้งแรกเพราะเขาเห็นฆาตกรแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ชัดเจน ลีส์เดินตรงไปสถานีตำรวจ บอกว่าเขารู้ตัวว่าใครเป็นแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คราวนี้ตำรวจประทับใจรายละเอียดที่ลีส์บรรยายให้ฟัง จากนั้นตำรวจพาลีส์ไปยังสถานที่เกิดเหตุเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากจุดนั้น ลีส์เดินนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามถนนในกรุงลอนดอน พลางบอกว่าเขารู้ดีว่าเขากำลังตามหาใคร ตำบลไหน และแล้วเขาก็โผล่มาที่บ้านของเซอร์ วิลเลียม กัลล์ นายแพทย์ที่นับถือหน้าถือตา แต่เบื้องหลังเป็นบุคคลเสียสติ ภรรยายอมรับว่าเขาจะหายตัวทุกครั้งที่มีการปรากฏตัวของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์


เซอร์วิลเลี่ยม กัลล์

เซอร์วิลเลี่ยม กัลล์คือใคร? เขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่ เพราะเขาเป็นถึงแพทย์หลวงรักษาองค์ราชินี!? และมีชื่อเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจมานานแล้ว และเป็นเจ้าของทฤษฏีที่ว่าราชวงศ์อังกฤษอาจอยู่เบื้องหลังของแจ๊ค 

ไม่รู้ว่าลีล์จะพาตำรวจไปถูกบ้านหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ นายแพทย์ วิลเลียม กัลล์ถูกส่งไปอยู่โรงพยาบาลบ้าเรียบร้อย และบังเอิญเหลือเกินช่วงที่เขาถูกส่งไปโรงพยาบาลคดีฆาตกรรมเขย่าขวัญก็สิ้นสุดลงในช่วงนั้นเอง มันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องบังเอิญกันแน่?









Create Date : 15 กรกฎาคม 2558
Last Update : 28 กรกฎาคม 2558 15:17:29 น. 0 comments
Counter : 14904 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.