4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
14 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
จอห์น เฮกห์ : แวมไพร์น้ำกรด

กรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟิวริก สูตรเคมีคือ H2SO 4, เป็นกรดแร่มีความเข้มข้นอย่างแรง ละลายได้ในน้ำที่ทุกความเข้มข้น ค้นพบโดย จาเบียร์ เฮย์ยัน นักเคมีชาวอาหรับ และพบว่ากรดซัลฟิวริกมีประโยชน์มากมาย เป็นสารเคมีที่มีการผลิตมากที่สุด รองจากน้ำ และข้อมูลน่าสนใจคือมันเป็นสารเคมีที่ฆาตกรจำนวนหนึ่งนิยมนำมาใช้ในการกำจัดหลักฐานอีกด้วย


จอห์น จอร์จ เฮกห์

จอห์น จอร์จ เฮกห์ (24 กรกฎาคม 1909 – 10 สิงหาคม 1949) เป็นฆาตกรต่อเนื่องในประเทศอังกฤษ ในช่วงปี 1940 เขาได้ฉายาว่า “ฆาตกรอาบน้ำกรด” อันเนื่องจากพฤติกรรมการฆ่าของเขาที่ละลายศพของเหยื่อในกรดซัลฟิวริกก่อนที่จะปลอมแปลงเอกสารเพื่อจะได้ขายทรัพย์สมบัติของเหยื่อ (มีรายงานว่าเขาดื่มเลือดเหยื่ออีกด้วย) เขาถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมคน 6 คน แต่คาดว่าเขาน่าจะฆ่าเหยื่อไปถึง 9 ราย ภายหลังเขาถูกจับกุม จอห์นเลือกที่จะไม่รับสารภาพเพราะเขามั่นใจว่าตำรวจไม่มีหลักฐานพอที่จะเอาผิดได้ แต่ด้วยผลลัพธ์ของการหาหลักฐานทางนิติเวชส่งผลให้จอห์นถูกประหารในวันที่ 10 สิงหาคม 1949

จอห์น เฮกห์ หรือจอห์น จอร์จ เฮกห์ ถือกำเนิดในเวคฟีลด์ ยอร์คเชียร์ และเติบโตในหมู่บ้านเอาท์วู้ดทางตะวันตกของยอร์คเชียร์ ชีวิตในวัยเด็กของ เฮกห์ ส่วนใหญ่จะถูกกักอยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างแคบ เนื่องจากพ่อแม่เป็นคนเคร่งศาสนาและเข้มงวดมากไม่อยากให้เขาออกไปเล่นข้างนอกบ้าน ทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ภายในกรงเด็กที่รั้วสูง 10 ฟุต ซึ่งพ่อของเขาสร้างกั้นไว้รอบ ๆ สวน เพื่อล็อกขังเขาไว้ไม่ให้ออกไปนอกบ้าน กลายเป็นว่าการกระทำแบบนี้ทำให้เฮกห์กลายเป็นคนกลัวพ่อแม่ไปโดยปริยาย แต่กระนั้นเฮกห์เป็นเด็กฉลาด เขาสอบได้ทุนของราชินีเอลิซาเบธ และได้เข้าเรียนในโรงเรียนไวยากรณ์เวคฟีลด์ แต่รู้สึกว่าด้านมืดจะกลบความฉลาดมากกว่า เพราะหลายคนมักบ่นว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก ๆ เมื่อเฮกห์อายุ 20 ปี เขาก็ได้ทุนอีก และได้เป็นนักร้องประสานเสียงชายที่โบสถ์เวคฟีลด์ด้วย จากนั้นเฮกห์ก็เริ่มพัฒนาจากคนเจ้าเล่ห์มาเป็นคนโลภมาก เมื่ออายุ 21 ปีหลังจากเลิกเรียนเขาจะมาเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทเครื่องยนต์ ก่อนที่จะได้งานเขาเคยทำงานเป็นนายหน้าประกันภัย และขายโฆษณาประกันภัย ก่อนที่จะโดนไล่ออกในปี ค.ศ. 1934 เมื่อนายจ้างของเขาสงสัยว่าเขาขโมยเงินในกล่องเงินสด



กรดซัลฟิวริกเข้มข้น H2SO4 (กัดกร่อน) ของเหลวไม่มีสี หนืด ๆ เหมือนน้ำมัน

รูปภาพของ Hathairat Traithip

กรดซัลฟูริกได้มาจากการสกัดอนุพันธ์ของกำม
ะถัน

ในปี ค.ศ.1934 เฮกห์กลายเป็นคนเกลียดการเข้าโบสถ์โดยถาวร 6 กรกฎาคม 1934 เฮกห์แต่งงานกับเบียทริซสาวอายุ 21 ปี แต่ชีวิตหลังแต่งงานนั้นก็จบลงอย่างรวดเร็วเพราะเฮกห์ถูกจับขังคุกจากคดีปลอมแปลงเอกสารและโกงลูกค้ารายหนึ่ง ระหว่างจำคุกอยู่นั้นภรรยาเขาเกิดตั้งครรภ์และเมื่อเขาออกจากคุก ภรรยาก็พาลูกหนีจากเขาไป ปล่อยให้เฮกส์อยู่คนเดียวตามลำพัง ขณะที่เฮกห์ถูกปล่อยตัวนั้นเป็นปีที่เกิดสงครามโลกระหว่างเยอรมันกับอังกฤษพอดี แม้ลอนดอนตอนนั้นจะเกิดภัยสงคราม แต่เฮกห์ไม่สน เขาย้ายที่อยู่จากบ้านนอกมาสู่มหานครลอนดอนในปี ค.ศ.1936 เขาเช่าห้องเช่าหลายห้องที่ถนนเกลาส์เตอร์ เมืองลอนดอน และประกอบอาชีพเป็นคนขับรถแท็กซี่ และช่างเครื่อง จนกระทั่งในเวลาต่อมาเขาก็พบกับเพื่อนที่เป็นเจ้านายผู้มั่งคั่งคนหนึ่ง ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นของฆาตกรรมต่อเนื่องอันสุดแสนพิสดาร 

นายวิลเลียม โดนัลด์ แมคสแวนน์
เฮกห์พบกับแมคสแวนน์ โดยความบังเอิญแท้ ๆ เขาสองคนพบกันที่โกทผับในเมืองเคนซิงตัน และพูดจากันถูกคอ จนแมคสแวนน์พาเฮกห์ไปแนะนำตัวต่อนายดอนและนางเอมี่พ่อแม่ของเขาให้เฮกห์รู้จัก จากนั้นเขาก็บอกเฮกห์รู้ว่าเขาเป็นเจ้าของร้านพินบอลและนักลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มั่งคั่ง นั่นทำให้เฮกห์ตาลุกวาว จนสามารถคิดแผนอย่างหนึ่งได้ และแล้ววันที่ 6 กันยายน 1944 แผนการของเฮกห์ก็เริ่มต้นขึ้น……วันนั้นนายแมคสแวนน์มาหาเขาที่ห้องทำงาน ห้องใต้ดินที่ 79 ถนนกลัวเชสเตอร์ ลอนดอน ตามคำชวนของนายเฮกห์ ในห้องมีเครื่องมือช่างหลากหลาย มีทั้งเครื่องมือช่างไม้ ช่างเชื่อมโลหะ ช่างเหล็กอยู่ครบครัน แต่แล้วแมคสแวนน์เกิดสะดุดถังใบหนึ่งที่ใส่กรดกำมะถันในมุมห้อง เขาถามเฮกก์ว่า “ถังใบนั้นใช้ทำอะไร” ซึ่งคำตอบของเฮกห์คือการใช้ค้อนตีหัวเขาอย่างจัง จนเสียชีวิตต่อหน้าเฮกห์ ซึ่งจากรายงานบอกว่าเขาดื่มเลือดของแมคสแวนน์ด้วย จากนั้นพอตกกลางคืนก็กำจัดศพโดยการหย่อนร่างไร้วิญญาณของนายแมคสแวนน์ลงถังแกลลอนขนาด 150 ลิตร แล้วเทกรดซัลฟิวริกตามลงไป

เฮกห์บอกวิธีทำลายศพนี้ว่าเขาได้ไอเดียนี้มาจากขณะที่เขาอยู่ในคุก ว่าง ๆ เขาก็จินตนาการถึงวิธีการฆาตกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุด วิธีที่ซึ่งจะฆ่าเหยื่อโดยไร้หลักฐาน เขาคิดไว้หลายแบบ แต่ผลสุดท้ายเขาเลือกที่จะใช้กรดซัลฟิวริกในการทำลายศพในที่สุด ซึ่งพอดีเวลานั้นนายแมคสแวนน์อยู่ที่นั่นพอดี เขาเลยทดลองโดยใช้มันดู ผลคือประสบผลสำเร็จเกินกว่าที่คาด ร่างของเขาละลายไปพร้อมกระดูกในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น อีกสองวันต่อมาศพของ วิลเลียม แมคสแวนน์ ก็กลายเป็นน้ำโคลน และหลักฐานทั้งหมดถูกเฮกห์นำไปทิ้งที่ท่อระบายน้ำ นายแมคสแวนน์หายตัวไปตลอดกาล

กลับมาที่เฮกส์ หลังจากที่เขาฆ่าแมคสแวนน์ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และไปบอกพ่อแม่ของแมคสแวนน์ว่าลูกชายของพวกเขาหนีไปสก๊อตแลนด์เพราะไม่อยากถูกเกณฑ์ทหาร แล้วยึดข้าวของของแมคสแวนน์ทั้งหมด จากการหายตัวไปของแมคสแวนน์ ทำให้เฮกค์ฮุบกิจการทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว และได้กำไรจากการค้านั้น แต่มันก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของเขาอีกทั้งนายดอนและนางเอมี่พ่อแม่ของแมคสแวนน์ เริ่มสงสัยว่าทำไมลูกชายไม่ยอมกลับมา แม้ว่าสงครามใกล้จะจบลงแล้ว ดังนั้น เฮกส์จำต้องฆ่าพ่อแม่ของแมคสแวนน์ซะเพื่อตัดปัญหา วันที่ 2 กรกฏาคม 1945 เขาล่อสองสามีภรรยาด้วยการเขียนจดหมายอ้างชื่อว่าเป็นนายแมคสแวนน์ บอกว่าเขาอยู่ที่ห้องเช่าที่ถนนกลัวเชสเตอร์ของจอห์น เฮกห์อยากให้มารับที่นั้น และเมื่อทั้งสองมาถึงเฮกห์ก็จัดการพวกเขาในห้องที่ทำงาน จากนั้นก็นำศพไปใส่ในกระทะที่ใส่กรดซัลฟิวริกผสมกับตะกอนน้ำมัน ศพสองคนละลายเป็นโคลน เฮกห์จัดการศพทั้งสองที่ละลายแล้วด้วยการทิ้งลงในท่อระบายน้ำอย่างง่าย ๆ


รูปภาพของ Hathairat Traithip

หลังกำจัดตระกูลแมคสแวนน์ ทำให้เฮกส์ฮุปกิจการของตระกูลนี้ไว้ได้ทั้งหมด เขาปลอมเอกสารโอนสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดไม่เว้นกระทั่งเบี้ยบำนาญให้เขาเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว เฮกส์ได้เงินจากการฆาตกรรมในครั้งนี้ถึง £8,000 แต่ด้วยความที่เฮกส์เป็นคนชื่นชอบการพนัน และจ่ายเงินแบบมือเติบ ทำให้เงินหมดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งกิจการของเฮกส์เริ่มมีปัญหาจากการลงทุน ทำให้เขาต้องก่ออาชญากรรมขึ้นอีกครั้ง เหยื่อรายต่อมาเป็นคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่ร่ำรวยชื่อ "โรซาลีน และหมออาชิบอลด์ เฮนเดอร์สัน" เฮกห์ทำการตระเตรียมเช่าห้องทำงานที่ครอว์ลีย์ ทางตอนใต้ของลอนดอน และนำถังน้ำกรดจำนวนมากไปไว้ที่นั้น จากนั้นเมื่อถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1948 เขาเชิญหมออาชิบอลด์ เฮนเดอร์สัน เข้ามาในห้องทำงานของเขา โดยอ้างว่ามีสิ่งประดิษฐ์ที่จะให้หมออาชิบอลด์ดูและเมื่อเขามาถึง เฮกห์ใช้ปืนพกลูกโม่ยิงหมอตายคาที่ จากนั้นเฮกห์ก็วางแผนล่อภรรยาของเฮนเดอร์สันมาฆ่าอีกคนโดยบอกเธอว่าสามีป่วยหนักอยู่ที่ห้องทำงานของเขา อยากให้เธอรีบมาดูอาการให้ โรซาลีนหลงเชื่อเฮกห์และเธอก็พบจดจุบตายตามสามี หลังจากที่เฮกห์จัดการศพทั้งสองคนเสร็จแล้ว เขาก็ปลอมแปลงเอกสารของตระกูลเฮนเดอร์สัน ฮุปทรัพย์สินทั้งหมด เขาได้เงินจากการฆาตกรรมในครั้งนี้ถึง £8,000 แต่ถึงแม้เฮกห์จะได้ทรัพย์สินมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่เขายังต้องการจะฆ่าเหยื่ออีกเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตสุขสบายยิ่งขึ้น แต่การฆาตกรรมรายต่อมานั้นกลับกลายเป็นการขุดหลุมฝังตนเองเพราะเขาไม่ได้ไตร่ตรองในการเลือกเหยื่อ

18 กุมภาพันธ์ 1949 เหยื่อรายสุดท้ายที่เฮกห์เลือกคือ โอลีฟ เฮนเรียตต้า โรบาร์ทส์ ดูแรนด์ เดียคอน หญิงม่ายอายุ 69 ปี ผู้ช่วยพระในโบสถ์คริสต์ เขาหลอกล่อเธอให้เข้าไปในห้องทำงาน โดยบอกเธอว่ามีเล็บปลอมให้เธอ จากนั้นเขาก็ยิงศีรษะเธอที่ด้านหลัง ขณะที่เธอกำลังตรวจสอบวัสดุอยู่ และจัดการถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับ และไม่ลืมที่จะกรีดคอเอาเลือดเธอรินใส่แก้วเพื่อดื่มด้วย หลังจัดการศพเสร็จ เฮกห์จึงไปดื่มชาที่ร้านอย่างสบายใจ 
แต่การฆ่าเหยื่อรายล่าสุดนั้นเฮกห์พลาดอย่างจัง เมื่อตำรวจสงสัยเฮกห์เพราะเขาไม่สนิทสนมกับนางดูแรนด์ เดียคอนแม้แต่นิดเดียว แต่ทำไมเขาจึงได้รับทรัพย์สมบัติ ดังนั้นนักสืบจึงขอค้นบ้านของเขา จนพบหลักฐานคือบันทึกการโจรกรรมและการต้มตุ๋นของเฮกห์ ใบเสร็จซักรีดเสื้อโค้ทของนางดูแรนด์ เดียคอน ใบเสร็จอีกใบที่อ้างว่าเป็นของครบครัวแฮนเดอร์สันและของพวกแมคสแวนน์ นอกจากนี้ตำรวจยังพบโคลนที่เป็นก้อนเนื้อในห้องทำงานครอว์ลีย์ ผลจากการพิสูจน์โคลนในที่ทำงานของเขาโดยนักพยาธิวิทยา คีธ ซิมป์สัน ปรากฏว่าเป็นก้อนเนื้อของคนที่หายสาบสูญไปทั้งสามคน มันเป็นหลักฐานที่มัดแน่น ส่งผลให้จอห์น จอร์จ เฮกห์ถูกจับกุม ในขณะอายุ 39 ปี ในข้อหาต้มตุ๋นและสังหารคน 6 คน หลังจากเฮกห์ถูกจับกุม เขาสารภาพทั้งหมดว่าฆ่าคน 6 คน (ก่อนที่จะกลับคำให้การภายหลัง) นอกจากนี้เขายังอ้างว่าเขาสังหารหนุ่มคนหนึ่ง หญิงสาวจากเมืองอีสบอนน์อีก 1 คน และผู้หญิงจากเมืองแฮมเมอร์สมิธอีกหนึ่งคน ซึ่งสำหรับสามรายนี้ตำรวจไม่มีหลักฐานและไม่รู้ว่าเฮกห์พูดจริงหรือเปล่าทำให้ไม่มีการพิสูจน์ในเรื่องนี้ ภายหลังเฮกห์สู้คดีนี้ด้วยการกลับคำให้การในชั้นศาล เพราะเฮกห์เชื่อว่าตำรวจไม่มีหลักฐานเอาผิดเขาได้ เพราะศพละลายเป็นโคลนหมดแล้ว แต่เขาคิดผิด นักวิทยาศาสตร์ได้ตรวจสอบตะกอนน้ำมันที่กระจายในพื้นห้องทำงาน และชิ้นส่วนในโคลนคือถุงน้ำดี เท้าศพ ชิ้นส่วนของกระเป๋าถือ และฟันปลอมของเหยื่อรายล่าสุดที่อยู่จนครบ ทำให้คณะลูกขุนเชื่อว่าจอห์น เฮกห์มีความผิดฐานฆ่าคนจริง ต่อมาทนายความของเฮกห์แก้ต่างให้ลูกความตนเองว่า เขาสติไม่สมประกอบ เป็นฆาตกรวิกลจริต ซึ่งในวัยเด็กของเขามีแต่ทุกข์ไม่มีความสุข ถูกเลี้ยงดูโดยพ่อแม่ที่เข้มงวด โดยอ้างว่านิสัยที่ชอบดื่มเลือดของเขานั้นแสดงถึงความวิกลจริตได้เป็นอย่างดี

รูปภาพของ Hathairat Traithip

อย่างไรก็ตามหลังจากพิจารณาคดีเพียง 2 วัน ผลการตัดสินคือจอห์น เฮกห์มีความผิดฐานฆาตกรรมเหยื่อทั้งหมด 6 ราย และมีโทษประหารชีวิต ซึ่งเขาไม่ได้เป็นคนวิกลจริตแต่อย่างใด โดยเห็นได้จากการที่เขารู้เรื่องกฎหมายและฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 
มีการรายงานว่าในระหว่างที่เฮกห์ ถูกคุมขังในคุกพิเศษที่เรือนจำแวนด์สเวอร์ธ เขาขอร้องผู้คุมคนหนึ่งชื่อ นาย แจ็ต มอร์วูด ว่าจะเป็นไปได้ไหมที่จะทดลองแขวนคอดูก่อน เพื่อให้การประหารจริงจบลงเร็วๆและราบรื่น แต่ดูเหมือนว่าคำขอของเขาจะโดนปฏิเสธ วันที่ 10 สิงหาคม 1949 จอห์น จอร์จ เฮกห์ ถูกนำตัวไปแขวนคอที่ แวนด์สเวิร์ธ โดยเพชฌฆาต อัลเบิร์ต เพียร์พอยนต์ 

ทิ้งท้าย
เรื่องราวของ จอห์น จอร์จ เฮกห์ ถูกนำมาสร้างเป็นละครของสถานี ITV โดย มาร์ติน คลูเนส ในชื่อเรื่อง "กรดแห่งชีวิต" ซึ่งเป็นละคร ชีวิต

นอกจากนี้เรื่องราวของ จอห์น จอร์จ เฮกห์ ก็ถูกนำสร้างเป็นละครอีกครั้ง ในปี 1952 ช่องสถานีวิทยุ BBC เป็นละครสั้นในซีรีย์ “The Black Museum” ชื่อตอนเหยือกในกรด (The Jar of Acid) ถ้าใครเป็นคอเกมส์ Clock Tower 3 (* เป็นเกมส์ที่ตัวเอกเป็นผู้หญิงที่หนีจากสัตว์ประหลาดต่าง ๆ นานา) คุณอาจพบเฮกห์ในรูปของสัตว์ประหลาดมนุษย์กรด ที่มีฉากหลังเป็นมหานครลอนดอนในบรรยากาศสงครามโลก และคุณอาจได้พบเหตุการณ์ที่มนุษย์กรดทำการฆาตกรรมเหยื่อในน้ำกรดอีกด้วย

เพชฌฆาตที่ประหารเฮกส์คืออัลเบิร์ต เพียร์พอยต์ (Albert Pierrepoint) คนนี้เป็นเพชฌฆาตชื่อดังนะครับ สถิตประหารฆาตกรนั้นมากมายมาก ถึง 500 ราย!! โดยเขามีชื่อเสียงจากการประหารอาชญากรสงครามนาซีทั้งหลาย ซึ่งเขาประหารฆาตกรชื่อดังหลายราย








Create Date : 14 กรกฎาคม 2558
Last Update : 14 กรกฎาคม 2558 16:23:19 น. 0 comments
Counter : 1516 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.