4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
เดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์ : อำมหิตผ่านหน้าจอ

คุณรู้จักภาพยนตร์สนัฟฟ์ฟิล์ม (Snuff Film) ไหม? สนัฟฟ์ฟิล์มเป็นภาพยนตร์เคลื่อนไหวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับภาพยนตร์ หรือหนังที่แสดงให้เห็นภาพบันทึกความตาย ภาพการสังหารบุคคล ประชาชนโดยไม่ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการถ่ายทำ แต่เป็นการถ่ายจากของจริงเต็มไปด้วยความรุนแรง การทรมาน การข่มขืนและฆ่า โดยมีวัตถุประสงค์เพียงแค่ความบันเทิงและแสวงหาผลกำไร ไม่ปรากฏรายชื่อนักแสดง ผู้กำกับ วัน เวลา และสถานที่ในการถ่ายทำแต่ประการใด นักแสดงตัวเอกอาจถูกหลอกมาแสดงหรือถูกวางยาที่ทำให้สติไม่ปกติ ก่อนที่นักแสดงดังกล่าวจะถูกบันทึกช่วงการตายของตนอย่างสุดโหด และเมื่อฟิล์มดังกล่าวถูกจำหน่ายออกไปกลับเป็นที่ถูกอกถูกใจคนบางกลุ่มถึงขั้นลุ่มหลง ยกย่องเชิดชูราวกับเป็นอาหารเลิศรส หาชิมยาก แม้ว่าเนื้อหาฟิล์มดังกล่าวจะปรากฏไม่เพียงแก่ชั่วโมงเท่านั้นเอง

สนัฟฟ์ฟิล์มส่วนมากนั้นจะเป็นของเทียม (คือใช้เทคนิคพิเศษและฆ่าแบบปลอม ๆ) แต่กระนั้นหลายคนเชื่อว่าสนัฟฟ์ฟิล์มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมวิปริตของจริง นั้นจะต้องมีอยู่จริงแน่นอน โดยบางเรื่องถูกเล่าเป็นตำนานเมือง คำว่าสนัฟฟ์ฟิล์มปรากฏตัวออกมาครั้งแรกในหนังสือของ Ed Sanders ชื่อ Sanders,Family : The story of charles Manson ในปี 1971 ที่ได้กล่าวโจมตีกลุ่มครอบครัวของชาร์ลส แมนสัน เกี่ยวกับการกระทำของสมาชิกที่ได้ทำฟิล์มบันทึกการฆาตกรรมของคนกลุ่มนี้เอาไว้ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยภาพยนตร์สนัฟฟ์ฟิล์ม (เทียม) เรื่องแรกของโลกนั้นมีชื่อว่า Peeping Tom (1960) ส่วนสนัฟฟ์ฟิล์ม (ของแท้) เชื่อกันว่าเป็นของชาร์ลส แมนสัน และสมาชิกที่ได้ทำการฆาตกรรม ชารอน เทดด์ ดาราสาวอายุ 26 ปี (ซึ่งในขณะนั้นกำลังท้องแก่) ภรรยาของผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง โรมัน โปแลนสกี้ เธอถูกแทงถึง 16 แผล จากนั้นก็ใช้มีดผ่าท้องของเธอจนเหวอะหวะ และใช้ไม้ตีที่ศีรษะซ้ำ ตัดเต้านมของเธอทิ้งทั้งเป็น แล้วใช้มีดเล่มนั้นชำแหละกรีดตั้งแต่บริเวณยอดอก จนถึงหัวหน่าว เลือดสด ๆ ของเธอกระจายเต็มบ้าน มิหนำซ้ำ สมาชิกของชาร์ลส์แมนสัน ยังใช้แปรงจุ่มเลือดเขียนคำว่า "PIG (หมู)" ตัวโต ๆ ไว้ที่บานประตูบ้าน ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่า ชาร์ลส แมนสัน ได้ถ่ายทำหนังสนัฟฟ์ฟิล์มในการฆาตกรรมเหยื่อเอาไว้ด้วย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครได้เห็นม้วนเทปดังกล่าว หรือมีการยืนยันว่ามันมีอยู่จริง จนกลายเป็นตำนานเมืองอีกเรื่องให้กล่าวถึง


หลังจากนั้นเป็นต้นมาสนัฟฟ์ฟิล์มก็เกิดขึ้นบนโลกมากมาย เทียมบ้าง จริงบ้าง จนกระทั่งถึงปี 2007 เมื่อโลกถึงยุคอินเตอร์เน็ตไร้พรมแดน สนัฟฟ์ฟิล์มก็เริ่มมีบทบาทมากมาย เพื่อตอบสนองผู้ดูที่มีรสนิยมวิปริตจิตไม่ปกติ ภาพยนตร์สารคดีความโหดร้ายของจริงมากมายถูกโพสต์อย่างเสรีในเว็ปชื่อดังต่าง ๆ เช่น ยูทูปในรูปแบบคลิป ไม่ว่าเป็นการสังหารตัวประกันในอีรัก การประหารชีวิตคน สงครามสังหารประชาชน การฆ่าสัตว์ ซึ่งเราสามารถหาคลิปดังกล่าวนี้ได้อย่างง่ายดาย จนกระทั่งในปี 2007 ได้เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้นที่เมืองเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ เป็นเมืองใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ที่มีประชากรกว่า 1.1 ล้านคน เป็นศูนย์อุตสาหกรรมหลักของยูเครน ซึ่งมลพิษทางอากาศและทางน้ำจากอุตสาหกรรมนี้ทำให้เมืองนี้ไม่น่าอยู่มากนัก อีกทั้งฤดูหนาวในช่วงมกราคมก็หนาวอย่างร้ายกาจ เต็มไปด้วยหิมะที่หนาสูงและอุณหภูมิติดลบเฉลี่ย 15 ถึง -15 องศา แต่กระนั้นในเมืองแห่งนี้เองได้เกิดกลุ่มฆาตกรที่ประกอบด้วยเด็กวัยรุ่นสามคนในนาม "กลุ่มเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์" ที่ได้ฆ่าคนจำนวนมากมาย เหยื่อมีทั้งหญิงตั้งครรภ์ คนแก่ เด็ก ขอทาน คนขี้เมา และที่น่าตกใจคือทางการยูเครนได้เลือกที่จะปกปิดเรื่องฆาตกรรมต่อเนื่องอาละวาดเอาไว้ และกว่าที่ทางการจะจับกุมฆาตกรกลุ่มนี้ได้ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดยังไม่จบ เพราะต่อมาก็มีคลิปหนึ่งที่ถูกถ่ายทำโดยกลุ่มเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์ได้ยลโฉมในโลกอินเตอร์เน็ต และเมื่อหลายคนได้ดูคลิปดังกล่าวก็ตกใจกับภาพนี้ทันที เพราะมันเป็นภาพการฆ่าคนโดยกลุ่มมาเนียสร์ ที่ภาพปรากฏใบหน้าของฆาตกรที่เป็นวัยรุ่นสองคน (ไม่เซ็นเซอร์ใบหน้า) ฆ่าเหยื่อคนหนึ่งชื่อเซอร์ไก ยัทเซนโก อย่างโหดเหี้ยมด้วยการทุบตีเหยื่อโดยใช้ฆ้อน และแทงด้วยไขควงจนเหยื่อถึงแก่ความตาย แม้ว่าทางการจะมีการลบคลิปดังกล่าวไปแล้วหลายเว็ป แต่กระนั้นคลิปนี้ก็ได้ขนานนามว่าเป็นสนัฟฟ์ฟิล์มที่มีชื่อเสียงในโลกอินเทอร์เน็ต

กลุ่มเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์ เป็นคำเรียกขานชื่อกลุ่มฆาตกรที่ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ ประเทศยูเครน เมื่อเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2007 กรณีที่โด่งดังที่สุดของกลุ่มนี้คือการบันทึกวิดีโอการฆาตกรรมเหยื่อ (บางช่วง) ซึ่งตอนแรกเป็นพวกสัตว์เล็ก ๆ จำพวกสุนัข แมว หากแต่ตอนหลังก็เริ่มฆ่าเหยื่อที่เป็นมนุษย์ โดยเริ่มก่อเหตุเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน - 16 กรกฎาคม 2007 (ถูกจับกุมวันที่ 23 กรกฎาคม 2007) และที่น่าตกใจก็คือหนึ่งในวีดีโอฆาตกรรมเหยื่อที่เป็นมนุษย์นั้นเกิดรั่วไหลแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต เป็นภาพของวิคเตอร์ ซาเยนโก และอิกอร์ ซูพรันยัซค์ สองวัยรุ่นสมาชิกเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์ (โดยมีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งชื่อ อเล็กซานเดอร์ ฮานซา เป็นคนถ่ายภาพวีดีโอ) ทั้งสามอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น ได้ช่วยกันทุบตีเหยื่อด้วยฆ้อน และแทงด้วยไขควงจนเหยื่อถึงแก่ความตาย ต่อมาทั้งสามถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหา ที่น่าเหลือเชื่อก็คือข้อหาฆาตกรรมต่อเนื่องเหยื่อ 21 ราย!! และผลตัดสินเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2009 จำเลยทั้งสามพบว่ามีความผิดจริง วิคเตอร์ และอิกอร์ถูกจำคุกตลอดชีวิต (ในข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าและทารุณสัตว์) และอเล็กซานเดอร์ถูกจำคุก 9 ปี (ในข้อหาสมคบคิดและปล้นทรัพย์สิน)

วิคเตอร์ ซาเยนโก, อิกอร์ ซูพรันยัซค์ และ อเล็กซานเดอร์ ฮานซา สมาชิกกลุ่มเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์นั้น ทั้งหมดเป็นเพื่อนกัน และครอบครัวของทั้งสามมีฐานะร่ำรวย พวกเขาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน อยู่ชั้นเรียนเดียวกัน จากการสอบสวนอย่างหนักจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแ
ละนักจิตวิทยาได้สอบถามว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้พวกเขาก่อคดีดังกล่าว ผลคือคำให้การที่น่าสนใจของวิคเตอร์และอเล็กซานเดอร์ ที่พวกเขาบอกว่าจุดเริ่มต้นของพวกเขานั้นเกิดมาจากความกลัว โดยมีอีกอร์เป็นคนแนะนำในการแก้ปัญหา ซึ่งวิคเตอร์ได้เล่าย้อนไปจุดเริ่มต้นของคดีนี้ว่า "เพราะผมกับอิกอร์ทั้งคู่เป็นโรคกลัวความสูงและพวกเรากลัวที่จะโดนพวกนักเลงตีหัว อีกอร์เลยเสนอวิธีการกำจัดความกลัวว่า เราสองคนควรไปยืนระเบียงชั้นที่ 14 ของอพาร์ทเม้นต์หลายชั่วโมง โดยให้พวกเราแขวนตัวอยู่เหนือราวบันได ซึ่งปรากฏว่าวิธีดังกล่าวเป็นผลดีในการรักษาความกลัวของพวกเรา" ซึ่งผลดังกล่าวทำให้พวกเขาไร้ความกลัว เยือกเย็น และต่างฝ่ายต่างเชื่อใจกันมากขึ้น ต่อมาทั้งสองก็พบเพื่อนอีกคนคือเล็กซานเดอร์ที่บอกว่าเขาเป็นโรคกลัวเลือดจะคลื่นไส้มากเมื่อเห็นเลือด อีกทั้งเขายังปฏิเสธที่จะอาบน้ำให้ลูกแมวเพราะว่าเขากลัวน้ำร้อนลวก อีกอร์เลยเสนอการแก้ปัญหานี้ว่าเราควรแก้ปัญหาโดยการทรมานสุนัขจรจัด ทั้งสามช่วยกันจับสุนัขจรจัดในพื้นที่ป่าใกล้บ้าน แล้วแขวนคอมันจากต้นไม้ จัดการคว้านไส้พุงออกมาแล้วพวกเขาก็ไปยืนถ่ายภาพข้างศพ ซึ่งต่อมาภาพดังกล่าวได้กลายเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี โดยภาพดังกล่าวมีทั้งศพสุนัข แมว โดยมีใบหน้าสมาชิกกลุ่มติดมาด้วย 

นอกจากนั้นในหลายภาพพวกเขาทำสัญลักษณ์แปลก ๆ ไว้มากมาย โดยใช้เลือดสัตว์วาดสวัสดิกะนาซี หรือเอาเลือดมาระบายเป็นหนวดฮิตเลอร์และทำความเคารพแบบนาซี (อิกอร์เกิดวันที่ 20 เมษายน วันเดียวกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์) นอกจากนั้นพวกเขายังถ่ายวีดีโอยาวหลายนาทีในการถ่ายทำการนำลูกแมวมาทรมาน โดยพวกเขาทรมานมันที่โรงจอดรถในบ้าน โดยใช้เทปกาวปิดปากกันเสียงร้องจากนั้นก็ใช้ไม้ตีและถอดเล็บแมว และยิงมันด้วยปืนสองนัด พูดง่าย ๆ เด็กวัยรุ่นทั้งสามเป็นเด็กนรกหนักสังคมอย่างไม่มีใครเถียง ทั้งสามก่อวีรกรรมบ้า ๆ หลายครั้ง โดยครั้งหนึ่งอีกอร์เคยขโมยรถจักรยานของเด็กคนหนึ่งไปขายให้วิคเตอร์ แต่เรื่องเกิดแดงเสียงก่อน ทั้งสามเลยถูกจับกุม แต่ไม่ได้ติดคุกเพราะอายุของพวกเขายังเป็นเยาวชนอยู่ (ในตอนนั้นพวกเขาอายุ 17 ปี)

หลังจากจบโรงเรียนมัธยม อเล็กซานเดอร์ทำตัวลอยชายไป ๆ มา ๆ หางานแปลก ๆ จำพวกพ่อครัวขนมและคนงานก่อสร้าง ในช่วงนั้นเขาก่อคดีเล็กน้อย ส่วนวิคเตอร์ทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ส่วนอิกอร์ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ไม่มีใบอนุญาต (รถดังกล่าวได้รับเป็นของขวัญวัน
เกิดจากพ่อแม่) ซึ่งต่อมาแท็กซี่ดังกล่าวก็ได้กลายเป็นพาหนะในการไล่ล่าฆ่าเหยื่อของทั้งสาม โดยจากคำรับสารภาพพบว่าเหยื่อส่วนใหญ่ของพวกเขาจะเป็นผู้โดยสารที่มาใช้บริการรถแท็กซี่ไม่มีใบอนุญาตดังกล่าว ก่อนที่ทั้งสามจะร่วมก่ออาชญากรรมฆ่าคนนั้น มาจากความคิดง่าย ๆ ก็คือพวกเขาอยากรวย โดยวิธีรวยของพวกเขาทั้งสามนั้นก็คือการขายวีดีโอฆาตกรรมที่พวกเขาบันทึกเอาไว้ โดยพวกเขาวางแผนว่าเขาจะฆ่าเหยื่อ 24 คนเพื่อทำสารคดีฆาตกรรมดังกล่าว ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าอีกอร์ได้ติดต่อกับคนรวยจากนอกประเทศเพื่อขายสนัฟฟ์ฟิล์ม จำนวน 40 ชุด เพื่อแลกกับเงินก้อนโตที่พวกเขาจะได้รับ และแผนการดังกล่าวไม่ได้คิดเล่น ๆ เพราะมันได้กลายเป็นจริงในเวลาต่อมา.....

คดีฆาตกรรมเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2007 เหยื่อรายแรกเป็นหญิงอายุ 33 ปี ชื่อ อีคาเทริน่า อิลเช็นโก ตอนนั้นเธอกำลังเดินไปอพาร์ทเมนต์เพื่อนของเธอ ตามคำสารภาพของวิคเตอร์ ซาเยนโก และอิกอร์ ซูพรันยัซค์บอกว่า ตอนนั้นพวกเขาไปเดินเล่น (ล่าเหยื่อ) โดยอิกอร์มีฆ้อนซุกซ่อนอยู่ในตัว ขณะที่เดินผ่านอีคาเทริน่า อิกอร์ก็ทุบเธอเข้าที่หัว เธอล้มลงและพวกเขาก็ปล่อยเธอทิ้งไว้อย่างนั้น จนกระทั้งมีการพบศพเวลา 05:00 น.โดยแม่ของเธอที่ออกตามมาจนพบศพดังกล่าว ต่อมาหลังจากผ่านชั่วโมงแรกในการสังหารเหยื่อครั้งแรก ฆาตกรทั้งสองคนก็ลงมือฆ่าเหยื่อต่อไปของเขา โรมัน ทาทาร์นวิช กำลังนอนหลับอยู่บนม้านั่งในบริเวณที่ใกล้กับพื้นที่การฆาตกรรมครั้งแรก ก่อนที่เขาจะลุกออกไปเขาก็ถูกทุบที่หัวหลายครั้ง ศพของเขาถูกพบคาม้านั่งที่ตั้งอยู่ในฝั่งตรงข้ามถนนซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานอัยการศาล ในวันที่ 1 กรกฎาคม ทั้งสามก็พบเหยื่อสองรายเพิ่มเติมคือ ชอีฟจีนิยา กริซซานโก้ และนิโคไล เซอร์ชัค โดยจุดที่เกิดเหตุอยู่ในเมืองใกล้เคียงกับโนโวมอสคอฟสค์ ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ ต่อมาในคืนวันที่ 6 กรกฎาคม มีเหยื่ออีกสามคนถูกฆาตกรรมต่อเนื่องในเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ



รายแรกคือ ทหารใหม่ที่พึ่งออกจากโรงพยาบาลมาหมาด ๆ ถูกกระบองดีขณะที่เดินออกจากบ้านไปไนต์คลับ ซึ่งแม่ของเขาไปพบศพของลูกตนเองบนถนนในช่วงเช้า รายที่สอง อีเลน่า แชรม ยามอายุ 25 ปี ถูกฆาตกรรมที่มุมถนนโคซิโอร่า ตามคำรับสารภาพของฆาตกรบอกว่า อีกอร์ได้ตีหัวเขาด้วยฆ้อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อของเขา และตีหลายครั้งก่อนที่อีเลน่าจะล้มลง จากนั้นเขาก็ได้ใช้เสื้อที่อยู่ในถุงในมือของเหยื่อมาทำความสะอาดฆ้อน ก่อนที่จะโยนเสื้อทิ้งอย่างใจเย็น ต่อมาในคืนเดียวกันเขาก็ฆาตกรรมหญิงชื่อ วาเลนตินา ฮานซา (ทั้งสามคดีไม่มีหลักฐานว่าอเล็กซานเดอร์มีส่วนร่วม) วัดถัดไป วันที่ 7 กรกฎาคม (ฆาตกรช่างบ้าเลือดจริง ๆ) เด็กชายสองคนอายุ 14 ปี จากโพดโกรอดนอย หมู่บ้านใกล้เคียงกันถูกทำร้ายตอนไปตกปลาทั้ง ๆ ที่เป็นตอนวันแสก ๆ ซึ่ง อังเดรย์ ซิดยุค วัย 14 ปีถูกฆ่า แต่เด็กชายอีกหนึ่งคนหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด วันที่ 12 กรกฎาคม ชายอายุ 48 ปี ชื่อ เซอร์กี้ ยัทเซนโก ที่พึ่งรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งได้หายตัวไปในขณะขี่รถจักรยานยนต์เดปเปอร์ ร่างของเขาถูกพบใน 4 วันต่อมา ในสภาพที่ฆาตกรลงมือกับเหยื่ออย่างป่าเถื่อนอำมหิตเห็นได้ชัด

จากเหตุคดีฆาตกรต่อเนื่องดังกล่าว ทางการเริ่มรู้สึกถึงฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ว่า ฆาตกรเลือกเหยื่อแบบสุ่ม และเหยื่อมีหลายช่วงอายุ โดยไม่สนว่าเป็นเด็กหรือผู้หญิง หากพวกเขาเปิดช่วงโหว่เมื่อไร ฆาตกรจะจู่โจมทันที โดยส่วนใหญ่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะถูกฆ่าโดยวัตถุทื่อรวมทั้งค้อนแป๊ปเหล็กก่อสร้าง ทำร้ายที่หัว และใบหน้าอย่างโหดเหี้ยม เหยื่อหลายรายถูกทรมานโดยทำร้ายที่ดวงตา เอาสิ่วเจาะในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ฆาตกรยังมีจิตใจที่เลือดเย็นเพราะหนึ่งในผู้ตกเป็นเหยื่อมีรายหนึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่มีทารกในครรภ์หลังถูกฆ่าฆาตกรได้ตัดมดลูกของเธอออก แต่กระนั้นไม่มีรายงานว่าผู้ตกเหยื่อถูกทำร้ายทางเพศแต่อย่างใด นอกจากนี้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อบางคนทรัพย์สินหายไป โดยเฉพาะมือถือและมีของมีค่าอื่นๆ แต่กระนั้นของที่หายดังกล่าวก็สามารถตามหาได้ตามร้านค้าของมือสองในพื้นที่ อย่างไรก็ตามเหยื่อส่วนใหญ่มีทรัพย์สินส่วนตัวครบโดยฆาตกรไม่สนใจที่จะขโมยแต่อย่างใด และสุดท้ายพื้นที่การฆาตกรรมของฆาตกรก็กระจัดกระจายเป็นวงกว้าง นอกเหนือจากตัวเมืองเดอโพรเพ็ทโรส์ฟแล้วยังเกิดพื้นที่ห่างไกลจากตัวเมืองด้วยทำให้ทางการยากที่จะรับมือและป้องกันการเกิดฆาตกรรมต่อเนื่องดังกล่าว

หลังจากนั้นก็มีผู้ตกเป็นเหยื่อของฆาตกรต่อเนื่องในเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่เหยื่อที่น่าตกตะลึง จนโด่งดังไปทั่วโลกคงจะเห็นไม่เกินไปกว่าเหยื่อที่ชื่อ เซอร์ไก ยัทเซนโก จากหมู่บ้าน Taromskoye เขาตกเป็นเหยื่อของฆาตกรต่อเนื่องเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2007 และร่างกายของเขาถูกพบเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เซอร์ไก ยัทเซนโก ตอนที่ถูกสังหารนั้นเขาอายุ 48 ปี เขาพึ่งเกษียณเนื่องจากเป็นมะเร็งเนื้องอกในลำคอทำให้เขาเปล่งเสียงออกจากลำคอไม่ได้ในบางครั้ง แต่กระนั้นหลังจากเกษียณซอร์ไกยังคงหางานทำรอบๆ หมู่บ้าน โดยทำงานก่อสร้างขนาดเล็ก, ซ่อมรถยนต์, ทอตะกร้า และทำอาหารให้ครอบครัวของเขา ในด้านครอบครัวเขาได้แต่งงานและมีบุตรชายสองคนและหลายคนหนึ่ง นอกจากนี้เขายังมีแม่ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ต้องดูแลด้วย เวลาประมาณ 02.30 น. เป็นวันที่เซอร์ไกถูกฆ่าเขาได้ขี่รถจักรยานยนต์เดปปาออกจากบ้านเพื่อไปดูหลานของเขา หากแต่ปรากฏว่าเขาไปไม่ถึงบ้านลูกชาย โทรศัพท์มือถือถูกปิด จนกระทั้งตอนเช้าภรรยาของเขาและเพื่อนได้เดินตามหารอบหมู่บ้าน แต่กระนั้นพวกเขาไม่สามารถแจ้งคนหายต่อทางการได้ เนื่องจากทางการยูเครนมีกฎหมายห้ามแจ้งประกาศคนหายจนกว่าเวลาจะผ่าน 72 ชั่วโมง วันถัดมาภรรยาของเขาติดรูปถ่ายของสามีไปทั่วหมู่บ้านและต่อมาความช่วยเหลือจากทางการก็มาถึงเพื่อกระจายการค้นหาเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น สี่วันต่อมามีพยานคนหนึ่งออกมาให้เบาะแสว่าเห็นจักรยานยนต์เดปปาถูกทิ้งในพื้นที่รกร้างในที่ทิ้งขยะ และเมื่อทำทำการค้นหาบริเวณดังกล่าวพวกเขาก็พบร่างของเซอร์ไกในสภาพสุดโหด ถูกตีด้วยค้อน และแทงด้วยไขควงจนตายอย่างทรมาน 

แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงที่ทำให้คดีของเซอร์ไกมีความแตกต่างจากคดีอื่น ๆ ก็คือฆาตกรได้จับภาพในช่วงนาทีการสังหารเขาลงไปด้วย (แบบเต็มรูปแบบ) ความจริงวิดีโอดังกล่าวยังไม่ได้เผยแพร่สู่สายตาสาธารณชน หากแต่ เมื่อวิดีโอภาพถูกนำไปเปิดในชั้นศาลเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2008 ซึ่งวีดีโอดังกล่าวไม่มีการเซ็นเซอร์ใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อให้แสดงให้เห็นว่าวิดีโอดังกล่าวเป็นของแท้และภาพวีดีโอดังกล่าวได้สร้างความตะลึงและสร้างความช็อกแก่ผู้ชม โดยรายละเอียดของเทปนาทีการสังหารดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการบันทึกภาพของฆาตกรที่ถ่ายเอาไว้ แบบเต็มรูปแบบ (ส่วนเทปอื่น ๆ ส่วนมากถ่ายแบบไม่เต็มรูปแบบ หรือเน้นฆ่าสัตว์มากกว่า) โดยมีฉากเป็นป่ารกที่ปรากฏภาพอีกอร์และวิคเตอร์ที่กำลังทำการฆาตกรรมเซอร์ไกอย่างโหดเหี้ยม (โดยมีคืออเล็กซานเดอร์เป็นอยู่เบื้องหลัง) เซอร์ไกถูกตีซ้ำ ๆ บนใบหน้าด้วยฆ้อนที่หุ้มพลาสติก และทำลายดวงตาแล้วใช้ไขควงแทงซ้ำที่ท้อง ก่อนที่จะจบลงโดย วิคเตอร์ตีซ้ำด้วยฆ้อนอีกทีเพื่อแน่ใจว่าเขาตายแล้ว

การฆาตกรรมใช้เวลาประมาณ 4 นาทีกว่า ๆ หลังจากนั้นหนึ่งในฆาตกรก็ยิ้มมาทางกล้อง จากนั้นก็เดินกลับมาที่รถของพวกเขาเพื่อแสดงให้เห็นว่าการฆาตกรรมเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ฟุตห่างจากถนที่จอดรถของพวกเขา พวกเขาหารือเกี่ยวกับการฆาตกรรมครั้งนี้อย่างสุขุมและแปลกใจเล็กน้อ
ยที่เหยื่อยังคงมีลมหายใจอยู่ หลังจากที่ถูกไขควงแทง จากนั้นพวกเขาก็ทำการล้างมือและค้อนด้วยขวดน้ำ ก่อนที่จะเริ่มมีการหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สมในสิ่งที่พวกตนทำ เรื่องของวีดีโอดังกล่าวยังไม่จบ เมื่อวีดีโอดังกล่าวเกิดรั่วไหลออกสู่โลกภายนอก เมื่อถูกมือดีไปโพสลงเว็บไซต์แนว ช็อค ตามเว็บชื่อดังในอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2008 ซึ่งคนใหญ่โตในยูเครนออกมาแถลงว่าเป็นความผิดของกระทรวงมหาดไทยที่ปล่อยให้เกิดการรั่วไหลของเทปดังกล่าว ต่อมาวีดีโอดังกล่าวได้รับเรียกขานว่า 3 Guys 1 Karttakörn Bhm 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลุ่มฆาตกรกลุ่มเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์ลอยนวล ก็คือตอนแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อว่าฆาตกรที่เกิดขึ้นในพื้นที่เดอโพรเพ็ทโรส์ฟเป็นฝีมือกลุ่มฆาตกรกลุ่มเดียวกัน ทำให้แต่ละคดีไม่มีการเชื่อมโยงกัน จนกระทั้งคดีโจมตีเด็กสองคนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่เด็กชายที่รอดชีวิตได้ให้ตำรวจสเก็ตภาพฆาตกรที่โจมตีพวกเขาเอาไว้ หลายวันต่อมาวันที่ 14 กรกฏาคม ผู้หญิงอายุ 45 ปี ชื่อ นาตาเลีย มามาร์ชัค (Natalia Mamarchuk) ได้ขี่สกูตเตอร์ของเธอในหมู่บ้านใกล้เคียงที่หมู่บ้านดิโยว์ค (Diyovk) ในขณะที่เธอผ่านพื้นที่ป่า จู่ ๆ ก็มีชายสองคนวิ่งเข้ามาผลักเธอล้มลงจนนอนลงกับพื้น พวกเขาหยิบฆ้อน ท่อแป๊ป และกระบองตีเพื่อพยายามที่จะฆ่าเธอ

หากแต่ฆาตกรยังไม่ทันทีจะทำอะไรชาวบ้านท้องถิ่นเกิดขึ้นเสียก่อน ทำชายสองคนขี่สกูตเตอร์หายไป และเมื่อมีการสเก็ตภาพชายสองคนดังกล่าวปรากฏว่ามันตรงกับภาพสเก็ตของเด็กชายที่รอดชีวิตไม่มีผิด และนี้อีกที่ทำให้การสืบสวนคดีฆาตกรรมคืบหน้ามากขึ้น และเริ่มมีกระจายการ
สืบสวนเป็นวงกว้าง เพื่อสอบปากคำพยานกว่า 2,000 คน การสอบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ตอนแรกถูกเก็บความลับเอาไว้ ไม่มีการเผยแพร่ความคืบหน้าการสืบสวนให้คนในท้องถิ่นทราบ แต่กระนั้นก็มีข่าวลื่อมากมายที่ทำให้ชาวบ้านทราบว่าคดีที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เป็นคดีฆาตกรรต่อเนื่องหลายคนเลือกที่จะอยู่บ้านตอนกลางคืนเพื่อความปลอดภัย ในเวลาต่อมาการสืบสวนตำรวจเริ่มที่จะได้ตัวฆาตกรเมื่อพวกเขาพบรายการทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปในโรงรับจำนำท้องถิ่น ซึ่งเมื่อมีการสเก็ตภาพตามคำบอกเล่าของคนในโรงรับจำนำพบว่าตรงกับภาพสเก็ตฆาตกรต่อเนื่องจากคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิตสองรายก่อนหน้าไม่มีผิด 



กลุ่มฆาตกรกลุ่มเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ มาเนียสร์ทั้งหมดถูกจับกุมเมื่อวันที่ 23 กรกฏาคม 2007 เมื่ออีกอร์พยายามจำนำโทรศัพท์มือถือที่ขโมยจากเหยื่อรายหนึ่งในร้านค้นท้องถิ่น จนเป็นเหตุทำให้ตำรวจตามเบาะแสอีกอร์และพรรคพวกได้ โดยการติดเครื่องติดตามที่มือถือดังกล่าว อีกอร์และวิคเตอร์ถูกจับในร้านค้า ส่วนอเล็กซานเดอร์ถูกจับที่บ้านในขณะที่กำลังทิ้งโทรศัพท์มือถือดังกล่าวในห้องน้ำ สมาชิกกลุ่มเดอโพรเพ็ทโรส์ฟถูกตั้งข้อหาทั้งหมด 29 คดี แบ่งเป็นคดีฆาตกรรม 21 ราย และทำร้ายเหยื่อ 8 ราย ทั้งสามสารภาพอย่างรวดเร็วแม้ว่าในภายหลังอีกอร์จะกลับคำรับสารภาพ คดีทั้งหมดถูกนำไต่สวนในชั้นศาลเมื่อเดือนมิถุนายน 2008โดยทนายของสามผู้ต้องหาใช้อาการทางจิตมาเป็นเครื่องต่อรองลดโทษ หากแต่ผลสุดท้ายเมื่อพิจารณาจากหลักฐานและเทปบันทึกภาพการฆ่า หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าฆาตกรต่อเนื่องดังกล่าวจัดเป็น ฆาตกรด้วยความเพลิดเพลิน (spree killer) หรือปิติสุขเมื่อได้ฆ่า ซึ่งเป็นประเภทของฆาตกรที่เป็นอันตรายที่สุด



โดยฆาตกรประเภทนี้จะเกิดความรู้สึกสนุกสนานเมื่อได้ฆ่าเหยื่อรายแรก จะโดยบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม ซึ่งฆาตกรประเภทนี้มักเริ่มต้นฆ่าเหยื่อรายแรกด้วยอารมณ์โทสะที่ควบคุมไม่อยู่ อาจจะถูกยั่วยุหรือแรงกดดันที่มาตั้งแต่เกิด และความรู้สึกเมื่อได้ฆ่าเขาจะลิ้มรสแบบผู้มีชัย ผู้ยื่นเหนือชีวิตของผู้อื่นของคนอื่นที่สามารถมอบความตายให้แก่เหยื่อที่ถูกเขาฆ่าได้ มันได้แผ่ซ่านขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ทำให้เขามีความรู้สึกอิ่มเอิบเมื่อได้ฆ่าจนกลายเป็นเสพย์ติด และเขาจะฆ่าต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะจนมุมหรือถูกฆ่า ผลสุดท้ายผลตัดสินออกมาว่าจำเลยทั้งสามพบว่ามีความผิดจริง หากแต่ประเทศยูเครนไม่มีโทษประหลาด ผลก็คือวิคเตอร์ และอีกอร์ถูกจำคุกตลอดชีวิต (ในข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าและทารุณสัตว์) และอเล็กซานเดอร์ถูกจำคุกเก้าปี (ในข้อหาสมคบคิดและปล้นทรัพย์สิน) หลายฝ่ายเชื่อว่าที่ทำให้ทั้งสามลอยนวลจนบัดนี้ก็คือพวกเขามีพ่อแม่รวยและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีอิทธิพลทางกฎหมายในท้องถิ่นเพื่อให้การสืบสวนเบียนเบนเป็นคนและทิศละทางคือให้ทางการเชื่อว่าฆาตกรทั้งหมดมาจากครอบครัวที่ยากจน และผู้ปกครองทั้งสามแม้จะถูกศาลตัดสินไปแล้ว แต่จนบัดนี้พวกเขายังเชื่อว่าลูกของพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์โดยเชื่อว่าทั้งสามถูกบังคับให้สารภาพ เพื่อเป็นแพะรับบาป ซึ่งปัจจุบันผู้ปกครองและทนายของทั้งสามพยายามยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาของยูเครนและศาลสิทธิมนุษย์ชนของยุโรปเพื่อลดโทษฆาตกรทั้งสาม ต่อมามีการออกแบบผลการสำรวจความคิดเห็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเดอโพรเพ็ทโรส์ฟ ผลปรากฏว่า 50.3% เชื่อว่าการตัดสินนี้เป็นธรรม และ 48.6% ควรตัดสินโทษให้หนักมากขึ้น ในเดือนเมษายน 2011 มีการสำรวจความคิดอีกครั้งปรากฏว่าเกือบ 60% ของประชาชนชาวยูเครนอยากให้มีการลงโทษประหารฆาตกรต่อเนื่องในคดีนี้ ปัจจุบันเราสามารถหาคลิป 3 Guys 1 Hammer ได้ตามเว็บทั่วไป แม้ว่าหลายฝ่ายจะมีความพยายามที่จะลบคลิปดังกล่าวให้หายไปจากโลกอินเตอร์เน็ตก็ตาม.











Create Date : 15 กรกฎาคม 2558
Last Update : 28 กรกฎาคม 2558 13:09:47 น. 0 comments
Counter : 1093 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.