4 | | | ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก ประวัติศาสตร์ทั่วมุมโลก | | |

Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2558
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 
ซาดะมิชิ ฮิราซาวะ : หมอกดำของญี่ปุ่น

หนึ่งในคดีดังในตำนานของญี่ปุ่น ในที่นี้มีใครเคยอ่านนิยายสืบสวนญี่ปุ่น "คินดะอิจิ" ผลงานของโยโคมิโซะ เซชิ หรือเปล่าคะ? "คินดะอิจิ" เป็นนิยายแนวสืบสวนที่ตัวเอกคือ คินดะอิจิ โคสุเกะ เป็นนักสืบเอกชนในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ทำให้บรรยากาศนิยายยังเป็นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อของญี่ปุ่นด้วย) และถือว่าเป็นนิยายที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เนื่องจากบุคลิกของคินดะอิจิเป็นเอกลักษณ์ เป็นชายรูปร่างปานกลาง ปกติจะสวมกางเกงฮากามะยับยู่ยี่ และแต่งกายตามแบบฉบับของคนโสดที่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง และบุคลิกชอบเกาหัวอยู่เสมอ นิสัย ขี้อาย แต่เก่งเรื่องการปัญหาคดียาก ๆ โดยเขามักไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของครอบครัวคนอื่นที่เต็มไปด้วยด้านมืดของมนุษย์ ที่มาพร้อมประเพณีโบราณซึ่งแฝงไว้ด้วยกลิ่นไอของความน่ากลัว ความสยดสยอง คำสาปแช่ง การกดขี่เพศหญิง และความโศกเศร้ารันทดของฆาตกร ซึ่งคินดะอิจิจะต้องแก้ปมซึ่งฆาตกรผูกเอาไว้ใจจิตใจก่อนที่จะไขคดีทุกครั้งไป

นิยายของคินดะอิจิ โคสุเกะนั้นมีหลายเรื่อง หลายรส เพราะแต่ละตอนจะมีการใช้กลวิธีเล่าเรื่องแตกต่างกันออกไป บ้างก็ใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งที่คนบรรยายเป็นคินดะอิจิเอง บางทีก็บุคคลที่สอง บางทีก็มุมมองของพระเจ้า แต่ที่สำคัญนิยายบางเรื่องก็เอาคดีในตำนานของญี่ปุ่นที่เป็นเรื่องจริงมาดัดแปลงเหมือนกัน หนึ่งในตอนของคินดะอิจืที่เอาคดีในตำนานของญี่ปุ่นมาดัดแปลง คือเรื่อง บทเพลงปีศาจ โดยเนื้อหานิยายเริ่มขึ้นเมื่อเกิดคดีหายตัวของ ซุบากิ ฮิเดะสุเกะ ขุนนางผู้เชี่ยวชาญการเป่าฟลุต ต่อมาก็มีผู้พบศพเขาในป่า ว่าตายด้วยสารพิษชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่คนร้ายใช้ในคดี
ฆาตกรรมปล้นร้านเพชรเมื่อหลายปีก่อน แต่มิเนะโกะ ลูกสาวของเขาก็ไม่เชื่อว่าศพนั้นคือพ่อของเธอ เธอจึงมาขอร้องให้คินดะอิจิช่วยค้นหา ความจริง ระหว่างการสืบสวนเกิด เรื่องประหลาดขึ้นมากมาย ซึ่งทุก เรื่องล้วนเกี่ยวกับปีศาจ? ไม่ว่าจะ เป็นเสียงเพลงชื่อปีศาจผู้มาเป่าขลุ่ย ดังขึ้นเอง มีคนตายในห้องปิดตาย โดยมีตราแห่งปีศาจอยู่ข้างศพ ฯลฯ ซึ่งทุกสิ่งอันเกี่ยวกับปีศาจ เหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับฮิเดะสุเกะทั้งสิ้น

จุดที่นิยายเอาคดีในตำนานญี่ปุ่นมาดัดแปลงไม่ใช่คดีแกนหลักของเรื่องหากแต่เป็นคดี
ฆาตกรรมปล้นร้านเพชร ซึ่งเป็นคดีเปิดเรื่องของนิยายเรื่องดังกล่าวต่างหาก โดยคดีดังกล่าวถูกดัดแปลงจากคดีฆาตกรรมปล้นธนาคารโตเกียว หรือหลายคนเรียกว่า คดีซาดะมิชิ ฮิราาซะวะ และคดีคนญี่ปุ่นขนานนามว่าหมอกดำของญี่ปุ่น เพราะเนื้อหาของคดีนั้นน่ากลัว ลึกลับยิ่งกว่านิยายเสียอีก




ซาดะมิชิ ฮิราซะวะ (เกิดวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1892 10 พฤษภาคม 1987) เป็นจิตรกร ผู้ต้องสงสัยคดีวางยาพิษพนักงานธนาคารชานเมืองโตเกียว เขาถูกศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต เขาตายในคุกหลังจากนั้น และการตายของเขาทำให้หลายฝ่ายเริ่มสงสัยว่าเขาเป็นคนร้ายตัวจริงหรือเป็นเพียงแพะรับบาปที่ถูกใส่ร้ายทั้งที่ตัวเองบริสุทธิ์ หลายฝ่ายพยายามยืนยันความบริสุทธิ์ของซาดะมิชิ และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเองก็ไม่ลงนามให้ประหารชีวิตของเขา จนเป็นเหตุคดีดังกล่าวกลายเป็นคดีไขไม่ออกในตำนานของญี่ปุ่นในเวลาต่อมา เรื่องเริ่มเกิดขึ้นเมื่อในช่วงเช้าของวันที่ 26 มกราคม 1948 มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาในธนาคารเตโกกุ ชานเมืองโตเกียว ก่อนเวลาธนาคารจะเปิดทำการ ชายดังกล่าวอายุประมาณวัยกลางคน แต่งตัวภูมิฐานเหมือนคนมีการศึกษา เขาขอพูดกับผู้จัดการธนาคารโดยแนะนำตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ถูกส่งมาด้วยสหรัฐอเมริกา ที่มีคำสั่งให้ฉีดวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่ข้าราชการของรัฐเพื่อป้องกันโรคบิด ซึ่งเป็นโรคระบาดอันตรายที่เกิดขึ้นบริเวณใกล้เคียง ซึ่งปรากฏวาผู้จัดการและพนักงานธนาคารเชื่อคำอ้างของชายคนดังกล่าว เพราะว่าชายดังกล่าวมีบุคลิกดี น่าเชื่อถือ และไม่มีพิรุธน่าสงวัยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ผู้จัดการเลยเรียกพนักงานทั้งหมดในธนาคารกว่า 16 ชีวิตมารวมตัวกันในห้องทำงาน เนื่องจากยังเป็นตอนเช้า ธนาคารยังไม่เปิด อีกทั้งหลายคนคิดว่าการรับยาดังกล่าวจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นจึงทำให้ไม่มีพนักงานเฝ้าหน้าธนาคารหรือพนักงานทำความสะอาดเลยสักคนในเวลานั่น

เมื่อพนักงานทั้ง 16 คนรับยาดังกล่าวหมด ก็ไม่คาดคิดเลยว่ายาที่พวกเขาได้รับคือยาไซยาไนด์ชนิดละลาย ทำให้พนักงานทั้งหมดล้มระเนระนาดลงไปกับพื้นเกือบทันที บางคนขาดใจตายทันทีที่ทรุดลง ส่วนบางคนส่งเสียงคราญครางในวาระสุดท้ายพลางดิ้นทุรุนทุรายไปรอบ ๆ ในช่วงเวลานั้นเองชายที่อ้างว่ามาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ส่งมาเป็นผู้รักษาโรคก็กลายเป็นโจรปล้นธนาคาร เขากวาดเงินเท่าที่เขาพบได้เป็นจำนวน 160,000 เยน(600 ดอลลาร์ในขณะนั้น) ซึ่งถือว่าน้อยมาก และเมื่อโจรและเงินจำนวนดังกล่าวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เวลาต่อมาก็มีคนได้ยินเสียงครางแปลกๆ และเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือจึงเดินไปตามเสียงนั้นก็ไปพบพนักงานล้มระเนระนาดดังกล่าว เลยรีบตามคนมาช่วยและแจ้งแพทย์และตำรวจ หากแต่ผลปรากฏว่ามีพนักงานเสียชีวิตคาที่ก่อนหน้านี้แล้วไปถึงสิบคน และสองคนเสียชีวิตอย่างทรมานที่โรงพยาบาล 

ดูเผิน ๆ คดีนี้เหมือนไม่มีการวางแผน ไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด และดูจากรูปการแล้วคนร้ายน่าจะถ๔กจับไม่ยากเย็นนัก แต่กลายเป็นว่าคดีเล็กดังกล่าวได้ปานปลายจนกลายเป็นคดีใหญ่และเป็นคดีในตำนานของญี่ปุ่นต่อมา เนื่องจากเป็นคดีอุกอาจทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโตเกียวพยายามอย่างมากในการตามหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้จงได้ เนื่องจากนิสัยของญี่ปุ่นที่ชอบแลกเปลี่ยนนามบัตรกับรายละเอียดบุคคล ซึ่งนามบัตรดังกล่าวจึงเป็นหลักฐานแรกในการตามหาเบาะแสคนร้าย โดยนามบัตรระบุว่า จิโร่ยามากูชิ หากแต่เมื่อสืบแล้วไม่พบว่าเขาไม่ใช่คนร้าย นอกจากนี้คนร้ายยังใช้นามบัตรซึ่งระบุว่า ชิเงรุ มะสึอิ ซึ่งผลการสอบสวนไม่คืบหน้าเช่นกัน ดังนั้นการสอบสวนส่วนใหญ่จึงเน้นภาพร่างของคนร้ายจากความทรงจำของเหยื่อที่รอดชีวิต ตลอดจนผู้เห็นเหตุการณ์ตอนคนร้ายออกจากร้าน ลงหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อหาเบาะแส แน่นอนว่ามีข่าวเบาะแสต่างๆ เข้ามามากมาย ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่สอบปากคำผู้ต้องสงสัยกว่า 593 ราย จนกระทั้งพบผู้ต้องสงสัยเป็นชายคนคนหนึ่งชื่อ ซาดะมิชิ ฮารุซะวะ ซึ่งสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยชายดังกล่าวเนื่องจาก จู่ๆ เขามีรายได้เข้ามาจำนวนมาก โดยไม่ทราบที่มา อีกทั้งพยานหลายคนยังระบุว่าเขาคือฆาตกรที่วางยาพิษดังกล่าว

ซาดะมิชิ ฮารุซะวะถูกจับกุมเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 1948 หลังจากสืบทราบว่าในบ้านของเขานั้นมีเงินจำนวนมากโดยเจ้าตัวไม่สามารถบอกได้ว่ามันมาจากไหน หลังจากสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ (เชื่อว่ามีการทรมานให้ผู้ต้องหารับสารภาพ) ซาดะมิชิ ก็สารภาพ ซาดะมิชิเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1892 เป็นจิตรกรภาพสีน้ำมันที่ได้รับการศึกษาสถาบันศิลปะในฮอกไกโดเมื่อวันที่ 1912 และสำเร็จการศึกษาในปี 1913 แล้วเข้าร่วมสมาคมภาพสีน้ำมัน มีผลงานเล็กๆ น้อย ในงานนิทรรศการ ก่อนที่จะได้เป็นคณะกรรมการวาดภาพสีน้ำมันในปี 1930 ก่อนที่จะถูกจับกุมในคดีวางยาพิษที่ธนาคารโตเกียวในที่สุด ซาดะมิชิได้สารภาพ (ต่อมาก็ให้การกลับคำ) ว่าตนนั้นมีอาการทางจิต ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคคอร์ซาคอฟท์(ความจำเสื่อมไม่รู้จักเวลา สถานที่ บุคคล และพูดไม่จริง) จากผลลัพธ์จากการฉัดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า และเขาพยายามสู้ในชั้นศาลว่าเขาบริสุทธิ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมรับสารภาพ อีกทั้งเขายังอ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินก้อนใหญ่ที่เขาขายผลงานศิลปะโป๊ ภาพวาดลามกอนาจาร แต่มันน่าอายเกินไป อีกทั้งยังผิดกฎหมายเขาเลยไม่ได้ตอบ หากแต่สุดท้ายเขาก็ถูกศาลพิพากษาให้ประหารชีวิตในปี 1950 เนื่องจากเรื่องของเขาไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ขาดพยานหลักฐาน หากแต่ในช่วงเวลาดังกล่าวทนายของเขาพยายามถอดคำพิพากษาที่ศาลกีฏาของญี่ปุ่น ซึ่งปรากฏว่าได้ผล ส่งผลทำให้มีการเลื่อนคดีใหม่ อย่างไรก็ตามในปี 1955 เขายังถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคออีกครั้ง

เจ้าหน้าที่ตำรวจทำภาพตัดต่อคนร้ายในคดีดังกล่าว แต่ใบหน้าของคนร้ายเห็นได้ชัดเขนว่าไม่เหมือนซาดะมิชิ ซาดะมิชิยังคงอยู่ในคุกเพราะถูกต้องโทษทางอาญา เนื่องจากรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมไม่อนุมัติโทษประหารชีวิตแก่เขาเพราะว่ากระแสสังคมสมัยนั้นเชื่อว่าซาดะมิชิบริส
ุทธิ์ ในช่วงเวลานั้นเขาได้วาดภาพและเขียนอัตชีวประวัติของตัวเองลงในหนังสือ อีกทั้งหลายฝ่ายพยายามที่จะที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาอยู่เนื่องๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าภาพสเก็ตคนร้ายที่วาดจากปากคำของพยานนั้นไม่เหมือนซาดะมิชิเลย หากแต่ไม่สำเร็จซาดะมิชิเสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบในวัย 95 ปี(หลังติดคุกตะแลงแกงถึง 40 ปี) ในโรงพยาบาลคุกเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 1987 หลังจากที่สุขภาพทรุดโทรมมายาวนานตั้งแต่ปี 1987 จนองค์กรนิรโทษกรรมสากลยื่นคำร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นปล่อยตัวเขามาแล้ว หากแต่ถูกปฏิเสธ

หลังจากการตายของซาดะมิชิ ก็มีหลายฝ่ายพยายามล้างชื่อของเขาออกจากประวัติอาชญากรรม โดยพยายามส่งหลักฐานใหม่ๆ เพื่อให้ศาลมีการดำเนินคดีใหม่ๆ ล่าสุดในปี 2008 ทนายความของซาดะมิชิได้ยื่นหลักฐานใหม่เพื่อยืนยันว่าลูกความของเขาบริสุทธิ์ต่อไป โดยล่าสุดนั้นมีการเปิดเผยเทปบันทึกลับ(ซาดะมิชิแอบนำเข้าไปในคุกในเรือนจำจังหวัดมิยากิในปี 1977 และ 1980 เพราะกฎของเรือนจำห้ามมีการบันทึกหรือถ่ายภาพ)โดยบุตรบุญธรรมขของซาดะมิชิที่ชื่อว่าพ่อของเขาบริสุทธิ์ โดยเนื้อหาบันทึกแสดงให้เห็นว่าซาดะมิชิมีจิตใจเข้มแข็งและไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นเลย เรื่องราวของซาดะมิชิถูกดัดแปลงในสื่อต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิยายนักสืบ การ์ตูน หรือภาพยนตร์ พร้อมกับคำสันนิษฐานใหม่ๆ เข้ามา โดยสันนิษฐานว่าคนร้ายตัวจริงคดีนี้คือ ไซโช มัตซูโมโต้ (หนังสือนวนิยายเรื่อง คูโรอิ ไคจุ ที่เนื้อหาเกี่ยวกับคู่รักฆ่าตัวตาย) หรือเป็นหน่วยปฏิบัติการ 731 ก็มี (ปฏิบัติการทางการแพทย์ของญี่ปุ่นที่ใช้มนุษย์เป็นหนูทดลอง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อผลิตอาวุธชีวภาพและเคมี) โดยเชื่อว่ามีคนจากหน่วยดังกล่าวทดลองยาพิษแก่พนักงานธนาคารทั้งหมด 19 คน สาเหตุที่สันนิษฐานนี้ก็เนื่องจากยาพิษที่ใช้ก่อคดีนั้นหาได้ยาก อีกทั้งต้องมีความรู้ในเรื่องยาพิษพอสมควร และการที่จะมียาดังกล่าวมาครอบครองนั้นบุคคลนั้นจะต้องมีสิทธิพิเศษ เช่น ทำงานให้กับหน่วย 731 ซึ่งเป็นองค์กรลับภายในกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น และเชื่อว่ามีอำนาจมืดในการกดดันการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้ ปัจจุบันคดีของซาดะมิชิยังคงลึกลับ และเป็นเรื่องยากที่จะพลิกคดีดังกล่าว



Cr. Cammy // Writer.Dek-D.com








Create Date : 15 กรกฎาคม 2558
Last Update : 19 ตุลาคม 2558 14:26:00 น. 0 comments
Counter : 921 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hathairat2011
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]










Google

ขอบคุณที่แวะมา
อย่าลืมคอมเม้นท์นะจ้ะ

Flag Counter

ส่งอีเมล์

Facebook ของ Hathairat



New Comments
Friends' blogs
[Add hathairat2011's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.