28.07.254 คนไทยกับ ๓ คำเจ้าปัญหา:เชื้อชาติ-กลุ่มชาติพันธุ์-อัตลักษณ์ จากปาฐกถา อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์
คนไทยกับ ๓ คำเจ้าปัญหา : เชื้อชาติ-กลุ่มชาติพันธุ์-อัตลักษณ์
หมายเหตุ : บทความนี้ได้คัดลอกมาจากหนังสือศิลปวัฒนธรรม จากปาฐกถาของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ บทความฟรี มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ลำดับที่ 623 เผยแพร่บนเว็ปไซต์นี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘
เกริ่นนำ วันนี้การถกเถียงเรื่องความเป็นใคร ไทย จีน หรือแขก? ดูกว้างขวางขึ้นทุกที มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับเครือซิเมนต์ไทย และนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ได้จัดงานภูมิสังคมเสวนาสาธารณะ เรื่องคนไทยหลายเผ่าพันธุ์ ๓,๐๐๐ ปี ในสุวรรณภูมิ ณ ท้องพระโรง วังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันพุธที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ โดยบทความนี้เป็นการปาฐกถานำของงาน เรื่อง "คนไทย" โดยอาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่คัดย่อมานำเสนอ (ศิลปวัฒนธรรม)เริ่มต้น ขอเริ่มต้นเรื่องของคนไทย หรือของชาติไทย โดยความคิดของเราที่เกี่ยวกับชาติไทยนั้น มาจากคำ ๓ คำ ที่ทำให้เกิดความสับสนในความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นชาติของพวกเราคนไทย
คำแรก"เชื้อชาติ" ซึ่งฝรั่งเรียกว่า Race ขอให้สังเกตครับว่า ความคิดที่อยู่เบื้องหลังเป็นคุณสมบัติบางอย่างในทางชีววิทยาที่มีอยู่ติดตัวคนโดยตายตัวไม่เปลี่ยนแปลงเลย แน่นอนนักชีววิทยาในโลกนี้ค้นให้ตายก็ค้นไม่พบ มันเป็นสิ่งที่คนสมมุติขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ว่าคนเชื้อชาตินั้นๆ จะอพยพไปอยู่ที่ไหน ผสมกับเชื้อชาติอื่นขนาดไหน ยังคงมีเม็ดเชื้อชาติที่มันซ่อนอยู่ในตัว คุณลักษณะทางชีววิทยาที่ซ่อนอยู่ในตัวที่จะไม่ถูกกระทบ ไม่เปลี่ยนแปลงเลย ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิด เป็นการสร้างแนวคิดที่ผิด
ฝรั่งในศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นมา มีการผลักดันความเป็นชาตินิยม โดยเฉพาะในยุโรปตะวันออก สมัยหนึ่งนั้นเคยเป็นดินแดนอาณานิคมของออสเตรียฮังการีบ้าง ตุรกีบ้าง คนในยุโรปตะวันออก ณ เวลานั้นรู้สึกตัวเอง แตกต่างจากผู้ปกครอง พูดภาษาก็ไม่เหมือนกัน วัฒนธรรมก็ไม่เหมือนกัน รวมทั้งมีไอ้เม็ดวิเศษที่เรียกว่าเชื้อชาติ ฝังอยู่ในตัวแตกต่างจากชาติอื่นๆ ที่มาเป็นผู้ปกครองตัวเองด้วย จึงผลักดันเคลื่อนไหวในทางชาตินิยมในยุโรปตะวันออก ซึ่งยุโรปตะวันตกเป็นคนริเริ่มเรื่องเชื้อชาติ และเผยแพร่ไปทั่วโลก
ผลจากการเชื่อนี้ทำให้เกิดเผด็จการ เช่น นาซี ที่ยืนยันในการสร้างความบริสุทธิ์ของกลุ่มเชื้อชาติอารยัน อย่างนี้เป็นต้น รวมทั้งการรังเกียจยิปซี รังเกียจยิว รังเกียจใครก็ตามแต่ที่ไม่มีเชื้อชาติอารยันด้วย และอย่างที่ผมได้พูดแล้วว่า ประเทศไทยเองใช้คติเรื่องเชื้อชาติ หรือไอ้เม็ดที่มันอยู่ตายตัว มีในตัวของเราแล้วใช้มันเป็นฐานในการสร้างชาติของไทยเรา
อย่างที่บอกไปแล้ว มันเป็น Misconception หรือการสร้างแนวคิดที่ผิด พวกที่เราเรียกว่าไต หรือไทนั้น กลับไปดูประวัติศาสตร์แล้วจะพบว่า ที่เรียกตัวเองว่าไต หรือไท หรือที่พูดภาษาที่เรียกว่าไต หรือไทก็ตาม ไม่เคยอยู่โดดเดี่ยวเลย อยู่ร่วมกับชนชาติอื่นๆ ตลอดมา
ถ้าดูถึงคนไต หรือไท ที่อยู่ในประเทศจีนในปัจจุบันนี้ ก่อนหน้าที่พวกจีนจะอพยพมาทางใต้ พวกนี้ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเหมือนกัน ไต หรือไทอยู่ร่วมกับคนภาษาอื่นในวัฒนธรรมอื่น มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันตลอดมา มีการผสมเผ่าพันธุ์ระหว่างกันตลอดมา ฉะนั้น ยิ่งพูดถึงไต หรือไท แล้วไปผูกพันความเป็นชาติไทย กับกลุ่มคนที่อ้างว่ามีเชื้อชาติเป็นไต หรือไทนั้นเลื่อนลอย
Source://www.peace.mahidol.ac.th/th/index.php?option=com_content&task=view&id=189&Itemid=162
--------------------------------------------------------------
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557 |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2557 22:01:11 น. |
|
3 comments
|
Counter : 676 Pageviews. |
|
|
|
คำที่ ๒ คือ "กลุ่มชาติพันธุ์" ซึ่งไม่เกี่ยวกับชีววิทยา ไม่เกี่ยวกับเม็ดเลือด ไม่เกี่ยวกับเม็ดอะไร ที่ว่าติดตัวอยู่กับเราตลอดเวลานั้นไม่ใช่ กลุ่มชาติพันธุ์ คือ กลุ่มวัฒนธรรมที่แปรเปลี่ยนได้ ไม่อยู่คงที่ ไม่ตายตัวเหมือนเชื้อชาติ และรับสมาชิกใหม่ก็ได้ เช่น คนไทยที่ไปอยู่อเมริกา จนกระทั่งพูดภาษาไทยไม่เป็น ไม่มีความรู้สึกเป็นไทยเลย รับเอาวัฒนธรรมอเมริกันทุกอย่าง เขาก็ไม่อยู่ในชาติพันธุ์ไทยอีก เพราะเขาสังกัดอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับประเทศไทยทั้งสิ้น
ฉะนั้นความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จึงสั่งสมได้ อย่างที่คุณสุจิตต์ได้พูดไว้ บางอย่างสั่งสมได้ เป็นกว่า ๑,๐๐๐ ปี จากคนหลายเชื้อชาติ ไม่มีกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มไหนที่อยู่โดดเดี่ยว ต้องมีการแลกเปลี่ยนกับพ่อค้า มีการติดต่อสื่อสาร พูดได้ว่าทั้งโลก เราจะหากลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ผสมปนเป ไม่มีความหลากหลายในตัวมันเองไม่มีเลย การเกิดลักษณะในทางวัฒนธรรม เช่น ภาษา การแต่งกาย ฯลฯ ซึ่งแปรเปลี่ยน ไม่ได้อยู่คงที่ตายตัวตลอดเวลา
ปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ มันไม่ผิดในตัวมันเอง มันผิดที่ว่าเราสมมุติให้มันเป็นลักษณะจำเพาะทางวัฒนธรรมบางอย่าง แล้วไปยัดเยียดให้คนอื่นๆ ซึ่งรวมอยู่ในชาติของเรา ข้อน่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้กลุ่มชาติพันธุ์เป็นฐานคิดถึงความเป็นชาติได้ก็จริง แต่เมื่อเรายึดชาติพันธุ์เราต้องไม่ยึดเชื้อชาติ
คนไทยที่อยู่ในประเทศไทยปัจจุบันนี้ เป็นพี่น้องกับมอญ, เขมร ยิ่งกว่าเป็นพี่น้องไทยอาหม, ไทยคำตี่, ไต หรือไท เป็นต้น ห่างไกลจากเราทั้งสิ้น ถ้าเราลองใช้ชีวิตร่วมกับไทยอาหม, ไทยคำตี่ เราจะรู้ว่าการใช้ชีวิตแตกต่างกันมาก
คำที่ ๓ ซึ่งผมคิดว่า ทำให้เกิดความสับสน คือ "อัตลักษณ์" แน่นอนอัตลักษณ์เป็นสิ่งที่ไม่ได้ปรากฏขึ้นเอง แต่เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นโดยทุกฝ่าย (หมายถึงทุกคน)เมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ นั้น เรามีอัตลักษณ์ ๒ อย่าง ๑. The Land of Smile คือ "สยามเมืองยิ้ม" ที่คนอื่นเขาสร้างให้เรา จนปัจจุบันนี้เรายังพอใจใช้ในการขายของการท่องเที่ยวฯ ผมไม่ทราบว่าฝรั่งเขายกย่องหรือไม่ได้ยกย่อง ที่เราเป็น The Land of Smile เพราะฝรั่งยิ้มเป็นในความหมายเดียว ขณะที่คนไทยใช้การยิ้มเพื่อสื่อความหมายหลายอย่างมาก เช่น ยิ้มแหะๆ แปลว่าอะไร ไม่มีในภาษาฝรั่ง ผมเชื่อว่าฝรั่งไม่เข้าใจ
๒. The Land of Siamese Talk เป็นอัตลักษณ์ที่ฝรั่งยัดเยียดให้เรา เราพยายามทำให้คำนี้หายไปในความรู้สึกนึกคิดของเรา ความเป็นอัตลักษณ์ของเรา แล้วยกย่อง The Land of Smile เป็นอัตลักษณ์แทน
ที่ต้องยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อบอกให้รู้ว่า เมื่อไรที่เราพูดถึงเรื่องอัตลักษณ์ เมื่อนั้นเรากำลังพูดถึงสิทธิ สิทธิของประเทศไทยต่อคนอื่นๆ ในโลก