I AM SOMEONE
<<
เมษายน 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
14 เมษายน 2565

เธอทำให้ฉันเห็นวันพรุ่งนี้ ตอนที่ 19

ครึ่งปีผ่านไปในการทำความรู้จัก แม้จะเจอะเจอกันเพียงเดือนละสองครั้ง ก็ทำให้ความรู้สึกดีๆ ระหว่างทั้งคู่ค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น จากระยะเวลาที่พูดคุยกันหลังการรักษาแค่ครึ่งชั่วโมง เป็นหนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมง จนไปถึงสามชั่วโมงอย่างไม่รู้เบื่อ

จากมิตรภาพของคนไข้ต่างวัยของจิตแพทย์คนเดียวกัน พัฒนาเป็นความรู้สึกพิเศษที่ทั้งคู่ก็มิอาจปฏิเสธได้ กระทั่งอาการของระมิงค์ดีวันดีคืน จนจิตแพทย์เจ้าของไข้บอกกับเธอว่า “คุณอาการดีขึ้นจนเรียกได้ว่าหายแล้วนะคะ”
“จริงเหรอคะ” หญิงสาวถามย้ำเสียงใสราวกับถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง
“อื้อจริงสิคะ คุณรู้สึกตัวมั้ยล่ะ ว่ามันปกติแล้ว”
“ค่ะ รู้สึกว่านอนหลับสบาย มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่มากขึ้น โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น ไม่รู้สึกดิ่งเหมือนก่อน เลิกบ่นว่าเบื่อโลกตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอยากมีชีวิตอยู่อีกนานๆ จากหมดอาลัยตายอยากอยู่ไปวันๆ ก็อยากลุกมาทำโน่นทำนี่ อยากเห็นอนาคตของตัวเองมากกว่าแค่ปัจจุบันค่ะ”
“นั่นล่ะ หายแล้ว หมอบอกคุณตั้งแต่อาทิตย์ก่อนๆ แล้วนี่ว่าคุณจะต้องหายเร็วๆ นี้ เพราะลดยาลงเรื่อยๆ อาทิตย์นี้คงเป็นอาทิตย์สุดท้ายที่เราจะได้เจอกันแล้วล่ะนะ”
“โห ใจหายเหมือนกันนะคะ เจอหมอมาเป็นปีๆ จะไม่ได้เจอแล้วเหรอนี่”
“หรืออยากเจออีกล่ะคะ”
“โอ้ ไม่ๆๆๆ ล่ะค่ะ พอแล้วๆ”
“หึๆๆ ดูแลตัวเองดีๆ ถ้าเป็นไปได้อย่ากลับมาอีกนะคะ”
“ฮ่าๆๆๆ หมอไล่อย่างไม่มีเยื่อใยกันเลย”
“เจอกันที่อื่นที่ไม่ใช่คลินิกดีกว่าค่ะ”
“โอเคค่ะหมอ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะคะ” เธอยกมือไหว้ขอบคุณจิตแพทย์ที่อายุมากกว่าเธอราวสองสามปี ก่อนจะเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าแช่มชื่น

เจนสบตาเธอก่อนเดินเข้าห้องตรวจต่อ ไม่ถึงสิบนาที ก็ออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด
“อ้าว คุณเจน ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ” ระมิงค์รีบทักด้วยความเป็นกังวล “อาการแย่ลงเหรอ”
“เปล่าครับ ผมถามหมอว่าทำไมคนไข้ก่อนหน้าผมถึงยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาจากห้องตรวจ”
“อ้าว ทำไมหมอบอกความลับของคนไข้”
“ไม่ได้บอกความลับหรอกครับ ผมเคยเล่าให้หมอฟังเองล่ะฮะว่า เราสองคนมาด้วยกัน และสัญญาว่าจะช่วยดูแลจิตใจกันและกัน หมอก็เห็นดีด้วย หมอก็เลยต้องบอกความจริงว่าต่อไปผมคงต้องมาคนเดียวแล้ว และหวังว่าอาการผมคงไม่แย่ลงกว่านี้เมื่อรู้ว่าคุณหายก่อนผม”
“โธ่ คุณเจนอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ พี่ไม่ได้ทิ้งคุณเจนไปไหนเสียหน่อย ก็ยังอยู่เป็นกำลังใจกันนี่แหละค่ะ แค่พี่หายก่อนเท่านั้นเอง อย่าลืมนะว่าพี่รักษาก่อนคุณเป็นปีๆ จนเงินหมดแล้วเนี่ย คุณเจนไม่ดีใจหรอกเหรอคะ ไหนว่าอยากให้พี่หายไวๆ ไง”
“ครับผม ผมเข้าใจครับ และผมก็ดีใจกับคุณมิ้งด้วย ผมผิดเองที่ไม่เคร่งครัดในการกินยา ไม่งั้นเราคงหายพร้อมๆ กัน แต่ก็ดีครับ ต่อไปผมจะดูแลตัวเองให้มากขึ้น เมื่อคุณหาย ผมก็ต้องหาย” เขาให้กำลังใจตัวเอง ระมิงค์ชูสองนิ้วให้เขาจึงยิ้มออก

ระหว่างทางที่ทั้งคู่นั่งรถกลับ เจนนึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่ระมิงค์เคยพูดไว้หลายเดือนก่อน ไม่รู้ว่าเธอจะยังจำได้หรือเปล่า แต่สำหรับเขาไม่เคยลืม
“คุณมิ้ง จำได้มั้ยครับว่าเคยบอกกับผมว่า ถ้าหายแล้วอยากไปเที่ยว”
“อ๋อ จำได้สิคะ คุณเจนความจำดีจัง”
“เขียนไว้ในแพลนเนอร์หรือยังครับว่าจะไปไหน”
“แฮ่ๆๆ สารภาพนะ ยังไม่ได้คิดเลย เคยไปส่องในอินเทอร์เน็ตอยู่บ้างเหมือนกันจะไปเที่ยวไหนดี แต่ก็ได้แต่ส่อง เพราะยังไม่มีโอกาส แถมช่วงนี้หน้าฝนด้วย พี่เลยคิดไม่ออก”
“หน้าฝนก็เที่ยวได้นะครับ แนวแอดเวนเจอร์หน่อย”
“แต่พี่แก่แล้ว...คงแอดเวนเจอร์ไม่ไหว เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งเอา”
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนสิครับ ผมดูแลคุณได้นะ” ประโยคท้ายทำเอาหญิงสาวใจหายแว้บ เขามักจะพูดเฉียดไปเฉียดมาแบบนี้เสมอ จนเธอเองก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเพียงคำพูดสัพยอกของหนุ่มรุ่นน้องหรือความตั้งใจที่จะให้มีความหมายตามนั้น
“เอ่อ...ยังไม่รู้จะไปไหนเลยค่ะ”
“หรือคุณมิ้งอึดอัดที่ผมจะไปด้วยล่ะครับ คุณมิ้งอยากไปกับคนอื่นใช่หรือเปล่า” เจนถามดื้อๆ จนเธอออกอาการประหม่า
“อ่อ...ปะ ปะเปล่านะคะ พี่แค่ไม่คิดว่าคุณเจนอยากไปเที่ยวกับพี่จริงๆ หนุ่มๆ อย่างคุณน่าจะชอบไปเที่ยวสรวลเสเฮฮากับคนวัยเดียวกันมากกว่าไปกับผู้หญิงสโลว์ไลฟ์อย่างพี่”
“ฮ่าๆๆๆ เข้าใจผิดแล้วครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ผมเที่ยวจนโชกโชนแล้ว เบื่อแล้วครับ อยากชิลล์ๆ แบบผู้ใหญ่ๆ บ้าง”
“งั้นคุณเจนอยากไปไหนล่ะคะ” เมื่อได้ยินระมิงค์ถามแบบนี้ เจนหัวใจพองโตทันที แสดงว่าเธอไม่ปฏิเสธหรือนึกรังเกียจนักที่จะให้เขาไปด้วย
“ผมอยากชวนคุณมิ้งไปเยี่ยมแม่ผมที่นครพนมครับ”
“นครพนม?” เธอถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิด
“ครับ ไกลไปหรือครับ หรือว่าเคยไปแล้ว”
“อ๋อ เปล่าค่ะ พี่แค่นึกไม่ถึงเท่านั้นเองว่าเราจะไปอีสานกัน”
“ปลายฝนต้นหนาวหลายคนนึกถึงแต่ภาคเหนือ จริงๆ แล้วภาคอีสานก็น่าเที่ยวเหมือนกัน มีอะไรน่าสนใจเยอะ คุณเคยไปมั้ยครับ”
“พี่ไปไกลสุดแค่โคราชค่ะ ไปเที่ยวเขาใหญ่กับวังน้ำเขียว”
“จะว่าไป ผมเองก็ไม่ค่อยได้ไป นครพนมก็ไปตั้งแต่เด็กๆ จำไม่ได้แล้วด้วย สมัยเรียนเคยไปออกค่ายอยู่แถวกาฬสินธุ์ กับยโสธร แล้วไปเที่ยวเทศกาลดนตรีที่เขาใหญ่กับเขื่อนอุบลรัตน์ ส่วนปีที่แล้วก็ไปงานแต่งงานเพื่อนที่อุดรแค่นั้นเองฮะ”
“เที่ยวมากกว่าพี่เยอะเลยค่ะ”
“หรือว่าคุณไม่อยากไป เปลี่ยนเป็นที่อื่นก็ได้นะ คุณเลือกเลย ผมไปได้หมด”
“เดี๋ยวๆๆ ค่ะ พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่อยากไป นครพนมก็ดีค่ะ ติดริมโขงใช่มั้ยคะ”
“ครับผม แม่น้ำโขงกั้นไทยลาว”
“ไปสะพานมิตรภาพด้วยนะ คงสวยน่าดู” หญิงสาวเริ่มจินตนาการ
“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มด้วยความดีใจที่เธอไม่ปฏิเสธ “งั้นพร้อมเมื่อไหร่บอกผมนะครับ เราจะขับรถไปกัน”
“มันมีเครื่องบินไปลงที่นครพนมนี่คะ”
“ผมชอบขับรถครับ แม่ผมไม่ได้อยู่ในตัวอำเภอเมืองต้องออกไปหลายกิโลอีก ขับรถไปเองสะดวกกว่าเผื่อได้แวะเที่ยวที่อื่นด้วย คุณมิ้งโอเคมั้ย”
“อืม...น่าสนใจค่ะ” เธอออกอาการลังเลแต่ก็รับปากไป เพราะไม่อยากเรื่องมาก แต่เอาเข้าจริงเธอก็เป็นห่วงสังขารตัวเองไม่น้อย
“ผมอยากไปเจอแม่เหมือนกัน เป็นปีแล้วที่ไม่ได้คุยกับแม่”
“อ้าว แล้วไม่คิดจะโทรหาท่านบ้างหรือคะ”
เขาส่ายหน้าก่อนตอบ “โทรไปว่าไงล่ะครับ แม่สบายดีมั้ย ทำไรอยู่ กินข้าวหรือยัง อย่างนี้หรือครับ ผมไม่เคยถามแกเลย ผมว่าแม่คงไม่อยากจะตอบหรอกครับ”
“คุณคิดไปเอง” เธอว่า ในใจก็อยากตำหนิเขามากกว่านี้ด้วยซ้ำ
“ผมกับแม่ก็มีความคล้ายกันตรงที่ทิฐิเยอะ เอาเป็นว่า ไปหาไปดูให้เห็นกับตาเลยดีกว่า”
“โอเคค่ะ เดี๋ยวพี่ขอกลับไปดูตารางงานก่อนนะคะ ว่าว่างช่วงไหนบ้าง ไปกันกี่วันดีคะ”
“แล้วแต่คุณมิ้งเลยครับ อยากเที่ยวกี่วันก็ได้”
“ไม่สิ คุณต้องทำงานนี่นา”
“ร้านผมเอง จะห่วงอะไร”
“แหม พูดซะเหมือนพี่เห็นแก่ตัวเลยอ่ะ”
“คิดมากน่า ผมไม่ได้ว่าคุณซะหน่อย ผมก็อยากพักเหมือนกัน เผื่อจะได้หายไวๆ บ้าง อ้อ แต่ผมบอกก่อนนะว่าผมไม่ได้ไปนานแล้วและไม่เคยขับรถไป เราอาจจะต้องหลงทางกันบ้าง ฮ่าๆๆๆ”
“อ้าว ไหงว่างั้นล่ะคะ” ระมิงค์หน้ามุ่ย “ยุคนี้เขาใช้ GPS นำทางกันแล้ว”
“ไม่เคยดูข่าวหรือครับ มันนำไปตกเขาก็มีนะครับ”
“เฮ้ย!!”
“ฮ่าๆๆ ผมแหย่เล่นนะฮะ ไม่พาคุณหลงหรอกน่า อย่างมากก็น้ำมันหมดกลางทาง”
“เอ๊ะ นี่พี่จะไว้ใจคุณเจนได้หรือเปล่าเนี่ย”
“ได้สิครับ โธ่ ใครจะปล่อยให้คนสวยๆ ลำบากได้ล่ะครับ” ชายหนุ่มหยอดใส่หญิงสาวรุ่นพี่อีกดอก จนเธอหันหน้าไปทางกระจกแอบยิ้มมุมปากด้วยความเขินอาย



Create Date : 14 เมษายน 2565
Last Update : 14 เมษายน 2565 14:57:22 น. 0 comments
Counter : 421 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]