I AM SOMEONE
<<
กุมภาพันธ์ 2565
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
18 กุมภาพันธ์ 2565

เธอทำให้ฉันเห็นวันพรุ่งนี้ ตอนที่ 10

ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในรอบสี่ห้าเดือนที่ผ่านมาดูเหมือนจะมีพัฒนาการอยู่บ้าง ต่างรู้จักในกันและกันมากขึ้น แต่อาจจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก เพราะพิธานมีภารกิจที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเนืองๆ เดือนหนึ่งเจอกันเพียงหนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น เขาเองก็พยายามที่จะโทรหาหญิงสาวเสมอๆ แต่ด้วยความที่วัยค่อนข้างห่างกันมาก และหน้าที่การงานก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงอาจจะเป็นอุปสรรคในการจูนเรื่องที่จะคุย

พิธานมีความสุขที่หญิงสาวทำให้เขาชุ่มชื่นหัวใจอีกครั้ง ได้แสดงความเป็นตัวของตัวเองอย่างเปิดเผย หลังจากที่สูญเสียภรรยาไปหลายสิบปี เขาไม่เคยคบหาผู้หญิงคนไหนจริงจัง ทั้งที่เขาก็เหงาอยู่ไม่น้อย แต่หาผู้หญิงถูกใจสักคนยากเหลือเกิน ลูกชายคนเดียวของเขาก็ไม่ค่อยยอมรับใครเข้ามาครอบครัวง่ายๆ แม้จะมีสาวน้อยสาวใหญ่พยายามเข้าหาเขาโดยตลอด เพียงแต่เขายังไม่ตัดสินใจเลือกใครเลย จนกระทั่งลูกชายเป็นผู้คัดสรรให้เอง โดยแนะนำให้รู้จักกับระมิงค์

ไม่ใช่แค่ความสวยที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่ความฉลาด และความเรียบง่ายของระมิงค์ยังทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวมานานของพิธานกลับฟื้นขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เธอไม่เคยเรียกร้องอยากได้อะไรพิเศษจากเขาเลยไม่ว่าจะเป็นโอกาสพิเศษอย่างวันเกิด วันปีใหม่ หรือวาเลนไทน์ก็ตาม
ขณะที่หัวใจระมิงค์กลับยังนิ่งงัน เหมือนถูกสาป เพื่อนสนิทที่รู้เรื่องพิธานกับเธอยังสงสัยว่าทำไมระมิงค์ถึงไม่ยอมใจอ่อนเสียทีทั้งที่หนุ่มใหญ่ก็ออกจะแสนดีพร้อม

“หรือเพราะเขาแก่เกินไป” อ้อตั้งคำถาม
“ไม่ใช่หรอก เขาดูไม่แก่เท่าอายุจริงด้วยซ้ำ”
“ก็นั่นสิ แล้วเพราะอะไรที่แกไม่ยอมให้เขามานั่งในหัวใจสักที”
“ไม่รู้สิอ้อ ฉันคิดว่าฉันตายด้านแล้วมั้ง ฉันพยายามทำใจให้ชอบเขานะ แต่ทำไมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย เหมือนเขาเป็นแค่พี่ชายหรืออะไรสักอย่างที่เป็นมากกว่านั้นไม่ได้”
“ถ้าวันหนึ่งเขาหายไป แกจะคิดถึงเขามั้ย” อ้อซักต่อ
“คิดว่าไม่นะ มีบางคำพูดที่เขาพูดคล้ายๆ ป๊อบ ดูแลฉันเหมือนป๊อบ ฉันก็คิดถึงป๊อบขึ้นมา แล้วกลับมาร้องไห้ โดยไม่ได้คิดถึงเขาเลย สงสารเขาเหมือนกันแหละ”
“ฉันไม่ได้ห้ามแกคิดถึงป๊อบนะเพราะทุกคนก็ล้วนมีความทรงจำทั้งนั้นแหละถ้าสมองไม่เสื่อมซะก่อน แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อไปเปล่าวะ”
“ฉันก็เข้าใจ มีพี่เขาเข้ามามันก็ช่วยให้หายเหงาหายเบื่อชีวิตได้อยู่บ้าง แต่ฉันไม่ได้อยากเจอเขาบ่อยๆ ฉันโอเคมากที่เขาไม่มีเวลาว่างมาเจอฉัน เพราะฉันพอใจที่จะอยู่คนเดียวแบบนี้”
“อะไรวะ งงจริงๆ แล้วเขารู้หรือยังว่าแกเป็นโรคซึมเศร้า”
“ยัง ฉันไม่เคยบอก”
“ทำไมไม่บอกเขาวะ รู้จักกันตั้งหลายเดือนแล้ว”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่อยากให้ใครมารักฉันเพราะความสงสารสมเพชเวทนา ก่อนหน้านี้พอใครๆ รู้ว่าฉันเป็น ทุกคนก็ดูแลเทคแคร์ฉันเวอร์เกินไป เหมือนฉันเป็นเด็ก จนฉันรู้สึกอึดอัด สู้ไม่รู้เลยดีกว่า”
“ฉันสงสารลุงพิธานจังเลย ที่ต้องมารักคนอย่างแก”
“บ้าเหรอ ลุงเลิงอะไรกัน พี่สิพี่...” ระมิงค์พูดจบ ทั้งคู่หัวเราะร่วน

....................................

ผ่านพ้นครึ่งปีของการศึกษาดูใจกันและกันระหว่างหนุ่มใหญ่กับหญิงสาว และแล้วความสัมพันธ์ต้องมีอันชะงักไป เพราะระมิงค์แสดงออกค่อนข้างชัดเจนมากขึ้นว่าเธอไม่ได้รู้สึกพิเศษไปมากกว่านี้ พิธานจึงค่อยๆ ถอยห่างออกมา บวกกับภาระหน้าที่ที่วุ่นวายมากขึ้น เขาได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้นจำเป็นต้องย้ายไปประจำอยู่ต่างจังหวัดจนทำให้หัวใจของเขาที่เคยเต้นตูมตามเหมือนตอนแรกเจอค่อยแผ่วลงเรื่อยๆ และกลับสู่ภาวะปกติ

เมื่อมาถึงชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเจน เขายังดูเหมือนวัยรุ่นที่เพิ่งผ่านพ้นรั้วมหาวิทยาลัยมาไม่นาน ระมิงค์ไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังสนใจในตัวเธอหรอก แต่เธอคิดว่าเขาคงเหงาและต้องการเพื่อนที่เข้าใจในความรู้สึกของเขา เพราะเราต่างคนต่างก็ป่วยด้วยกันทั้งคู่ หากจะมาช่วยกันรักษาก็น่าจะดี จะได้ไม่ต้องเป็นภาระของหมออีกต่อไป
“พี่ว่าดูภายนอก คุณเจนไม่น่าจะเป็นคนคิดเยอะจนถึงขั้นนอนไม่หลับนะคะ” ระมิงค์เปิดหัวข้อสนทนา
“ครับ ใครๆ ก็ว่างั้น ผมอาจจะดูไร้สาระ แต่ความจริงก็ไร้สาระนั่นแหละครับ ฮ่าๆๆ” เขาพูดติดตลก
“หึๆๆ แล้วอะไรที่ทำให้นอนไม่หลับล่ะ”
“ยาวหน่อยนะครับ” เจนขยับตัวทำท่าเริ่มต้นเล่าอย่างตั้งอกตั้งใจ “ผมเคยแต่งงานมาแล้วเมื่อตอนที่ผมไปทำงานที่เท็กซัส ตอนนั้นยังเรียนไม่จบป.ตรีเลยครับ ไปเจอกับแฟนที่นั่น ใช้เวลาคบหากันไม่นาน แล้วตัดสินใจแต่งงานโดยไม่บอกใคร ครอบครัวเขาโกรธมากที่เราแต่งงานกัน และผมเองก็ไม่มีอนาคตขณะที่แฟนผมอนาคตไกลมาก”
หญิงสาวตาโตเมื่อได้ยิน “เล่าต่อสิคะอย่างกับละครเลยค่ะ”
“กลับมาเมืองไทย ก็ถูกบังคับให้เลิกกัน ผมก็อกหักหนักมาก เพราะเป็นรักแรกด้วย กลายเป็นพ่อม่ายเลย”
“พ่อม่ายอีกแล้ว...” ระมิงค์เผลอรำพึงออกมา
“ทำไมเหรอครับ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรคะ” เธอหวนนึกถึงพิธานขึ้นมาแว้บหนึ่ง
“ผมก็มีเงินมาก้อนหนึ่งหลังจากกลับจากเมืองนอกและพ่อเสีย ไม่รงไม่เรียนต่อแล้วทำงานดีกว่า ผมเอาเงินไปลงทุนทำผับกับเพื่อนที่ต่างจังหวัด ไม่ถึงปีเจ๊งครับ เพราะเรามันเด็กๆ ไม่มีประสบการณ์ ไปสู้เจ้าถิ่นเขาไม่ได้ เลยกลับมาตั้งหลักใหม่ หยิบยืมเงินเพื่อนๆ บ้าง เพราะในครอบครัวผมเขาไม่สนใจผมแล้ว ทีนี้ผมชอบรถเก่า จากวิชาที่พอมีติดตัวอยู่บ้างตอนเรียนวิศวะก็ไปหาซื้อรถมือสองมือสาม แล้วก็เอามาซ่อมขาย ขยันทำงานอยู่แบบนี้เป็นปีๆ เริ่มใช้หนี้เพื่อนได้หมด มีเงินเก็บบ้าง แต่เป็นงานที่หนักนะครับ ผมเริ่มนอนไม่เป็นเวลา หรือบางทีก็ไม่ได้นอนเลย ร่างกายมันเริ่มไม่ไหวครับ มีวันหนึ่งผมน็อกเข้าโรงพยาบาลแบบไม่รู้ตัวเลย”
“เอ้า แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
“พอรู้สึกตัว พี่สาวต่างแม่ก็มาหา แล้วด่าผมเป็นชุด ผมก็เลยคิดได้ว่า เออ ผมอายุยังน้อย แต่ใช้ร่างกายเปลืองมาก ผมยังไม่อยากตาย เลยเลิกอาชีพซ่อมรถเก่าครับ แต่ก็ยังวนเวียนกับเรื่องของเก่าอยู่เหมือนเดิมแหละครับ เลยได้มาเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์มือสองที่คุณเห็น”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง แล้วแฟนล่ะคะ กลับมาหาคุณอีกมั้ย คุณมีอนาคตแล้วนี่”
“หึๆๆ” เขาหัวเราะอยู่ในลำคอแล้วส่ายหน้า “ไม่แล้วครับ ไปแล้วไปเลย พ่อแม่เขาด่าผมยับยู่ยี่ไปนานแล้ว แต่ตอนนั้นผมก็ยังคิดถึงเขาอยู่นะเพราะผมเองก็ยังไม่มีใครจริงจัง อกหักเรื่อยๆ มาครับ อาจจะเป็นที่เราเรียนไม่จบด้วยมั้ง มันคงดูไม่โก้” เขาจิบกาแฟก่อนเล่าต่อ
“จริงๆ ผมสนุกกับการหาของเก่าเข้าร้านมากเลยนะครับ ไหนจะมีคนเอามาขายให้ผมอีก ชีวิตมันมาก จนเริ่มจะไม่หลับไม่นอนอีกแล้ว ทีนี้วันหนึ่งไอ้เพื่อนสนิทของผมมันดันมาเล่าให้ผมฟังว่าไปเจอภรรยาเก่าของผมกับสามีใหม่ พร้อมลูกสาว โห ขนาดผมว่าผมทำใจได้แล้ว ยังทำให้ผมช็อกเลยครับ เหมือนอกหักซ้ำอีกรอบทั้งที่ฝ่ายหญิงไม่รับรู้ด้วยแล้ว”
“ผู้ชายก็เจ็บเป็นหรือคะ พี่เข้าใจว่ามีแต่ผู้หญิงที่เจ็บ”
“อ้าว เจ็บเป็นสิครับ แอบร้องไห้อยู่หลายวัน นอนไม่หลับไปหลายคืน เคยคิดว่าจะมีลูกจะสร้างครอบครัวด้วยกัน ทำไมเขาลืมผมได้ แต่ผมลืมเขาไม่ได้”
“เสียใจด้วยนะคะคุณเจน”
“มันนานมาแล้วครับคุณมิ้ง ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้ว ขอเล่าต่อนะครับ ใกล้จบแล้ว”
“ค่ะๆ ฟังอยู่ค่ะ” เธออมยิ้ม นึกเอ็นดูชายหนุ่มรุ่นน้องที่กระตือรือร้นอยากเล่าเรื่องรักคุดให้เธอฟัง
“พอผมอกหักซ้ำสอง ผมก็ยิ่งต้องทำตัวให้วุ่นๆ ยุ่งๆ บ้างานหนักๆ จะได้ลืมๆ ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน ปรากฏว่ายิ่งทำยิ่งนอนไม่หลับครับ ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะให้กับอาการป่วยของตัวเอง จากเรื่องเครียดกลายเป็นเรื่องตลกไปได้
“ทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณนอนไม่หลับ” เธอช่วยสรุป
“ครับผม และทำให้ผมได้มาเจอกับคุณที่คลินิก” เขาสบตาระมิงค์แล้วยิ้ม
“คุณมิ้งล่ะครับ คุณเคยเล่าค้างไว้คราวก่อน อกหักเหมือนกันหรือครับ”
“เปล่าค่ะ แต่...ว่าที่สามีตาย!”
“ห๊า!!”



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2565 9:42:32 น. 0 comments
Counter : 534 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Alex on the rock
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




Blog นี้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เป็นความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเขียนใน Blog กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยความสุภาพและเคารพสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญของเจ้าของ Blog ด้วย หากผู้อ่านที่แสดงความคิดเห็นไม่อาจจะปฏิบัติตามนี้ได้ เจ้าของ Blog สามารถลบความคิดเห็นของท่านโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ
[Add Alex on the rock's blog to your web]