ฤามหาสารคาม ไม่เหลืออะไรให้เที่ยว?
เราสอนเขียนบทสารคดี ทีนี้อยากจะพาเด็กลงพื้นที่ใกล้ๆ เพื่อให้พวกเขาได้ฝึกเขียนบทสารคดีท่องเที่ยวในมหาสารคามดู แต่ก่อนที่จะพาเด็กไป เราก็ต้องไปลงพื้นที่สำรวจก่อน จะได้ไม่หน้าแตก
จริงๆ อยากจะไปฟาร์มมหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่บังเอิญว่าวันที่เราจะพาเด็กไป เจ้าหน้าที่ไม่ว่างสักคน เลยยกเลิก เราสำรวจในเนตว่ามีที่ใดบ้างที่เว็บท่องเที่ยวแนะนำ ซึ่งหนึ่งในนั้น มี อุทยานวังมัจฉา ซึ่งอยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (จินตนาการไว้ว่ามันน่าจะดี) เป็นสถานที่ทางธรรมชาติ อยู่ต.เกิ้ง อ.เมือง ซึ่งไม่ไกลนัก
เราเดินทางไปตอนเย็นหลังเลิกงาน ใช้เวลาเดินทางครึ่งชม.กว่า เพราะเส้นทางในหมู่บ้านค่อนข้างลำบาก
มีป้ายบอกเป็นระยะๆ จนได้เห็นด้านหลังของอุทยาน
มองจากถนนตรงนี้ ก็เริ่มจะสวยแล้ว มันจะต้องสวย และน่าชมแน่ๆ ขับต่อไปเรื่อยๆ ตามป้ายบอก จนถึงหน้าวัดแห่งหนึ่ง
ค่อนข้างเงียบ เหมือนกับวัดร้าง จอดรถแล้วเดินเข้าไปในส่วนที่เขาจัดไว้เป็นอุทยาน...
อยากจะช็อคตายสามตลบ น้ำโคตรดำอย่างกับน้ำจากโรงงานอย่างนั้นล่ะ
คำแรกที่หลุดออกมาจากปากเรา "นี่เหรอวะ สถานที่ท่องเที่ยว" ไม่มีอะไรที่สวยงามเลยแม้แต่น้อย อากาศร้อนยังพอทน แต่น้ำดำ เราจะไม่ทน!! เห็นปลามั้ยคะ มันน่าสงสารมาก ที่ต้องทนอยู่ในน้ำเน่าๆ นั่น
เขาอุตส่าห์สร้างห้องน้ำสาธารณะไว้ให้ด้วย แต่อย่าได้คิดเข้าไปเลย ขนาดสถานที่ท่องเที่ยวยังสกปรก แล้วส้วมจะเหลือไว้ทำไม
พยายามจะหามุมดีๆ เผื่อจะมีอะไรให้รู้สึกดีกว่านี้
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครมาเที่ยวนะ คนที่มาเที่ยวคือ หนุ่มสาวที่หนีพ่อแม่มาพลอดรักกันแบบไม่สนใจน้ำเน่า ขอให้เงียบ และไม่มีใครตามมาเจอเป็นพอ
ร้านค้าแถวนั้นก็เป็นร้านส้มตำที่ดูไม่สะอาดเอาเสียเลย เขาอยู่กับแบบสกปรกๆ ไม่ได้ช่วยกันดูแลสถานที่ทำมาหากินแต่อย่างใด บางร้านเอาปลามาขายเพื่อให้ปล่อยลงแหล่งน้ำ คิดดูเอาว่า น้ำดำขนาดนั้น ปล่อยปลาลงไป มันไม่ตายหมดเหรอ คงทำบาปมากกว่าทำบุญ
มีการห้ามเอาขนมปังหรืออาหารปลามาจากที่อื่นด้วยนะ ต้องซื้อจากที่นี่เท่านั้น หึๆๆๆ สาบานได้ว่านี่มหาวิทยาลัยมหาสารคามดูแลแล้วใช่มั้ย??
น้ำดำจนเห็นเงาในน้ำชัดเจน
ไหนๆ ก็มาแล้ว ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกสักหน่อยว่าชาตินี้จะไม่มาอีกแล้ว
พอจะเดินกลับ ถึงเห็นว่า เขาก็พยายามจะมีอย่างอื่นให้ดูอีกนะ เอาสัตว์นานาชนิดมาเลี้ยงไว้รวมๆ กัน ประหลาดดี
นี่เหรอ ที่จอดรถของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ สงสัยคงมีคนมาเที่ยวเยอะสินะ
เดินออกมาด้วยความผิดหวัง และเสียใจที่มาเจอในสภาพเช่นนี้ นอกจากไม่ประทับใจแล้ว อยากรู้สึกสังเวชใจอีกต่างหาก บอกเลยว่าอย่าได้หลงไปเชียว ไม่แนะนำ ไปหาดูปลาในตู้เลี้ยงยังจะดีเสียกว่า
แต่ไม่อยากจะให้เสียเที่ยว ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว ขากลับผ่านทางเข้าวัดป่าวังน้ำเย็น หรือวัดพุทธวราราม
วัดนี้ได้ข่าวว่ามีพุทธศาสนิกชนในและนอกจังหวัดค่อนข้างศรัทธาพอสมควร ขึ้นชื่อว่าวัดป่า ในความคิดเราก็คงจะเป็นป่า (หลายแห่งที่เคยไปมาก็เป็นเช่นนั้น)
ที่ไหนได้ พอเข้าไปแล้ว ไม่มีป่าเหลืออยู่เลย ไม่มีอะไรที่จะบ่งบอกว่านี่คือวัดป่าเลยสักอย่างเดียว
มีเจดีย์ขนาดใหญ่ที่กำลังก่อสร้าง
มีศาลาไม้สักขนาดใหญ่ ทั้งหลังเป็นไม้สักหมด เจ้าอาวาสก็อยู่ที่นี่
ไม้บางท่อนที่นำมาใช้สร้างศาลาหลังนี้ใหญ่กว่าคนเดียวโอบด้วยซ้ำ พอเดินขึ้นไปบนศาลา เห็นกองสังฆทานจำนวนมากที่สุมๆ ไว้คงเหลือกินเหลือใช้แล้วล่ะ ญาติโยมก็ควรจะรู้และเห็นก่อนคิดจะถวายเพิ่ม
ชั้นบนมีพระพุทธรูปหลายองค์ สร้างด้วยแก้วสีแดง ไม่รู้เรียกว่าอะไรเหมือนกัน แต่ดูแปลกตาไม่จากพระพุทธรูปทั่วไป
มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก(แต่ห้ามนั่งมีไว้โชว์เฉยๆ) ที่ญาติโยมคงบริจาค รวมทั้งของมีค่าอื่นๆ อยู่ในศาลาแห่งนี้ด้วย
นี่เป็นองค์เจดีย์จำลอง ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะหุ้มทองคำ
แล้วจะเอามาจากไหนล่ะ ก็มาจากนี่ไง---เราคนหนึ่งล่ะคงไม่กล้าร่วมสร้าง บุญไม่ถึง
รอบวัดมีหอระฆังอลังการ และฆ้องใบใหญ่เท่าตึกสามชั้นเห็นจะได้
พอเดินดูรอบๆ ยังเหลือพื้นที่ของวัดที่กว้างขวางที่กำลังมีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น (น่าจะเรื่อยๆ เพราะปรับพื้นที่รอแล้ว) ไม่เห็นต้นไม้ที่เป็นป่า มีแต่ต้นไม้ที่ปลูกใหม่มากกว่า
เดินมาถึงริมรั้ววัด เห็นกองเศษไม้ที่คงรอสร้างอะไรต่อมิอะไรอีกในอนาคต
ทีแรกตั้งใจว่าไหนๆ ก็ไม่ได้สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างวังมัจฉาแล้ว จะให้เด็กเขียนสารคดีท่องเที่ยวทางศาสนาที่วัดนี้แทน แต่เปลี่ยนใจแล้วล่ะ ทำสารคดีเชิงข่าวน่าจะเหมาะกว่านะ
Create Date : 21 มีนาคม 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 21 มีนาคม 2558 17:12:58 น. |
Counter : 2714 Pageviews. |
|
|